สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับครอบครัวของแฟนผม
พ่อตาและแม่ยาย ซื้อทัวน์เพื่อไปเที่ยวนครวัดที่กัมพูชา มีกำหนดกลับถึงกรุงเทพฯช่วงค่ำๆวันอาทิตย์
ในวันอาทิตย์ เวลาประมาณสองทุ่ม แฟนผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้า
พ่อตาและแม่ยาย ประสบอุบัติเหตุ รถทัวน์พลิกคว่ำที่สระแก้ว ขณะกำลังกลับมาจากกัมพูชา
ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในจังหวัดสระแก้ว ยังพออุ่นใจว่าพ่อตาเป็นคนโทรมาแจ้งข่าวเอง คงไม่เป็นอะไร
แต่ยังไม่ได้ข่าวของแม่ยาย แต่พ่อตาก็บอกว่า เห็นแม่ยายเดินอยู๋ในที่เกิดเหตุ แต่พ่อตาเจ็บลุกไม่ไหว เลยไม่ได้คุยกันแค่เห็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เหตุการณ์ที่เกิด คือข่าวนี้ครับ http://hilight.kapook.com/view/105036
http://news.mthai.com/general-news/368184.html
ภาพในห้อง ER ของรพ. หนึ่งในสามคนนั้นคือพ่อตาผมเอง
ผมโทรติดต่อที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่าอาการทั้งสองท่านเป็นอย่างไรบ้าง
โทรไปทีแรก ทาง รพ. ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะยังไม่ได้เก็บข้อมูลประวัติคนไข้ มีคนเจ็บมาถึง 31 คนยังวุ่นวายอยู่
แต่เบื้องต้น แจ้งไว้ก่อนว่าไม่มีผู้เสียชีวิต ก็อุ่นใจไปได้อีกขั้น
เราเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นแล้วมุ่งหน้าไปสระแก้วทันที
พอไปถึงก็เจอพ่อตานอนบนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน และแม่ยายที่ใส่เฝือกที่ข้อมือทั้งสองข้าง นอนบนเตียงข้างๆกัน
พอได้คุยกับพยาบาลก็ได้รับแจ้งว่า พ่อตาไม่เป็นอะไร X-ray แล้วไม่พบกระดูหัก มีอาการปวดตามตัวมาก
ส่วนแม่ยาย ข้อมือหักสองข้างใส่เฝือกแล้ว และหัวแตกเย็บไปสี่เข็ม นอกนั้นไม่มีอะไรกระทบกระเทือน
ทาง รพ. แจ้งว่าไม่ได้เป็น case เร่งด่วนที่ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่น และอาการไม่รุนแรงมากสามารถกลับได้เลย
การนอนในห้อง ER นั้นไม่ได้สะดวกสบายเลย จึงพากันไปเปิดโรงแรมใกล้ๆกัน นอนพักเอาแรงแล้วค่อยขับรถเข้ากรุงเทพตอนเช้า
และเห็นตรงกันว่า จะมาเข้าตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพเมื่อมาถึง และไม่ลืมที่จะขอไฟล์ x ray จาก รพ. ที่สระแก้วมา
อาการของพ่อตานั้นคือมีอาการปวดที่บริเวณเอว สีข้างด้านขวา เยื้องไปด้านหลังมาก
เวลาขยับตัวเปลี่ยนท่าจากนั่งไปนอน นอนขึ้นมานั่ง ขึ้นลงรถจะปวดมาก
ส่วนแม่ยายมีอาการเจ็บแขนตลอดเวลา ตั้งแต่ข้อมือมาเกือบถึงข้อศอก (แม่ยายบอกว่า เจ็บกว่าตอนทำคลอดอีก)
ยิ่งตอนขับรถ แล้วรถมีแรงสะเทือน แค่เพียงสั่นๆ แม่ยายจะเจ็บปวดมาก จนน้ำตาไหลแทบตลอดเวลา
