สวัสดีครับเพื่อนๆ นี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ผมคิดไตร่ตรองอยู่นานว่า เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ควรออกมาเปิดเผยหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่ผมเล่าเรื่องราวต่อไปนี้
ผมจะรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่ประหลาด มันทำให้ผมทั้ง ขนลุก และไม่เหงาไปพร้อมๆกัน
ขอให้เพื่อนๆนึกภาพตามสิ่งที่ผมจะเล่านะครับ หากมีเพื่อนๆคนที่รู้จักผมเข้ามา จะรู้ได้ทันทีว่าผมคือใคร
ก่อนอื่นเลย ผมเป็นคนต่างจังหวัด อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และเป็นจังหวัดที่สงบ บ้านผมตั้งใจอยู่ค่อนข้างใจกลางเมือง
บ้านของผมเป็นทาวเฮาส์ติดๆกันอยู่ในซอย มีทั้งหมด2ชั้น พ่อแม่และน้องของผมจะนอนรวมกันอยู่ชั้นล่าง แต่ผมจะนอนอยู่คนเดียวบนห้องชั้นสอง และบันไดที่จะเดินขึ้นชั้น2มันบังเอิญไปตรงกับประตูห้องผมพอดี เรื่องราวเกิดขึ้นตอนผมอยู่ม.6
เป็นวันที่ผมไปเพิ่งกลับมาจากการเดินทาง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ2ทุ่มเกือบจะ3ทุ่ม ผมรู้สึกเพลียมากกับการเดินทางจึงขึ้นไปบนห้องนอน
คิดว่าจะหลับไปเลย แต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ ไม่รู้ทำไม วันนั้นถึงรู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง
ระหว่างนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปตามปกติ นึกขั้นได้ว่าลืมถอดคอนแท็กเลนส์ก็เลยลุกมาถอดแล้วกลับไปที่เตียง อ้อลืมบอกไป ไฟในห้องผมมันเสียยังไม่ได้เปลี่ยนหลอดไฟ ผมจึงใช้โคมไฟอันเล็กๆแทนไปก่อน
กะว่าเปลี่ยนวันหลัง ประตูห้องก็เสียเหมือนกัน เพราะลูกบิดมันพังผมเลยใช้กระดาษมาคั่นประตูแทน เพื่อไม่ให้เวลาลมพัดแล้วประตูมันเปิด ประตูเป็นแบบเปิดเข้า
เตียงของผมอยู่ติดกับผนังด้านทางเข้าประตูและเวลานอนก็เอาหัวเข้าหาผนัง ขอให้เพื่อนๆนึกภาพตามนะครับ
หลังจากที่ผมนอนเล่นโทรศัพท์ไปเพลินๆ ระหว่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลับไปตอนไหน
จู่ๆก็มีเสียงเปิดประตูเบาๆ แล้วก็มีเสียงกระดาษตกลงบนพื้น แน่นอนครับ กระดาษที่เอาไว้คั้นประตูมันตกลง หลังจากนั้นแหละ ทีเด็ด
ด้วยความที่ผมสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเปิดประตู ผมจึงเอียงหน้าขึ้นไปทางด้านขวา เพราะเมื่อนอนแล้ว ประตูจะอยู่ทางด้านขวาตามที่บอกไว้ข้างต้น
ผมมั่นใจแน่ว่าไม่ได้ตาฝาด สาบานเลยก็ได้ ถึงแม้ผมจะมองไม่ค่อยชัดเพราะไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์ แต่ผมมั่นใจว่า"สิ่ง"ที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพจริง ไม่ได้หลอนไปเอง ต่อนะครับ เมื่อหันไปมองประตูบานนั้นมันค่อยๆแง้มออกทีละนิด
ตอนนั้นกระดาษตกถึงพื้นแล้ว จากนั้นเงาสีดำค่อยเข้ามาใกล้ประตูของผม เงาที่ว่านั่นอยู่ด้านนอกห้องนะครับ และนอกห้องเปิดไปอยู่ ด้วยความที่ผมมองไม่ค่อยพยายามจะเอี้ยวตัวไปดูว่าใคร กำลังจะเข้ามา ผมกลับรู้สึกตัวสั่น แข็งทื่อ เหมือนเวลาคนเราโดนฉีดยาชา แต่แค่มันโดนหนักกว่า ตัวผมสั่นรัว ขยับไม่ได้เหมือนโดนอะไรบางอย่างที่หนักมากๆทับไว้ ตอนแรกคิดว่าเป็นแม่ ผมเลยลองตะโกน ย้ำนะครับว่าตะโกนเรียกแม่ แต่เสียงไม่ออกครับ ไม่มีเสียงออกจากหรือลำคอเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเงานั่นก็ค่อยคืบคลานเข้ามาใกล้ประตูจนผมสามารถมองเห็นได้ว่าเป็นรูปร่างของผู้หญิง ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงเป็นผู้หญิงเพราะเป็นสีดำทั้ง แต่ที่ชัดเจนคือดวงตา
