กระทู้ติดเรทนิดนึงนะคะ.. 18+ ค่ะ
กับการตั้งกระทู้...นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเราค่ะและคิดว่าคงเป็นกระทู้สุดท้าย ปกติเราเป็นคนที่คิดแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด ไม่ค่อยขอคำปรึกษาใคร ไม่ได้อยู่กับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่า independent สุดๆ จะเป็นฝ่ายให้คำปรึกษาชาวบ้านมาตลอด แต่เจอโจทย์นี้ บอกตรงๆ ว่าตัน และไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ที่ผ่านมาไม่เคยสุงสิงกับ Playboy คิดว่าน่าจะได้คำปรึกษาดีๆ จากพันทิปค่ะ เคยเห็นเพื่อนพูดถึงบ่อยๆ เรื่องยาวหน่อยนะคะ ถ้าใครมีประสบการณ์ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า... เรามีเพื่อนผู้ชายชาวสิงคโปร์คนนึง สมมติให้ชื่อริค รู้จักมาหลายปีตั้งแต่เรามาอยู่ กทม. (ก่อนหน้านี้เราอยู่ต่างประเทศ) เจอกันครั้งแรกที่สถานที่หนึ่งขอสงวนนาม แต่ให้ทราบว่าไม่ใช่ผับบาร์หรือที่อโคจรแต่อย่างใดค่ะ เค้าเป็นคนเข้ามาทำความรู้จักกับเราก่อน ก็ไม่ได้อะไร พูดคุยกันเหมือนเพื่อนทั่วไป เค้าดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ หน้าตาไม่ใช่สเปคเราเลย แถมแวว Playboy ฉายชัดเจน ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เท่าไหร่ แม้ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่เรานับถือเล่าเรื่องของเขาให้เราฟังว่าเขาเป็นคนใจดี มีเมตตา นิสัยดี น่ารักขนาดไหนก็ตาม ใจเราก็มีอคติว่าไม่น่าเชื่อ
หลังจากรู้จักกันได้ไม่นานก็พบว่าเรา 2 คน เกิดวันเดียวเดือนเดียวกัน แต่คนละปี (ริคอายุมากกว่า) ทุกครั้งที่เจอกัน ริคจะเข้ามาทักทายเราตลอดคุยกันนิดหน่อยก็แยกย้ายกัน จนวันหนึ่งเค้าเอ่ยปากว่า วันเกิดครั้งถัดไปเรา 2 คนควรไปฉลองด้วยกัน ตอนนั้นเราก็เฉยๆ ไม่ได้อยากไปด้วยแต่ก็รับปากไปงั้นๆ เพราะเราเป็นคนที่ตารางชีวิตค่อนข้างแน่น ทั้งงานประจำ งานเสริม และงานอดิเรก ไม่ค่อยมีเวลาว่างจึงไม่อยากใช้มันกับคนที่จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิต ซึ่งพอถึงวันเกิดเรา เราก็บ่ายเบี่ยงสำเร็จ
ในระหว่างนั้น ก็มีกินข้าวกันบ้างกับริคแต่ไปเป็นกลุ่ม จริงๆ เค้าชวนเราไปสองคน แต่เราเนียนลากเพื่อนคนอื่นไปด้วย ไม่อยากไปสองต่อสอง 555 เค้าก็มีส่งข้อความมาหาบ้างประปราย มีหยอด miss you เสร็จแล้วก็บอกว่า kidding แต่เราแทบจะไม่ตอบเลย อย่างที่บอก ไม่ค่อยว่างและไม่อยากเสียเวลา