แต่ไม่มีทางเลือก ต้องทนนั่งบนรถจนมาถึงกรุงเทพ
พอกลับมาถึงกรุงเทพ ก็เข้า รพ.ธนบุรี 1
ก็พาเข้าห้อง ER พยาบาลก็เก็บข้อมูล เก็บประวัติคนไข้ และขอตรวจอาการ
จากอาการปวดของพ่อตา หมอได้ทำการ x ray ใหม่ พบว่ามีซี่โครงหัก 5 ซี่ ที่บริเวณชายโครงด้านขวาเยื้องไปด้านหลัง
ซึ่ง ทางรพ.ที่สระแก้ว ทำการ X ray เฉพาะแต่ด้านหน้าจึงไม่เจอ จึงถึงบางอ้อ ว่าทำไมถึงปวดนักปวดหนา (หมอที่ดูผล x ray ที่ รพ. ธนบุรีบอก)
ส่วนแม่ยาย พอหมอเอาผล x ray ของ รพ.ที่สระแก้วไปดู ก็เห็นว่า "กระดูกไม่หัก"
เลยขอ x ray ใหม่ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม คือกระดูกไม่หัก
หมอเลยมาตรวจอาการใหม่ บอกให้ขยับแขน ยกแขน กำมือ ขยับมือ ขยับนิ้ว
พบว่าแม่ยายทำได้หมด ยกแขนได้ กำมือได้ แต่พอแตะถูกแขนจะมีอาการเจ็บเหมือนมีเข็มแทง หรือไฟช้อต ซึ่งเจ็บมาก
หมอเลยขอ x ray คอ ก็เจอว่ากระดูกคอท่อนที่ 6 หักและไปแตะถูกเส้นประสาท (ไม่กดทับ) จึงทำให้มีอาการที่ปลายประสาทแขน
หมอเลยเอาเฝือกออก และใส่เฝือกคอแทนเพื่อให้กระดูกคออยู่นิ่งที่สุด
หมอบอกว่า โชคดีที่ไม่ใช่ท่อนที่ 7 เพราะถ้าเป็นท่อนที่ 7 จะมีผลที่ขาแทน
ซึ่งส่วนใหญ่ที่ประสบอุบัติเหตุแล้วกระดูกคอหักในท่อนที่ 7 มักลงเอยด้วยการนั่งรถเข็นตลอดชีวิต
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าเป็นโชคดีมากๆ ที่การที่ผมพาขับรถกลับมาจากสระแก้วแล้วท่านไม่เป็นอะไรมากขึ้น
และคิดถูกที่มาเข้า รพ.ใหม่เมื่อมาถึงกรุงเทพ ทำให้ผมนึกไปถึงว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีกำลังจ่าย
หรือคิดว่าการรักษาของที่แรกมันโอเคแล้ว ไม่ได้ไปเข้า รพ.รับการตรวจเพิ่มเติม
ผลอาจจกลายเป็นว่า อาการแย่ลงหนักกว่าเก่า
สำหรับกรณีการตรวจวินิจฉัยของที่ รพ. สระแก้ว ถ้าคิดในแง่ดี
ตอนนั้นอาจจะวุ่นวายมาก (แต่ผมว่าไม่ใช่ข้อแก้ตัว)
อุปกรณ์ที่ใช้ เช่นเครื่องฉาย x ray เก่า ทำให้ภาพไม่ชัด (หมอที่ รพ. ธนบุรีบอก)
หมออาจจะยังประสบการณ์ไม่มาก (ผมเห็นหมอที่อยู่เวรเด็กมาก)
ทำให้รู้สึกว่า ทำไมเราถึงคาดหวังผล หรือพึ่งพาการตรวจของ รพ. ใน ตจว. อย่างสระแก้วไม่ได้เลย
เพราะนี่คือ วินิจฉัยผลไปเป็นคนละเรื่องละราว และความซีเรียสรุนแรงของอาการ ก็คนละอย่างกันเลย
ตอนนี้ผ่านมาได้ราว 1 สัปดาห์ ทั้งสองท่านนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ธนบุรี 1
สุขภาพจิตดี กวน teen กันเองตลอดเวลา
กระทู้หนึ่งกระทู้นี้ของผม อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับวงการแพทย์ หรือการสาธารณสุขได้
แต่คงเป็นข้อเตือนใจใครหลายคนได้ ว่าการได้รับการรักษาที่ "ถูกต้อง" สำคัญมาก
