แพลนว่าจะไปเที่ยวภูทับเบิกช่วงเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว แต่ก็มีเหตุให้ต้องยกเลิกไป
พอกรกฎาคมปีนี้ก็ลองชวนพ่ออีกที ชวนตอนสองทุ่ม พ่อบอกเที่ยงคืนออกเลย เช้าที่โน่นพอดี
พอจะได้ไปมันก็ง่ายอย่างนี้เองสินะ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเที่ยงคืนของวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่เลือกเดินทางไปช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะหลายสำนักให้ข้อมูลตรงกันว่า
ช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นช่วงที่กะหล่ำแบ่งบานและงดงามมาก
ส่วนอีกช่วงก็คือช่วงเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นฤดูหนาวก็คงสวยสดงดงามที่สุด
(แต่ๆๆๆ ข้อมูลที่ไ้ด้มาผิดพลาด อ่านต่อไปจะพบว่าพลาดตรงไหน)
ระหว่างเดินทาง ด้วยความตื่นเต้นก็ไม่มีเผลอหลับ นั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อไปตลอดทาง
และด้วยความไม่เคยไปภูทับเบิกกันทั้งพ่อทั้งลูก ก็หลงทางบ้าง ถามทางบ้าง เปิด Google Map บ้าง
สนุกสนานกันสุดๆ
7 โมงเช้า เราก็พากันมาถึงทางขึ้นภูทับเบิกจนได้
ขับรถกินลมชมวิวกันไปเรื่อยๆ ด้วยความที่พ่อขับรถชำนาญมาก
เรื่องขับรถขึ้นเขา เข้าโค้งหักศอก 3 ตลบก็เลยไม่เป็นปัญหา
พ่อควงพวงพาลัย หัวเราะสนุกสนาน ที่เห็นลูกโดนเหวี่ยงไปมาเวลาเข้าโค้ง
ระหว่างทางบางจุดงดงามจนต้องขอพ่อให้หาที่จอดชมทะเลหมอกก่อน
กว่าจะมาถึงยอดภูทับเบิกก็เป็นเวลาเคารพธงชาติพอดี
พอมาถึงอากาศดีมาก แต่ไร่กะหล่ำปลีเหลือแต่ซากนะ 555+++
ถามชาวเขาหลายคน ให้ข้อมูลตรงกันว่า
ต้องมาช่วงเดือนมิถุนายน ถ้ามากรกฎาคมเขาก็เก็บไปขายกันแล้ว
แต่ยังไม่เศร้านะ เพระาบางแปลงยังแจ่มว้าวอยู่
ตอนแวะกินข้าว เลยถามแม่ค้าร้านข้าวอีกที
แม่ค้าบอกเล่าอย่างเข้าใจง่ายๆ ว่า ที่ภูทับเบิกจะปลูกกะหล่ำ 2 ช่วง
ช่วงที่ 1 ปลูกกะหล่ำเดือนเมษายน เก็บเกี่ยวเดือนกรกฎาคม ฉะนั้น ต้องมาเที่ยวเดือนมิถุนายน
ช่วงที่ 2 ปลูกกะหล่ำเดือนสิงหาคม เก็บเกี่ยวเดือนพฤศจิกายน ฉะนั้น ต้องมาเที่ยวไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายน
เพราะหากเกินจากนี้ จะไม่มีกะหล่ำเขียวๆ ให้ชื่นชมแล้ว
ส่วนเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม จะไม่นิยมปลูกกะหล่ำกันเพราะค่อนข้างแล้ง ฝนไม่ตก
ฉะนั้น ถ้าใครอยากไปเห็นภูเขากะหล่ำปลีเขียวขจีขยี้หัวใจอย่างเรา ก็คงต้องไปตามคำบอกเล่าของแม่ค้าคนนี้นะจ๊ะ
และระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เราก็ลงไปดูชาวเขาเก็บกะหล่ำ
มีนักท่องเที่ยวตามลงมาซื้อกันถึงที่ ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท
พอกินข้าวเสร็จฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
เลยชวนพ่อไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ระหว่างทางฝนก็ตก หยุด ตก หยุด พอไปถึงหน้าที่ทำการอุทยานฯ ฝนก็ตกหนักมาก
เลยต้องจอดรถนอนรอฝนหยุดก่อนจะเดินทางไปเที่ยวกันต่อได้
พอฝนหยุดเราก็ไปถามที่เที่ยวใกล้ๆ ที่อุทยานฯ ได้ความมาว่า
มีน้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ลานหินปุ่ม และลานหินแตก
เราไม่รอช้า เพราะมีเวลาไม่มาก เลยตัดสินใจลุยน้ำตกร่มเกล้า-ภราดร
ต่อด้วยลานหินปุ่ม ส่วนลานหินแตกก็อดไป เพราะกว่าจะเดินทัวร์ลานหินปุ่มจนทั่ว
ก็เป็นเวลาบ่าย 3 โมงกว่าแล้ว พ่อเลยชวนกลับบ้าน เพราะกว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ ก็คงเที่ยงคืนพอดี
และพ่อก็คาดการณ์ไม่ผิด เรามาถึงบ้านกันเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ
ก็เลยเป็นที่มาของทริป 24 ชั่วโมงที่มี พลีให้ภูทับเบิก และอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจริงๆ
24 ชั่วโมงที่มี พลีให้ภูทับเบิก และอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
พอกรกฎาคมปีนี้ก็ลองชวนพ่ออีกที ชวนตอนสองทุ่ม พ่อบอกเที่ยงคืนออกเลย เช้าที่โน่นพอดี
พอจะได้ไปมันก็ง่ายอย่างนี้เองสินะ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนเที่ยงคืนของวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่เลือกเดินทางไปช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะหลายสำนักให้ข้อมูลตรงกันว่า
ช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นช่วงที่กะหล่ำแบ่งบานและงดงามมาก
ส่วนอีกช่วงก็คือช่วงเดือนพฤศจิกายนซึ่งเป็นฤดูหนาวก็คงสวยสดงดงามที่สุด
(แต่ๆๆๆ ข้อมูลที่ไ้ด้มาผิดพลาด อ่านต่อไปจะพบว่าพลาดตรงไหน)
ระหว่างเดินทาง ด้วยความตื่นเต้นก็ไม่มีเผลอหลับ นั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อไปตลอดทาง
และด้วยความไม่เคยไปภูทับเบิกกันทั้งพ่อทั้งลูก ก็หลงทางบ้าง ถามทางบ้าง เปิด Google Map บ้าง
สนุกสนานกันสุดๆ
7 โมงเช้า เราก็พากันมาถึงทางขึ้นภูทับเบิกจนได้
ขับรถกินลมชมวิวกันไปเรื่อยๆ ด้วยความที่พ่อขับรถชำนาญมาก
เรื่องขับรถขึ้นเขา เข้าโค้งหักศอก 3 ตลบก็เลยไม่เป็นปัญหา
พ่อควงพวงพาลัย หัวเราะสนุกสนาน ที่เห็นลูกโดนเหวี่ยงไปมาเวลาเข้าโค้ง
ระหว่างทางบางจุดงดงามจนต้องขอพ่อให้หาที่จอดชมทะเลหมอกก่อน
กว่าจะมาถึงยอดภูทับเบิกก็เป็นเวลาเคารพธงชาติพอดี
พอมาถึงอากาศดีมาก แต่ไร่กะหล่ำปลีเหลือแต่ซากนะ 555+++
ถามชาวเขาหลายคน ให้ข้อมูลตรงกันว่า
ต้องมาช่วงเดือนมิถุนายน ถ้ามากรกฎาคมเขาก็เก็บไปขายกันแล้ว
แต่ยังไม่เศร้านะ เพระาบางแปลงยังแจ่มว้าวอยู่
ตอนแวะกินข้าว เลยถามแม่ค้าร้านข้าวอีกที
แม่ค้าบอกเล่าอย่างเข้าใจง่ายๆ ว่า ที่ภูทับเบิกจะปลูกกะหล่ำ 2 ช่วง
ช่วงที่ 1 ปลูกกะหล่ำเดือนเมษายน เก็บเกี่ยวเดือนกรกฎาคม ฉะนั้น ต้องมาเที่ยวเดือนมิถุนายน
ช่วงที่ 2 ปลูกกะหล่ำเดือนสิงหาคม เก็บเกี่ยวเดือนพฤศจิกายน ฉะนั้น ต้องมาเที่ยวไม่เกินกลางเดือนพฤศจิกายน
เพราะหากเกินจากนี้ จะไม่มีกะหล่ำเขียวๆ ให้ชื่นชมแล้ว
ส่วนเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม จะไม่นิยมปลูกกะหล่ำกันเพราะค่อนข้างแล้ง ฝนไม่ตก
ฉะนั้น ถ้าใครอยากไปเห็นภูเขากะหล่ำปลีเขียวขจีขยี้หัวใจอย่างเรา ก็คงต้องไปตามคำบอกเล่าของแม่ค้าคนนี้นะจ๊ะ
และระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เราก็ลงไปดูชาวเขาเก็บกะหล่ำ
มีนักท่องเที่ยวตามลงมาซื้อกันถึงที่ ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 12 บาท
พอกินข้าวเสร็จฝนก็เทลงมาอย่างหนัก
เลยชวนพ่อไปอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ระหว่างทางฝนก็ตก หยุด ตก หยุด พอไปถึงหน้าที่ทำการอุทยานฯ ฝนก็ตกหนักมาก
เลยต้องจอดรถนอนรอฝนหยุดก่อนจะเดินทางไปเที่ยวกันต่อได้
พอฝนหยุดเราก็ไปถามที่เที่ยวใกล้ๆ ที่อุทยานฯ ได้ความมาว่า
มีน้ำตกร่มเกล้า-ภราดร ลานหินปุ่ม และลานหินแตก
เราไม่รอช้า เพราะมีเวลาไม่มาก เลยตัดสินใจลุยน้ำตกร่มเกล้า-ภราดร
ต่อด้วยลานหินปุ่ม ส่วนลานหินแตกก็อดไป เพราะกว่าจะเดินทัวร์ลานหินปุ่มจนทั่ว
ก็เป็นเวลาบ่าย 3 โมงกว่าแล้ว พ่อเลยชวนกลับบ้าน เพราะกว่าจะไปถึงกรุงเทพฯ ก็คงเที่ยงคืนพอดี
และพ่อก็คาดการณ์ไม่ผิด เรามาถึงบ้านกันเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ
ก็เลยเป็นที่มาของทริป 24 ชั่วโมงที่มี พลีให้ภูทับเบิก และอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าจริงๆ