จนปีถัดมา ก็ยังคุยกันเรื่อยๆ ริคก็เสมอต้นเสมอปลายดี คือ เจอกันก็เดินมาทักทุกครั้ง หยอดคำหวานในข้อความได้เสมอต้นเสมอปลาย เราก็เฉยๆ เสมอต้นเสมอปลาย วันหนึ่งแชทกันไม่รู้เค้าคิดอะไรอยู่ๆ ก็แชร์ให้เราฟังเรื่องส่วนตัวสุดๆ คุยกันยาวมากแต่สรุปใจความได้ว่าเค้าเป็นผู้ชายไม่ดี เพราะมีแฟนอยู่แล้ว คบกันมา 7 ปี แต่แฟนเค้าไม่ค่อยมีความต้องการเรื่องอย่างว่า เค้าจึงมีกิ๊กหลายคนเลย มีไว้เพื่อระบายเรื่องอย่างว่า ซึ่งเหล่ากิ๊กก็รู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วและเต็มใจ แต่แฟนเค้าไม่รู้ ทุกครั้งเค้าป้องกันตลอด เค้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากหยุดแต่หยุดไม่ได้เพราะไฟราคะมันเผาจนทนไม่ไหว เราอ่านไปก็อึ้ง ไม่คิดว่า Playboy คนนี้จะเป็นมากกว่าที่เราจินตนาการ สงสารแฟนเค้ามาก แต่ก็ให้คำแนะนำไปว่ามันไม่ดี เซ็กส์เป็นสิ่งที่สวยงามแต่ควรมีกับคนเดียวที่คุณแต่งงานด้วยเพราะมันเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับคนสองคนที่รักกัน ถ้าทนไม่ไหวก็ระบายด้วยการออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก หรือถ้าสุดๆ จริงๆ ก็แม่นางทั้ง 5 ค่ะ ริคบอกว่าเค้าจะหยุดทันทีที่เจอคนที่ใช่ และจะเป็น family man เพื่อสร้างครอบครัว เราตอบไปว่า ถ้ายูตั้งเงื่อนไขเจอคนที่ใช่แล้วยูจะหยุดก็รอไปทั้งชาตินะ แทนที่จะรอคนที่ใช่ยูต้องทำตัวเป็นคนที่ใช่ของผู้หญิงก่อน เราไม่แน่ใจว่าคำแนะนำเราซึมเข้าหัวเค้าบ้างหรือเปล่า
เรากับริคก็สนิทกันมากขึ้น และในที่สุดเราได้ไปกินดินเนอร์วันเกิดของเรา 2 คนกับเค้าเป็นครั้งแรก ก็พูดคุยเรื่องทั่วไป เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน แลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน ได้รู้ว่าแม่เค้าป่วย และได้รู้ว่าเค้าเลิกกับแฟนมาสักระยะแล้ว หลังจากดินเนอร์ครั้งนั้นก็ทำให้สนิทมากขึ้นไปอีก ได้รู้จักเค้าในมุมดีๆ ที่ไม่ใช่ Playboy
ริคปฏิบัติกับเราดีมากและนับวันยิ่งมากขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แวะดื่มเบียร์กัน เรานั่งในมุมที่แอร์ลงและรู้สึกหนาว ไม่ได้พูดอะไร แต่เค้าสังเกตเห็นก็ถามเราว่า are you cold? ก็เลยพาเราเปลี่ยนโต๊ะนั่งแม้เราจะบอกว่าไม่เป็นไร เราทึ่งเล็กน้อย ปกติไม่เคยมีใครสังเกตเราแบบนี้