การตรวจซ้ำอาจเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อการตรวจในบางสถานการณ์ มีความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง
เริ่มจากแขนหักกลายเป็นคอหัก อีกคนไม่เป็นไรมาเจอทีหลังว่าซี่โครงหัก จากหมอสองที่ วินิจฉัยไปคนละเรื่องละราว
พ่อตาและแม่ยาย ซื้อทัวน์เพื่อไปเที่ยวนครวัดที่กัมพูชา มีกำหนดกลับถึงกรุงเทพฯช่วงค่ำๆวันอาทิตย์
ในวันอาทิตย์ เวลาประมาณสองทุ่ม แฟนผมก็ได้รับโทรศัพท์จากน้า
พ่อตาและแม่ยาย ประสบอุบัติเหตุ รถทัวน์พลิกคว่ำที่สระแก้ว ขณะกำลังกลับมาจากกัมพูชา
ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลในจังหวัดสระแก้ว ยังพออุ่นใจว่าพ่อตาเป็นคนโทรมาแจ้งข่าวเอง คงไม่เป็นอะไร
แต่ยังไม่ได้ข่าวของแม่ยาย แต่พ่อตาก็บอกว่า เห็นแม่ยายเดินอยู๋ในที่เกิดเหตุ แต่พ่อตาเจ็บลุกไม่ไหว เลยไม่ได้คุยกันแค่เห็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมโทรติดต่อที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบว่าอาการทั้งสองท่านเป็นอย่างไรบ้าง
โทรไปทีแรก ทาง รพ. ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะยังไม่ได้เก็บข้อมูลประวัติคนไข้ มีคนเจ็บมาถึง 31 คนยังวุ่นวายอยู่
แต่เบื้องต้น แจ้งไว้ก่อนว่าไม่มีผู้เสียชีวิต ก็อุ่นใจไปได้อีกขั้น
เราเก็บข้าวของเท่าที่จำเป็นแล้วมุ่งหน้าไปสระแก้วทันที
พอไปถึงก็เจอพ่อตานอนบนเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน และแม่ยายที่ใส่เฝือกที่ข้อมือทั้งสองข้าง นอนบนเตียงข้างๆกัน
พอได้คุยกับพยาบาลก็ได้รับแจ้งว่า พ่อตาไม่เป็นอะไร X-ray แล้วไม่พบกระดูหัก มีอาการปวดตามตัวมาก
ส่วนแม่ยาย ข้อมือหักสองข้างใส่เฝือกแล้ว และหัวแตกเย็บไปสี่เข็ม นอกนั้นไม่มีอะไรกระทบกระเทือน
ทาง รพ. แจ้งว่าไม่ได้เป็น case เร่งด่วนที่ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอื่น และอาการไม่รุนแรงมากสามารถกลับได้เลย
การนอนในห้อง ER นั้นไม่ได้สะดวกสบายเลย จึงพากันไปเปิดโรงแรมใกล้ๆกัน นอนพักเอาแรงแล้วค่อยขับรถเข้ากรุงเทพตอนเช้า
และเห็นตรงกันว่า จะมาเข้าตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพเมื่อมาถึง และไม่ลืมที่จะขอไฟล์ x ray จาก รพ. ที่สระแก้วมา
อาการของพ่อตานั้นคือมีอาการปวดที่บริเวณเอว สีข้างด้านขวา เยื้องไปด้านหลังมาก
เวลาขยับตัวเปลี่ยนท่าจากนั่งไปนอน นอนขึ้นมานั่ง ขึ้นลงรถจะปวดมาก
ส่วนแม่ยายมีอาการเจ็บแขนตลอดเวลา ตั้งแต่ข้อมือมาเกือบถึงข้อศอก (แม่ยายบอกว่า เจ็บกว่าตอนทำคลอดอีก)
ยิ่งตอนขับรถ แล้วรถมีแรงสะเทือน แค่เพียงสั่นๆ แม่ยายจะเจ็บปวดมาก จนน้ำตาไหลแทบตลอดเวลา
แต่ไม่มีทางเลือก ต้องทนนั่งบนรถจนมาถึงกรุงเทพ
พอกลับมาถึงกรุงเทพ ก็เข้า รพ.ธนบุรี 1
