ขอทาน....ธุรกิจค้ามนุษย์รูปแบบใหม่!!!

สวัสดีค่ะชาวพันทิป วันนี้อยากจะมาเล่าอีกแง่มุมหนึ่งของธุรกิจที่กำลังแพร่หลายกันอย่างมาก เพราะว่าทำกำไรสูง เป็นธุรกิจที่หากินบนความสงสารและน้ำใจของมนุษย์
        เคยสังเกตไหมคะว่าเดี๋ยวนี้ขอทานมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ทุกๆวันนี้มีการขอทานแทบจะทุกที่บนข้างถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน บอกก่อนค่ะว่าแต่ก่อนเนี่ย หนูก็เป็นคนนึงที่รู้สึกสงสารขอทานมากๆ ยิ่งพวกคนแก่ๆ เห็นแล้วก็ควักเศษสตางค์ออกมาช่วยเหลือบ้างเล็กๆน้อยๆ ห้าบาท สิบบาทค่ะ ตอนนั้นก็รู้สึกว่าแค่ไม่กี่บาท ได้ทำบุญ ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทำแล้วสบายใจ ตอนนั้นรู้สึกว่าเรามีโอกาสมากกว่าเค้าเยอะ ก็เลยโอเค สบายใจมากกับการสละเศษเงินเล็กน้อย หนูเชื่อว่าจะมีคนคิดแบบนี้อยู่ส่วนหนึ่งนะคะ แต่ว่าวันนี้อยากมาบอกอีกแง่มุมหนึ่งของการขอทานที่นำไปสู่ธุรกิจการค้ามนุษย์อย่างเต็มรูปแบบค่ะ
        ทุกวันนี้มีเด็กหายออกจากบ้านเยอะมากค่ะ หนูได้ไปค้นคว้าหาข้อมูลแล้วก็สรุปมาอย่างคร่าวๆ คือมีเด็กที่หาย โดยประมาณเฉลี่ยแล้วตกอยู่ที่ปีละ 300 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น่าใจหายมาก เด็กเหล่านี้หายไปด้วยหลายปัจจัยค่ะ มีทั้งที่โดนล่อลวงทางอินเทอร์เน็ต หรือว่าหนีออกจากบ้าน และกรณีถูกลักพาตัว
        ประเด็นนี้น่าสนใจมากว่า เมื่อมีการลักพาตัวเด็กแล้ว เด็กเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน คำตอบก็จะมีหลายรูปแบบค่ะ บ้างก็นำไปขายอวัยวะ บ้างก็ส่งไปค้าประเวณี บ้างก็นำไปขายเป็นแรงงาน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น รวมทั้งการลักพาตัวเพื่อนำมาเข้าธุรกิจมืด หรือธุรกิจขอทาน เนื่องจากว่าธุรกิจนี้สร้างรายได้ได้มากทีเดียวเนื่องจากต้นทุนต่ำมากๆ หรือบางทีอาจจะไม่มีต้นทุนเลยด้วยซ้ำ โดยการทำงานของธุรกิจมืดนี้จะมีตั้งแต่ทำในวงแคบๆ คือทำเป็นครอบครัว จนถึงทำเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่
        มาพูดถึงวงแคบๆกันก่อนนะคะ วงแคบๆในที่นี้คือทำเป็นครอบครัวเล็กๆค่ะ ขอทานรูปแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นวัยกลางคนจนถึงคนแก่ พวกนี้จะมาในรูปแบบของคนพิการ หรือคนแก่ที่น่าสงสาร รายได้ต่อวันไม่ต้องพูดถึง ถึงแม้ว่าทุกครั้งที่เรามองไปที่ขันหรือแก้วที่พวกเค้าถืออยู่จะมีเงินอยู่แค่บาทสองบาท แต่นั่นก็เป็นแค่การพรางตา หรือเรียกง่ายๆคือเป็นกลยุทธในการทำให้ดูน่าสงสารมากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะเมื่อเป็นแบบนั้นจะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ยอมควักแบงค์ 20 แบงค์50 หรือมากสุด แบงค์100 ก็มีค่ะ ซึ่งเงินเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในถุงพลาสติกเล็กๆซ่อนไว้ในเสื้อของพวกเค้า ขอทานหลายคนมากที่ร่ำรวยจากอาชีพ หรือธุรกิจนี้ บางคนมีโทรศัพท์สมาทโฟนแพงๆ บางคนมีรถ มีบ้าน
            รูปแบบของนักขอทานที่แกล้งทำเหมือนพิการก็มีมากมายค่ะ มีตั้งแต่แกล้งทำเป็นขาด้วน มีการใช้ผ้าพันแผล หรือใช้สีผสมอาหารทำเลือดปลอม การแกล้งตาบอด และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมีหลักฐานจากการเฝ้าสังเกตการพฤติกรรมของนักขอทานมาแล้วหลายชิ้น สิ่งที่น่าสังเกตมากเลยคือพวกเข้าไม่ต้องการข้าว ไม่ต้องการน้ำ เค้าต้องการแค่เงินค่ะ ในที่นี้ต้องบอกก่อนนะคะว่า อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำงานขอทานเป็นอาชีพ อาจจะมีคนที่พิการจริงๆ หรือเป็นคนพเนจร คนไร้ญาติจริงๆ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องพิจารณาด้วยวิจารณญาณส่วนบุคคลดีๆนะคะ
        อีกรูปแบบเป็นการทำงานที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ค่ะ คือจะมีนายหน้า ลักษณะการทำงานจะทำงานเป็นกลุ่มใหญ่ๆ แต่ว่าจะกระจายกันทำงาน มีทั้งลักพาตัวเด็กมา มีทั้งไปซื้อเด็กต่างด้าวมา ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 5 ขวบค่ะ เด็กพวกนี้ถูกจ้างมาเดือนละประมาณ 4,000-5,000 บาท วิธีการทำงานคือจะมีคนคุมพาเด็กมาส่งตามจุดต่างๆ แล้วจะยืนเฝ้าเด็กในระยะที่ไม่ห่างมาก โดยเด็กจะต้องทำงานทั้งวันโดยไม่มีการพัก เมื่อได้เงินจำนวนมากก็จะวิ่งเอาเงินไปส่งให้คนคุม เด็กเหล่านี้จะทำงานกันจนถึงประมาณ 3 ทุ่มค่ะ ถึงจะได้กลับไปเข้าที่พัก โดยเมื่อเด็กมีอายุมากกว่า 5 ขวบแล้วจะถูกส่งไปขายดอกไม้บ้าง ทิชชู่บ้างตามย่านต่างๆ
        จากเรื่องที่เล่ามานี้ หนูเห็นปัญหาหลักๆอยู่ 2 จุดค่ะ จุดแรกก็เรื่องของสิทธิมนุษยชน เด็กเล็กๆไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรืออยากมาทำงานแบบนี้ งานที่ต้องมานั่งตากแดดตากลม ทั้งๆที่เด็กเหล่านี้ควรจะได้อยู่กับเพื่อนๆวัยเดียวกัน ได้เรียนได้เล่นตามวัย จุดที่สองคือ ขอทานทุกวันนี้เกลื่อนกล่านเต็มทางเดิน ทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร ในบางครั้งชั่วโมงเร่งด่วนที่ทุกคนกำลังเร่งรีบ แต่ต้องพยายามเดินหลีกขอทานที่นอนกลางถนนบ้าง นั่งกินที่ทางเดินบ้าง คือต้องเข้าใจว่าทางเดินเป็นที่สาธารณะ ต้องมีความเกรงใจบ้าง บางครั้งการมีขอทานยังทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศดูแย่ลงด้วยซ้ำ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ว่าเรื่องเล็กๆหลายๆเรื่องก็รวมกันเป็นเรื่องใหญ่ได้
        สิ่งที่ควรจะทำคือ หยุดให้เงินขอทานค่ะ เพราะการทำแบบนี้เหมือนเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจของขอทาน หรือนิสัยการแบมือขอเอาง่ายๆไม่หมดไป ถ้าเราเลิกให้เงินขอทานพวกนี้แล้ว ปัญหาการลักพาตัวจะน้อยลง ปัญญาขอทานเกลื่อนถนนจะเริ่มหายไป สำหรับบางคนที่กำลังคิดว่า แล้วถ้าเค้าต้องการความช่วยเหลือจริงๆล่ะ ต้องอย่าลืมนะคะว่า ยิ่งเราทำอย่างนี้เหมือนเป็นการส่งเสริมให้คนใช้วิธีง่ายๆ คือการนั่งรอและขอ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทางออกที่ดีกว่าการรอและขอยังมีอีกเยอะค่ะ หวังว่าจะมีคนส่วนหนึ่งที่เห็นด้วยนะคะ เพราะถ้ามีคนหยุดให้เงินกับธุรกิจแบบนี้ คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยได้ไม่มากก็น้อยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่