เวลาไปเที่ยวข้างนอก เช่น ไปสวนสนุก ไปเดินเล่น ไม่ว่าจะไปกัน 2 คนหรือกับกลุ่มเพื่อน เค้าจะถือกระเป๋าให้เราตลอด ถ้าเราแวะซื้อน้ำก็จะแย่งขวดน้ำเราไปถือด้วย พอเราดึงขวดน้ำมาจะเปิดดื่ม เค้าก็จะคว้ากลับไปเปิดขวดน้ำให้เรา คือง่ายๆ ว่า เราเป็นเจ้าหญิง...หรือเป็นง่อย มองได้สองมุม
บางครั้งนั่งอยู่ดีๆ ก็จะมานวดหลังให้เรา เวลาเดินผ่านเราก็เอามือมาขยี้ผม หรือถ้ายืนอยู่เฉยๆ ก็จะเอาแขนมาพาดบนไหล่เรา เห็นเราเป็นที่พักแขนไปซะงั้น
เวลาคุยกันเค้าจะชอบพูดทีเล่นทีจริง เช่น ผมจะไปหาสาวสก๊อยที่ไหนได้บ้าง (อธิบายเพิ่มเติม เค้าเคยเป็นนักแข่งรถ ซิ่งทั้งมอเตอร์ไชค์และรถยนต์ และก็เพ้อว่าอยากกลับไปสร้างตำนานอีก ก็เลยอยากหาสาวไว้ซ้อนท้าย) เราก็เลยแซวว่าถ้าจะเอาสก๊อยต้องไปแถวหน้าโรงเรียนมัธยมแต่ระวังติดคุกนะ เค้าบอกว่าสก๊อยเค้าต้องสก๊อยไฮโซ และวันดีคืนดีก็มาเรียกว่าเราสก๊อยซะเอง พอเราโวยก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เราไม่ผ่านเกณฑ์การเป็นสก๊อยของเค้าหรอก
เวลาเดินทางไปบางประเทศ พาสปอร์ตของสิงคโปร์จะทำอะไรได้ง่ายกว่า เราก็จะบ่นว่าอย่างนี้ต้องไปขอซิติเซนสิงคโปร์จะได้มีอภิสิทธิ์บ้าง ริคก็จะแซวว่างั้นก็แต่งงานกับผมสิ กลายเป็นมุขตลกเนียนเวลาไปข้างนอกก็เรียกว่าเรา wife ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเขินเลย โกรธมากกว่า กลัวเจอผู้ชายดีๆ แล้วอีตาริคจะมาสกัดดาวรุ่ง
วันเวลาผ่านไป กระทั่งวันหนึ่ง... เป็นวันที่เราคิดว่าเราตกหลุมพ่อ Playboy ริคเข้าแล้ว...
เป็นครั้งแรกที่ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนด้วยกัน ตอนนั้นค่อนข้างค่ำ เราไปถึงตอนที่เค้าวิ่งได้ซักชั่วโมงแล้ว ฉากที่ริควิ่งมาหาเราเหงื่อไหลเป็นน้ำโคตรเซ็กซี่เลยอะ วินาทีนั้นเราคิดว่าเราชอบเค้าเข้าแล้ว เรามัวแต่เบลอจนวิ่งคลาดกัน เราก็วิ่งรอบของเราไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาปิดประตูก็ค่อยไปเจอกันตรงทางเข้า เราออกมาเจอเค้าข้างนอก เค้าบอกว่าเป็นห่วงเรามาก วิ่งหาเราไปทั่ว จนได้รอบเยอะกว่าที่วิ่งปกติถึงสองเท่า แล้วก็บ่นประมาณว่าทำไมผมต้องวิ่งตามหาคุณด้วยเนี่ย เหนื่อยชะมัด หลังจากวิ่งเสร็จเค้าชวนเราไปที่คอนโด........... จะทำสมู้ทตี้ให้ดื่ม เสร็จแล้วจะให้เรากลับบ้านเลย............ มุขนี้คุ้นๆ มั้ยคะ?