ก็พาเข้าห้อง ER พยาบาลก็เก็บข้อมูล เก็บประวัติคนไข้ และขอตรวจอาการ
จากอาการปวดของพ่อตา หมอได้ทำการ x ray ใหม่ พบว่ามีซี่โครงหัก 5 ซี่ ที่บริเวณชายโครงด้านขวาเยื้องไปด้านหลัง
ซึ่ง ทางรพ.ที่สระแก้ว ทำการ X ray เฉพาะแต่ด้านหน้าจึงไม่เจอ จึงถึงบางอ้อ ว่าทำไมถึงปวดนักปวดหนา (หมอที่ดูผล x ray ที่ รพ. ธนบุรีบอก)
ส่วนแม่ยาย พอหมอเอาผล x ray ของ รพ.ที่สระแก้วไปดู ก็เห็นว่า "กระดูกไม่หัก"
เลยขอ x ray ใหม่ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม คือกระดูกไม่หัก
หมอเลยมาตรวจอาการใหม่ บอกให้ขยับแขน ยกแขน กำมือ ขยับมือ ขยับนิ้ว
พบว่าแม่ยายทำได้หมด ยกแขนได้ กำมือได้ แต่พอแตะถูกแขนจะมีอาการเจ็บเหมือนมีเข็มแทง หรือไฟช้อต ซึ่งเจ็บมาก
หมอเลยขอ x ray คอ ก็เจอว่ากระดูกคอท่อนที่ 6 หักและไปแตะถูกเส้นประสาท (ไม่กดทับ) จึงทำให้มีอาการที่ปลายประสาทแขน
หมอเลยเอาเฝือกออก และใส่เฝือกคอแทนเพื่อให้กระดูกคออยู่นิ่งที่สุด
หมอบอกว่า โชคดีที่ไม่ใช่ท่อนที่ 7 เพราะถ้าเป็นท่อนที่ 7 จะมีผลที่ขาแทน
ซึ่งส่วนใหญ่ที่ประสบอุบัติเหตุแล้วกระดูกคอหักในท่อนที่ 7 มักลงเอยด้วยการนั่งรถเข็นตลอดชีวิต
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าเป็นโชคดีมากๆ ที่การที่ผมพาขับรถกลับมาจากสระแก้วแล้วท่านไม่เป็นอะไรมากขึ้น
และคิดถูกที่มาเข้า รพ.ใหม่เมื่อมาถึงกรุงเทพ ทำให้ผมนึกไปถึงว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีกำลังจ่าย
หรือคิดว่าการรักษาของที่แรกมันโอเคแล้ว ไม่ได้ไปเข้า รพ.รับการตรวจเพิ่มเติม
ผลอาจจกลายเป็นว่า อาการแย่ลงหนักกว่าเก่า
สำหรับกรณีการตรวจวินิจฉัยของที่ รพ. สระแก้ว ถ้าคิดในแง่ดี
ตอนนั้นอาจจะวุ่นวายมาก (แต่ผมว่าไม่ใช่ข้อแก้ตัว)
อุปกรณ์ที่ใช้ เช่นเครื่องฉาย x ray เก่า ทำให้ภาพไม่ชัด (หมอที่ รพ. ธนบุรีบอก)
หมออาจจะยังประสบการณ์ไม่มาก (ผมเห็นหมอที่อยู่เวรเด็กมาก)
ทำให้รู้สึกว่า ทำไมเราถึงคาดหวังผล หรือพึ่งพาการตรวจของ รพ. ใน ตจว. อย่างสระแก้วไม่ได้เลย
เพราะนี่คือ วินิจฉัยผลไปเป็นคนละเรื่องละราว และความซีเรียสรุนแรงของอาการ ก็คนละอย่างกันเลย
ตอนนี้ผ่านมาได้ราว 1 สัปดาห์ ทั้งสองท่านนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ธนบุรี 1
สุขภาพจิตดี กวน teen กันเองตลอดเวลา
กระทู้หนึ่งกระทู้นี้ของผม อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับวงการแพทย์ หรือการสาธารณสุขได้
แต่คงเป็นข้อเตือนใจใครหลายคนได้ ว่าการได้รับการรักษาที่ "ถูกต้อง" สำคัญมาก
การตรวจซ้ำอาจเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อการตรวจในบางสถานการณ์ มีความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง