เมื่อค.ศ. 2006 มันเป็นฉากเหตุการณ์ที่แปลกไม่คุ้นตา ตอนที่ โยอัคคิม เลิฟ ยืนอยู่ตรงกลางสนามในแคมป์เก็บตัวที่สวิสก่อนบอลโลกในบ้านตัวเอง และเลี้ยงบอลด้วยเท้าไปทางขวาซ้าย ผู้ที่อยู่อีกฝั่งคือผู้เล่นทีมชาติเยอรมัน 10 คน ที่ยืนระบบ 4-4-2 ที่ต้องมีปฏิกิริยาร่วมกันเป็นกลุ่มต่อการเปลี่ยนทิศทางของเลิฟ ผู้ซึ่งตอนนั้นเป็นผู้ช่วยบุนเดสเทรนเนอร์ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ทำการสอบความรู้เบื้องต้นเป็นพื้นฐานในเรื่องการคุมโซนและการเคลื่อนตัว
กระบวนการที่รวดเร็วในการเรียนรู้ใหม่ไม่เพียงพอสำหรับการคว้าแชมป์โลกในบ้าน เยอรมันแพ้อิตาลีในรอบรองชนะเลิศ อีกสองปีต่อมาในบอลยุโรปเยอรมันได้เข้าชิงชนะเลิศแต่ก็พ่ายต่อสเปน ทีมที่หยุดเยอรมันในบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ในรอบรองชนะเลิศด้วยเช่นกัน ในยูโร 2012 เป็นอิตาลีที่มาขวางทางอีกครั้ง จนเกมรอบรองชนะเลิศพ่ายไป 1-2 ที่มาจากการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาด การสวนกลับของอิตาลีหลังการเตะมุนของเยอรมัน 0-2 ที่หมายถึงการถูกน๊อกเอาท์ไปแล้ว
7 จาก 11 คนที่ลงสนามเมื่อ 28 มิ.ย. 2012 ที่วอร์ซอว์เป็นตัวจริง ได้ลงสนามที่ริโอในนัดชิงชนะเลิสบอลโลก 2014 ด้วย นอยเออร์, บัวเต็ง, ฮุมเมิ่ลส์, ลาห์ม, ชไวน์สไตเกอร์, โอซิล, โครส รวมถึงมุลเลอร์และโคลเซ่ ที่ลงไปช่วยทีมในครึ่งหลังแต่สายเกนไป นักเตะ 5 8นที่ร่วมอยู่ในทีมชุดถูกปฏิรูปโดยเจอร์เก้น คลิ้นซ์มันน์ หลังตกรอบแรกยูโร 2004 อยู่ในขนาดทีมที่ไปลุยบอลโลกที่บราซิลด้วย ลาห์ม, ชไวน์สไตเกอร์, โคลเซ่, แมร์เตซัคเกอร์, โพดอลสกี้ บรรดาเสือเท่าและจอมเก๋าในขนาดทีมเหล่านี้ ได้ผสมผสมกับเหล่านักเตะยู-21 ชุดแชมป์ยุโรป 2009 ที่มีความมุ่งมั่นในชัยชนะอย่างนอยเออร์หรือเคคิร่า รวมกับนักเตะพรสวรรค์สูงอย่างโครส, เกิทเซ่ หรือ โอซิล รวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่ยอดเยี่ยม แท็คติคแบบเบื้องต้นเอบีซีในยุครวมตัวใหม่ๆ ที่บรรดาผู้เล่นเข้ามาในชุดปัจจุบัน สามารถต่อยอดได้เป็นอย่างดี ที่ลงเอยด้วยความสำเร็จสูงสุดในวงการลูกหนังด้วยการคว้าแชมป์โลก
โยอัคคิม เลิฟเป็นผู้ฝึกสอนมาตั้งแต่ต้น และมาตอนนี้กลายเป็นปรมาจารย์ผู้เป็นแชมป์โลกไปแล้ว บุนเดสเทรนเนอร์เองได้เรียนรู้อย่างแท้จริง และเติมเกมการเล่นที่สวยงามด้วยการปฏิบัตินิยมอย่างมาก ที่มีการเน้นควาสำคัญในเกมรับมากขึ้น หรือกาเรล่นลูกสแตนดาร์ด-เซ็ทพีชให้มีประสิทธิภาพ