ผมจำดวงตาคู่นั้นได้แม่นเลย เพราะผมสบตากับมันนานมาก ด้วยความที่ผมไม่สามารถขยับตัวได้ ผมจึงต้องทนมอง"ดวงตาคู่นั้น" นานเกือบสิบนาที ผมพยายามเลื่อนสายตาไปดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ และเมื่อกลับไปโฟกัสจุดเดิมที่ประตู ตาคู่นั้นก็ยังอยู่และจ้องเขม็งมาที่ผม ผมกลัวมาก น้ำตาเริ่มไหลออกมา มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเวลาเราเห็นรถกำลังจะพุ่งเข้ามา แต่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เป็นความรู้สึกกลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะก่อนหน้านี้ที่เคยมันไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้ อย่างมากก็ได้กลิ่น หรือได้ยินเสียง แต่คราวนี้สิ่งที่ผมเห็น แม้จะมองเห็นไม่ชัด แต่ก็สัมผัสได้มากกว่าสิ่งที่ไม่เห็นเลย
เวลาผ่านไปนานมาก นานซะจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนั้นผมก็ยังคงจ้องดวงตาคู่นั้นอยู่ แต่จู่ๆมันก็ถอยออกไป ไกลออกไปจนพ้นระยะขอบประตู จนไม่สามารถเห็นได้แล้ว ตัวผมยังคงสั่น นำตาไหล เหงื่อออกจนท่วมตัว เสื้อเปียกไปด้วยเหงื่อ
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ผมจึงลองขยับตัวดู ตัวผมเริ่มขยับได้ เริ่มมีเสียงออกมาจากปากแล้ว ผมรวบรวมความกล้าลุกขึ้นไปหยิบกระดาษมาคั้นประตู ผมคั้นมันอย่างแน่นหนาพร้อมทั้งเอาเก้าอี้มาพิงไว้เพื่อไม่ให้มันเปิดออกอีก ผมกลับมาที่เตียงด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ตัวผมยังคงสั่นระรัว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนนักกีฬาที่เหนื่อยหอบหลังจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง อากาศในห้องเย็นไปหมด ผมทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอยากรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ผมกลั้นใจนอนหลับไป เพื่อให้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้าย พอเช้าทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
ผมตื่นขึ้นในตอนเช้า และเปิดประตูลงไปถามแม่ว่า เมื่อคืนมายืนดูหน้าห้องเปล่า แม่บอกว่าเปล่า จะไปยืนดูทำไมล่ะ
ในใจผมตอนนั้นยังคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่เลย ขนลุกมาก ผมถามย้ำแม่อยู่หลายรอบว่ามีใครขึ้นไปหรือเปล่า แม่ก็ปฏิเสธว่าไม่มี
และ"ดวงตาคู่นั้น" ยังคงอยู่ในหัวผมอย่างติดแน่น เหมือนมีคนเอากาวตราช้างมาแปะรูปไว้ที่ผนังข้างบ้าน
ขณะที่ผมกำลังนั่งพิมพ์อยู่ก็ยังรู้สึกขนลุกแปลกๆ สิ่งนั้นยังคงเป็นปริศนาว่า เขาเป็นใครกัน จะบอกว่าเจ้าที่ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเจ้าที่จริง ทำไมผมถึงเพิ่งเจอล่ะ อยู่บ้านมา18ปีไม่เคยเจอเลย และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวเร้นลับต่างๆของผม เรื่องต่อจากนี้จะเป็นตอนผมเข้าปี1 ...