พอไปถึงที่คอนโด เราก็ดูไฟตรงวิวระเบียงก่อนเลย กลับเข้ามาอีกที คุณริคของเราเปลือยท่อนบนไปซะแล้ว เค้าขอตัวอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วก็ทำสมูทตี้ให้เราดื่ม ก่อนดื่มเค้าเตือนเราว่า มันเป็นยาเสน่ห์ถ้าเราดื่มแล้วจะตกหลุมรักเค้า เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะถอนตัวไม่ขึ้น เราก็หัวเราะแต่ก็ดื่มจนหมด ระหว่างนั้นก็คุยคุยเรื่องอาการป่วยของแม่ เรื่องงาน เรื่องสรรพเพเหระ ดื่มเสร็จเค้าพาเราชมห้อง อวดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีเป็นตู้คอนเล็คชั่นพร้อมชิ้นส่วนอย่างกะชิ้นส่วนรถยนต์ ให้เราลองสูบด้วย แต่เราไม่ชอบ จากนั้นก็พาเราไปชมลำโพงที่เค้าประกอบเอง.....ในห้องนอน.....ว่าเสียงมันมหัศจรรย์ขนาดไหน..... เชิญเรานั่งลงบนเตียงและ...ให้เราฟังเพลงจนจบ เม้าท์ว่าลำโพงที่เค้าประกอบเองมันสุดยอดขนาดไหน แล้วก็ถึงเวลาพาเราไปส่งที่รถไฟฟ้ากลับบ้าน (ไม่มีฉากวาบหวิวค่ะ ขออภัยถ้าใครคาดหวัง อิอิ) ระหว่างที่อยู่ที่คอนโดเค้าไม่ได้แตะต้องเราเลย ยกเว้นตอนที่เราเอามือสัมผัสวอยซ์ลำโพงเพราะรูปร่างมันแปลกดี เค้าดึงมือเราออกกลัวเราจะทำของเค้าเสีย เพราะเพิ่งเล่าให้เค้าฟังว่าสมัยเด็กเราชอบจิ้มวอยซ์เล่น จนทำลำโพงเสียไปหลายอัน
หลังจากเจอมุขยาเสน่ห์สมูทตี้ เราก็ยังเจอหยอดอยู่เรื่อยๆ เช่น ส่งรูปอาหารมาให้เราดู บอกว่าซื้อไว้ให้เราแต่พอเราขอกินกลับบอกว่าอย่ากินเลย กินแล้วเดี๋ยวตกหลุมรักเค้า เราจะเสียใจเปล่าๆ ที่มารักคนไม่ดีอย่างเค้า เราเลยหยอดกลับไปบ้างว่า ไม่ต้องห่วงเค้าไม่ใช่สเปคเรา เค้าก็ตอบกลับว่าดีเลยเพราะเราก็ไม่ใช่สเปคเค้าเหมือนกัน แต่ก็จบท้ายบทสนทนาว่า ดูแลตัวเองด้วยนะคุณภรรยา หรืออะไรทำนองนี้ ทำเหมือนไม่สนใจเราแต่ก็ทักเรามาทุกวัน ถามว่าทำอะไรว่างมั้ย ชวนไปโน่นนี่ ฯลฯ
เรื่องทั้งหมดคร่าวๆ ก็เป็นอย่างนี้ อยากได้คำแนะนำค่ะว่าที่เค้าปฏิบัติกับเราทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนปฏิบัติต่อกันหรือเปล่า เค้ามีใจให้เราหรือแค่เอ็นดูเราแบบเพื่อน/น้องสาว หรือทำไปด้วยความเคยชินที่เคยปฏิบัติกับกิ๊ก เราหวั่นไหว และรู้สึกว่าจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว เพลียจิตค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดี เราเองก็กลัวว่าถ้าเค้าทิ้งนิสัยเดิมไม่ได้เราคงไม่เล่นด้วยแต่อีกใจก็แอบหวังว่าเค้าจะเปลี่ยนเป็น family man ได้ หรือที่เค้าทำมาทั้งหมดเพียงเพราะหวังในตัวเราหลอกให้เราตายใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราจะได้ตัดใจและปล่อยเค้าไปตามทางค่ะ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