เมื่อคุณไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
ผมคิดไตร่ตรองอยู่นานว่า เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ควรออกมาเปิดเผยหรือไม่ เพราะทุกครั้งที่ผมเล่าเรื่องราวต่อไปนี้
ผมจะรู้สึกบางอย่าง เป็นความรู้สึกที่ประหลาด มันทำให้ผมทั้ง ขนลุก และไม่เหงาไปพร้อมๆกัน
ขอให้เพื่อนๆนึกภาพตามสิ่งที่ผมจะเล่านะครับ หากมีเพื่อนๆคนที่รู้จักผมเข้ามา จะรู้ได้ทันทีว่าผมคือใคร
ก่อนอื่นเลย ผมเป็นคนต่างจังหวัด อยู่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และเป็นจังหวัดที่สงบ บ้านผมตั้งใจอยู่ค่อนข้างใจกลางเมือง
บ้านของผมเป็นทาวเฮาส์ติดๆกันอยู่ในซอย มีทั้งหมด2ชั้น พ่อแม่และน้องของผมจะนอนรวมกันอยู่ชั้นล่าง แต่ผมจะนอนอยู่คนเดียวบนห้องชั้นสอง และบันไดที่จะเดินขึ้นชั้น2มันบังเอิญไปตรงกับประตูห้องผมพอดี เรื่องราวเกิดขึ้นตอนผมอยู่ม.6
เป็นวันที่ผมไปเพิ่งกลับมาจากการเดินทาง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ2ทุ่มเกือบจะ3ทุ่ม ผมรู้สึกเพลียมากกับการเดินทางจึงขึ้นไปบนห้องนอน
คิดว่าจะหลับไปเลย แต่ผมก็ยังนอนไม่หลับ ไม่รู้ทำไม วันนั้นถึงรู้สึกว่าเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง
ระหว่างนั้นผมก็นอนเล่นโทรศัพท์ไปตามปกติ นึกขั้นได้ว่าลืมถอดคอนแท็กเลนส์ก็เลยลุกมาถอดแล้วกลับไปที่เตียง อ้อลืมบอกไป ไฟในห้องผมมันเสียยังไม่ได้เปลี่ยนหลอดไฟ ผมจึงใช้โคมไฟอันเล็กๆแทนไปก่อน
กะว่าเปลี่ยนวันหลัง ประตูห้องก็เสียเหมือนกัน เพราะลูกบิดมันพังผมเลยใช้กระดาษมาคั่นประตูแทน เพื่อไม่ให้เวลาลมพัดแล้วประตูมันเปิด ประตูเป็นแบบเปิดเข้า
เตียงของผมอยู่ติดกับผนังด้านทางเข้าประตูและเวลานอนก็เอาหัวเข้าหาผนัง ขอให้เพื่อนๆนึกภาพตามนะครับ
หลังจากที่ผมนอนเล่นโทรศัพท์ไปเพลินๆ ระหว่างนั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลับไปตอนไหน
จู่ๆก็มีเสียงเปิดประตูเบาๆ แล้วก็มีเสียงกระดาษตกลงบนพื้น แน่นอนครับ กระดาษที่เอาไว้คั้นประตูมันตกลง หลังจากนั้นแหละ ทีเด็ด
ด้วยความที่ผมสะดุ้งตื่นด้วยเสียงเปิดประตู ผมจึงเอียงหน้าขึ้นไปทางด้านขวา เพราะเมื่อนอนแล้ว ประตูจะอยู่ทางด้านขวาตามที่บอกไว้ข้างต้น
ผมมั่นใจแน่ว่าไม่ได้ตาฝาด สาบานเลยก็ได้ ถึงแม้ผมจะมองไม่ค่อยชัดเพราะไม่ได้ใส่คอนแท็กเลนส์ แต่ผมมั่นใจว่า"สิ่ง"ที่ผมเห็นนั้นเป็นภาพจริง ไม่ได้หลอนไปเอง ต่อนะครับ เมื่อหันไปมองประตูบานนั้นมันค่อยๆแง้มออกทีละนิด
ตอนนั้นกระดาษตกถึงพื้นแล้ว จากนั้นเงาสีดำค่อยเข้ามาใกล้ประตูของผม เงาที่ว่านั่นอยู่ด้านนอกห้องนะครับ และนอกห้องเปิดไปอยู่ ด้วยความที่ผมมองไม่ค่อยพยายามจะเอี้ยวตัวไปดูว่าใคร กำลังจะเข้ามา ผมกลับรู้สึกตัวสั่น แข็งทื่อ เหมือนเวลาคนเราโดนฉีดยาชา แต่แค่มันโดนหนักกว่า ตัวผมสั่นรัว ขยับไม่ได้เหมือนโดนอะไรบางอย่างที่หนักมากๆทับไว้ ตอนแรกคิดว่าเป็นแม่ ผมเลยลองตะโกน ย้ำนะครับว่าตะโกนเรียกแม่ แต่เสียงไม่ออกครับ ไม่มีเสียงออกจากหรือลำคอเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเงานั่นก็ค่อยคืบคลานเข้ามาใกล้ประตูจนผมสามารถมองเห็นได้ว่าเป็นรูปร่างของผู้หญิง ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมถึงเป็นผู้หญิงเพราะเป็นสีดำทั้ง แต่ที่ชัดเจนคือดวงตา
ผมจำดวงตาคู่นั้นได้แม่นเลย เพราะผมสบตากับมันนานมาก ด้วยความที่ผมไม่สามารถขยับตัวได้ ผมจึงต้องทนมอง"ดวงตาคู่นั้น" นานเกือบสิบนาที ผมพยายามเลื่อนสายตาไปดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ และเมื่อกลับไปโฟกัสจุดเดิมที่ประตู ตาคู่นั้นก็ยังอยู่และจ้องเขม็งมาที่ผม ผมกลัวมาก น้ำตาเริ่มไหลออกมา มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเวลาเราเห็นรถกำลังจะพุ่งเข้ามา แต่ไม่สามารถหลบหลีกได้ เป็นความรู้สึกกลัวที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะก่อนหน้านี้ที่เคยมันไม่เคยเป็นถึงขนาดนี้ อย่างมากก็ได้กลิ่น หรือได้ยินเสียง แต่คราวนี้สิ่งที่ผมเห็น แม้จะมองเห็นไม่ชัด แต่ก็สัมผัสได้มากกว่าสิ่งที่ไม่เห็นเลย
เวลาผ่านไปนานมาก นานซะจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตอนนั้นผมก็ยังคงจ้องดวงตาคู่นั้นอยู่ แต่จู่ๆมันก็ถอยออกไป ไกลออกไปจนพ้นระยะขอบประตู จนไม่สามารถเห็นได้แล้ว ตัวผมยังคงสั่น นำตาไหล เหงื่อออกจนท่วมตัว เสื้อเปียกไปด้วยเหงื่อ
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ผมจึงลองขยับตัวดู ตัวผมเริ่มขยับได้ เริ่มมีเสียงออกมาจากปากแล้ว ผมรวบรวมความกล้าลุกขึ้นไปหยิบกระดาษมาคั้นประตู ผมคั้นมันอย่างแน่นหนาพร้อมทั้งเอาเก้าอี้มาพิงไว้เพื่อไม่ให้มันเปิดออกอีก ผมกลับมาที่เตียงด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ตัวผมยังคงสั่นระรัว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนนักกีฬาที่เหนื่อยหอบหลังจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง อากาศในห้องเย็นไปหมด ผมทั้งกลัว ทั้งสับสน ทั้งอยากรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ผมกลั้นใจนอนหลับไป เพื่อให้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝันร้าย พอเช้าทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
ผมตื่นขึ้นในตอนเช้า และเปิดประตูลงไปถามแม่ว่า เมื่อคืนมายืนดูหน้าห้องเปล่า แม่บอกว่าเปล่า จะไปยืนดูทำไมล่ะ
ในใจผมตอนนั้นยังคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่เลย ขนลุกมาก ผมถามย้ำแม่อยู่หลายรอบว่ามีใครขึ้นไปหรือเปล่า แม่ก็ปฏิเสธว่าไม่มี
และ"ดวงตาคู่นั้น" ยังคงอยู่ในหัวผมอย่างติดแน่น เหมือนมีคนเอากาวตราช้างมาแปะรูปไว้ที่ผนังข้างบ้าน
ขณะที่ผมกำลังนั่งพิมพ์อยู่ก็ยังรู้สึกขนลุกแปลกๆ สิ่งนั้นยังคงเป็นปริศนาว่า เขาเป็นใครกัน จะบอกว่าเจ้าที่ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า เพราะถ้าเป็นเจ้าที่จริง ทำไมผมถึงเพิ่งเจอล่ะ อยู่บ้านมา18ปีไม่เคยเจอเลย และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวเร้นลับต่างๆของผม เรื่องต่อจากนี้จะเป็นตอนผมเข้าปี1 ...