ปล.1 เนื้อหาที่ให้เป็นเพียงบางส่วนเพราะกลัวเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันเข้ามาอ่านจะรู้ทันที อายค่ะ
ปล.2 เผื่อบางคนสงสัยว่าเราสนิทกับริคขนาดไหน เราเคยไปนอนบ้านเค้า รู้จักพ่อแม่พี่น้องเค้าหมด
ปล.3 แท็กไม่ถูกค่ะว่าจะไปอยู่ห้องไหน เลือกปัญหาชีวิต กับ ความรักวัยรุ่น ใกล้เคียงสุดแล้ว แม้วัยเราจะเลยวัยรุ่นมานานมากแล้วก็ตาม
เพื่อนสนิทผู้ชาย (Playboy) ปฏิบัติกับเราอย่างนี้ หมายความว่ายังไง
กับการตั้งกระทู้...นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเราค่ะและคิดว่าคงเป็นกระทู้สุดท้าย ปกติเราเป็นคนที่คิดแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด ไม่ค่อยขอคำปรึกษาใคร ไม่ได้อยู่กับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่า independent สุดๆ จะเป็นฝ่ายให้คำปรึกษาชาวบ้านมาตลอด แต่เจอโจทย์นี้ บอกตรงๆ ว่าตัน และไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ที่ผ่านมาไม่เคยสุงสิงกับ Playboy คิดว่าน่าจะได้คำปรึกษาดีๆ จากพันทิปค่ะ เคยเห็นเพื่อนพูดถึงบ่อยๆ เรื่องยาวหน่อยนะคะ ถ้าใครมีประสบการณ์ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า... เรามีเพื่อนผู้ชายชาวสิงคโปร์คนนึง สมมติให้ชื่อริค รู้จักมาหลายปีตั้งแต่เรามาอยู่ กทม. (ก่อนหน้านี้เราอยู่ต่างประเทศ) เจอกันครั้งแรกที่สถานที่หนึ่งขอสงวนนาม แต่ให้ทราบว่าไม่ใช่ผับบาร์หรือที่อโคจรแต่อย่างใดค่ะ เค้าเป็นคนเข้ามาทำความรู้จักกับเราก่อน ก็ไม่ได้อะไร พูดคุยกันเหมือนเพื่อนทั่วไป เค้าดูเป็นผู้ชายธรรมดาๆ หน้าตาไม่ใช่สเปคเราเลย แถมแวว Playboy ฉายชัดเจน ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เท่าไหร่ แม้ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่เรานับถือเล่าเรื่องของเขาให้เราฟังว่าเขาเป็นคนใจดี มีเมตตา นิสัยดี น่ารักขนาดไหนก็ตาม ใจเราก็มีอคติว่าไม่น่าเชื่อ
หลังจากรู้จักกันได้ไม่นานก็พบว่าเรา 2 คน เกิดวันเดียวเดือนเดียวกัน แต่คนละปี (ริคอายุมากกว่า) ทุกครั้งที่เจอกัน ริคจะเข้ามาทักทายเราตลอดคุยกันนิดหน่อยก็แยกย้ายกัน จนวันหนึ่งเค้าเอ่ยปากว่า วันเกิดครั้งถัดไปเรา 2 คนควรไปฉลองด้วยกัน ตอนนั้นเราก็เฉยๆ ไม่ได้อยากไปด้วยแต่ก็รับปากไปงั้นๆ เพราะเราเป็นคนที่ตารางชีวิตค่อนข้างแน่น ทั้งงานประจำ งานเสริม และงานอดิเรก ไม่ค่อยมีเวลาว่างจึงไม่อยากใช้มันกับคนที่จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับชีวิต ซึ่งพอถึงวันเกิดเรา เราก็บ่ายเบี่ยงสำเร็จ
ในระหว่างนั้น ก็มีกินข้าวกันบ้างกับริคแต่ไปเป็นกลุ่ม จริงๆ เค้าชวนเราไปสองคน แต่เราเนียนลากเพื่อนคนอื่นไปด้วย ไม่อยากไปสองต่อสอง 555 เค้าก็มีส่งข้อความมาหาบ้างประปราย มีหยอด miss you เสร็จแล้วก็บอกว่า kidding แต่เราแทบจะไม่ตอบเลย อย่างที่บอก ไม่ค่อยว่างและไม่อยากเสียเวลา
จนปีถัดมา ก็ยังคุยกันเรื่อยๆ ริคก็เสมอต้นเสมอปลายดี คือ เจอกันก็เดินมาทักทุกครั้ง หยอดคำหวานในข้อความได้เสมอต้นเสมอปลาย เราก็เฉยๆ เสมอต้นเสมอปลาย วันหนึ่งแชทกันไม่รู้เค้าคิดอะไรอยู่ๆ ก็แชร์ให้เราฟังเรื่องส่วนตัวสุดๆ คุยกันยาวมากแต่สรุปใจความได้ว่าเค้าเป็นผู้ชายไม่ดี เพราะมีแฟนอยู่แล้ว คบกันมา 7 ปี แต่แฟนเค้าไม่ค่อยมีความต้องการเรื่องอย่างว่า เค้าจึงมีกิ๊กหลายคนเลย มีไว้เพื่อระบายเรื่องอย่างว่า ซึ่งเหล่ากิ๊กก็รู้ว่าเค้ามีแฟนแล้วและเต็มใจ แต่แฟนเค้าไม่รู้ ทุกครั้งเค้าป้องกันตลอด เค้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี อยากหยุดแต่หยุดไม่ได้เพราะไฟราคะมันเผาจนทนไม่ไหว เราอ่านไปก็อึ้ง ไม่คิดว่า Playboy คนนี้จะเป็นมากกว่าที่เราจินตนาการ สงสารแฟนเค้ามาก แต่ก็ให้คำแนะนำไปว่ามันไม่ดี เซ็กส์เป็นสิ่งที่สวยงามแต่ควรมีกับคนเดียวที่คุณแต่งงานด้วยเพราะมันเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับคนสองคนที่รักกัน ถ้าทนไม่ไหวก็ระบายด้วยการออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก หรือถ้าสุดๆ จริงๆ ก็แม่นางทั้ง 5 ค่ะ ริคบอกว่าเค้าจะหยุดทันทีที่เจอคนที่ใช่ และจะเป็น family man เพื่อสร้างครอบครัว เราตอบไปว่า ถ้ายูตั้งเงื่อนไขเจอคนที่ใช่แล้วยูจะหยุดก็รอไปทั้งชาตินะ แทนที่จะรอคนที่ใช่ยูต้องทำตัวเป็นคนที่ใช่ของผู้หญิงก่อน เราไม่แน่ใจว่าคำแนะนำเราซึมเข้าหัวเค้าบ้างหรือเปล่า
เรากับริคก็สนิทกันมากขึ้น และในที่สุดเราได้ไปกินดินเนอร์วันเกิดของเรา 2 คนกับเค้าเป็นครั้งแรก ก็พูดคุยเรื่องทั่วไป เรื่องงาน เรื่องที่บ้าน แลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน ได้รู้ว่าแม่เค้าป่วย และได้รู้ว่าเค้าเลิกกับแฟนมาสักระยะแล้ว หลังจากดินเนอร์ครั้งนั้นก็ทำให้สนิทมากขึ้นไปอีก ได้รู้จักเค้าในมุมดีๆ ที่ไม่ใช่ Playboy
ริคปฏิบัติกับเราดีมากและนับวันยิ่งมากขึ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แวะดื่มเบียร์กัน เรานั่งในมุมที่แอร์ลงและรู้สึกหนาว ไม่ได้พูดอะไร แต่เค้าสังเกตเห็นก็ถามเราว่า are you cold? ก็เลยพาเราเปลี่ยนโต๊ะนั่งแม้เราจะบอกว่าไม่เป็นไร เราทึ่งเล็กน้อย ปกติไม่เคยมีใครสังเกตเราแบบนี้
เวลาไปเที่ยวข้างนอก เช่น ไปสวนสนุก ไปเดินเล่น ไม่ว่าจะไปกัน 2 คนหรือกับกลุ่มเพื่อน เค้าจะถือกระเป๋าให้เราตลอด ถ้าเราแวะซื้อน้ำก็จะแย่งขวดน้ำเราไปถือด้วย พอเราดึงขวดน้ำมาจะเปิดดื่ม เค้าก็จะคว้ากลับไปเปิดขวดน้ำให้เรา คือง่ายๆ ว่า เราเป็นเจ้าหญิง...หรือเป็นง่อย มองได้สองมุม
บางครั้งนั่งอยู่ดีๆ ก็จะมานวดหลังให้เรา เวลาเดินผ่านเราก็เอามือมาขยี้ผม หรือถ้ายืนอยู่เฉยๆ ก็จะเอาแขนมาพาดบนไหล่เรา เห็นเราเป็นที่พักแขนไปซะงั้น
เวลาคุยกันเค้าจะชอบพูดทีเล่นทีจริง เช่น ผมจะไปหาสาวสก๊อยที่ไหนได้บ้าง (อธิบายเพิ่มเติม เค้าเคยเป็นนักแข่งรถ ซิ่งทั้งมอเตอร์ไชค์และรถยนต์ และก็เพ้อว่าอยากกลับไปสร้างตำนานอีก ก็เลยอยากหาสาวไว้ซ้อนท้าย) เราก็เลยแซวว่าถ้าจะเอาสก๊อยต้องไปแถวหน้าโรงเรียนมัธยมแต่ระวังติดคุกนะ เค้าบอกว่าสก๊อยเค้าต้องสก๊อยไฮโซ และวันดีคืนดีก็มาเรียกว่าเราสก๊อยซะเอง พอเราโวยก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เราไม่ผ่านเกณฑ์การเป็นสก๊อยของเค้าหรอก
เวลาเดินทางไปบางประเทศ พาสปอร์ตของสิงคโปร์จะทำอะไรได้ง่ายกว่า เราก็จะบ่นว่าอย่างนี้ต้องไปขอซิติเซนสิงคโปร์จะได้มีอภิสิทธิ์บ้าง ริคก็จะแซวว่างั้นก็แต่งงานกับผมสิ กลายเป็นมุขตลกเนียนเวลาไปข้างนอกก็เรียกว่าเรา wife ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกเขินเลย โกรธมากกว่า กลัวเจอผู้ชายดีๆ แล้วอีตาริคจะมาสกัดดาวรุ่ง
วันเวลาผ่านไป กระทั่งวันหนึ่ง... เป็นวันที่เราคิดว่าเราตกหลุมพ่อ Playboy ริคเข้าแล้ว...
เป็นครั้งแรกที่ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนด้วยกัน ตอนนั้นค่อนข้างค่ำ เราไปถึงตอนที่เค้าวิ่งได้ซักชั่วโมงแล้ว ฉากที่ริควิ่งมาหาเราเหงื่อไหลเป็นน้ำโคตรเซ็กซี่เลยอะ วินาทีนั้นเราคิดว่าเราชอบเค้าเข้าแล้ว เรามัวแต่เบลอจนวิ่งคลาดกัน เราก็วิ่งรอบของเราไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าเดี๋ยวพอถึงเวลาปิดประตูก็ค่อยไปเจอกันตรงทางเข้า เราออกมาเจอเค้าข้างนอก เค้าบอกว่าเป็นห่วงเรามาก วิ่งหาเราไปทั่ว จนได้รอบเยอะกว่าที่วิ่งปกติถึงสองเท่า แล้วก็บ่นประมาณว่าทำไมผมต้องวิ่งตามหาคุณด้วยเนี่ย เหนื่อยชะมัด หลังจากวิ่งเสร็จเค้าชวนเราไปที่คอนโด........... จะทำสมู้ทตี้ให้ดื่ม เสร็จแล้วจะให้เรากลับบ้านเลย............ มุขนี้คุ้นๆ มั้ยคะ?
พอไปถึงที่คอนโด เราก็ดูไฟตรงวิวระเบียงก่อนเลย กลับเข้ามาอีกที คุณริคของเราเปลือยท่อนบนไปซะแล้ว เค้าขอตัวอาบน้ำก่อน เสร็จแล้วก็ทำสมูทตี้ให้เราดื่ม ก่อนดื่มเค้าเตือนเราว่า มันเป็นยาเสน่ห์ถ้าเราดื่มแล้วจะตกหลุมรักเค้า เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะถอนตัวไม่ขึ้น เราก็หัวเราะแต่ก็ดื่มจนหมด ระหว่างนั้นก็คุยคุยเรื่องอาการป่วยของแม่ เรื่องงาน เรื่องสรรพเพเหระ ดื่มเสร็จเค้าพาเราชมห้อง อวดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีเป็นตู้คอนเล็คชั่นพร้อมชิ้นส่วนอย่างกะชิ้นส่วนรถยนต์ ให้เราลองสูบด้วย แต่เราไม่ชอบ จากนั้นก็พาเราไปชมลำโพงที่เค้าประกอบเอง.....ในห้องนอน.....ว่าเสียงมันมหัศจรรย์ขนาดไหน..... เชิญเรานั่งลงบนเตียงและ...ให้เราฟังเพลงจนจบ เม้าท์ว่าลำโพงที่เค้าประกอบเองมันสุดยอดขนาดไหน แล้วก็ถึงเวลาพาเราไปส่งที่รถไฟฟ้ากลับบ้าน (ไม่มีฉากวาบหวิวค่ะ ขออภัยถ้าใครคาดหวัง อิอิ) ระหว่างที่อยู่ที่คอนโดเค้าไม่ได้แตะต้องเราเลย ยกเว้นตอนที่เราเอามือสัมผัสวอยซ์ลำโพงเพราะรูปร่างมันแปลกดี เค้าดึงมือเราออกกลัวเราจะทำของเค้าเสีย เพราะเพิ่งเล่าให้เค้าฟังว่าสมัยเด็กเราชอบจิ้มวอยซ์เล่น จนทำลำโพงเสียไปหลายอัน
หลังจากเจอมุขยาเสน่ห์สมูทตี้ เราก็ยังเจอหยอดอยู่เรื่อยๆ เช่น ส่งรูปอาหารมาให้เราดู บอกว่าซื้อไว้ให้เราแต่พอเราขอกินกลับบอกว่าอย่ากินเลย กินแล้วเดี๋ยวตกหลุมรักเค้า เราจะเสียใจเปล่าๆ ที่มารักคนไม่ดีอย่างเค้า เราเลยหยอดกลับไปบ้างว่า ไม่ต้องห่วงเค้าไม่ใช่สเปคเรา เค้าก็ตอบกลับว่าดีเลยเพราะเราก็ไม่ใช่สเปคเค้าเหมือนกัน แต่ก็จบท้ายบทสนทนาว่า ดูแลตัวเองด้วยนะคุณภรรยา หรืออะไรทำนองนี้ ทำเหมือนไม่สนใจเราแต่ก็ทักเรามาทุกวัน ถามว่าทำอะไรว่างมั้ย ชวนไปโน่นนี่ ฯลฯ
เรื่องทั้งหมดคร่าวๆ ก็เป็นอย่างนี้ อยากได้คำแนะนำค่ะว่าที่เค้าปฏิบัติกับเราทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนปฏิบัติต่อกันหรือเปล่า เค้ามีใจให้เราหรือแค่เอ็นดูเราแบบเพื่อน/น้องสาว หรือทำไปด้วยความเคยชินที่เคยปฏิบัติกับกิ๊ก เราหวั่นไหว และรู้สึกว่าจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว เพลียจิตค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดี เราเองก็กลัวว่าถ้าเค้าทิ้งนิสัยเดิมไม่ได้เราคงไม่เล่นด้วยแต่อีกใจก็แอบหวังว่าเค้าจะเปลี่ยนเป็น family man ได้ หรือที่เค้าทำมาทั้งหมดเพียงเพราะหวังในตัวเราหลอกให้เราตายใจ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราจะได้ตัดใจและปล่อยเค้าไปตามทางค่ะ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
ปล.1 เนื้อหาที่ให้เป็นเพียงบางส่วนเพราะกลัวเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันเข้ามาอ่านจะรู้ทันที อายค่ะ
ปล.2 เผื่อบางคนสงสัยว่าเราสนิทกับริคขนาดไหน เราเคยไปนอนบ้านเค้า รู้จักพ่อแม่พี่น้องเค้าหมด
ปล.3 แท็กไม่ถูกค่ะว่าจะไปอยู่ห้องไหน เลือกปัญหาชีวิต กับ ความรักวัยรุ่น ใกล้เคียงสุดแล้ว แม้วัยเราจะเลยวัยรุ่นมานานมากแล้วก็ตาม