เลิฟกับนักเตะของเขา แชมป์โลก 2014 ขนานแท้ สามารถปีนป่ายขึ้นถึงจุดสูงสุดของวงการลูกหนังโลกได้ที่ถิ่นแซมบ้าได้สำเร็จ กระนั้นการคว้าแชมป์โลกครั้งนี้เป็นเพียงสเตจหนึ่งเท่านั้น เพราะคุณภาพในปริมาณของแชมป์โลก 2014 อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของการเป็นนักเตะ หรือเป็นเหล่าดาวรุ่งที่ยังสดอยู่ ยกเว้น มิโรสลาฟ โคลเซ่ ผู้สร้างตำนานดาวยิงตลอดกาลฟุตบอลโลก ไม่มีใครต้องเกษียณออกไป แต่กลับกาลเป็นการเสริมทีมให้แกร่งขึ้นไปอีก จากผู้เล่นอย่าง รอยส์, กุนโดกัน รวมถึง เบนเดอร์ หรือ โกเมซด้วย
เยอรมันคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ต่อจากปี 1954, 1974 และ 1990 ที่มีจุดเปลี่ยนมาจากศึกยูโร 2004 ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เรียกได้ว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวงการลูกหนังเยอรมันจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากการกล้าลงทุนเปลี่ยนแปลงไป เริ่มพัฒนาระบบเยาวชนอย่างจริงจัง
ที่ต้องชื่นชม อดีตประธานเดเอฟเบ แบร์ฮาร์ด-ไมเซอร์ ฟอร์เฟลเดอร์ ที่เริ่มโครงการพัฒนาเยาวชนที่มีแรงต้านอยู่บ้าง มีการสร้างศูนย์การฝึกเกือบ 400 แห่งทั่วประเทศ และบังคับให้สโมสรในบุนเดสลีกาต้องมีอะคาเดมี่ของตนเองในการต่อไลเซนส์และอาชีพในแต่ละปี
ผู้เล่นเจนเนอร์เรชั่นปัจจุบัน จากนอยเออร์ถึงเคคิร่า จากฮุมเมิ่ลส์ถึงโอซิล จากบัวเต็งถึงมุลเลอร์ จากเกิทเซ่ถึงเชียร์เล่ ตลอดจนรอยส์และกุนโดแกนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกปั้นมาจากการปฏิรูปลูกหนังเยาวชนครั้งใหญ่ ผู้เล่นในนัดชิงชนะเลิศ 11 คน มีประสบการณ์ในการเล่นชิงดำมาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสรในชาติ นานาชาติ หรือเกมทีมชาติเป็นแชมป์ U-21 ยกเว้น คริสตอฟ คราเมอร์ เพียงคนเดียวี่ไม่มีประสบการณ์ในนัดชิงชนะเลิศ
เลิฟและทีมงานควรต่อเติมเสริมสร้างทีมที่ดีอยู่แล้วต่อไปอีก แม้นว่าขนาดทีมชุดแชมป์โลก 2014 มีอายุเฉลี่ย 26.27 ปี มาจากชุดยูโร 2012 (25.3 ปี) และชุดบอลโลก 2010 (25.43 ปี) แต่กระนั้น ก็ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ เพราะมีแค่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่อายุจะครบ 38 ปีในบอลยูโร 2016 เท่านั้น ที่ไม่ใช่ประเด็นอีกแล้ว เยอรมันมองเห็นแต่อนาคตอันเรืองรองผ่องใส
(ต่อ)
[บทความอินทรีเหล็ก 2014-07-17] เหตุผล 10 ข้อในการคว้าแชมป์โลกของเยอรมัน
กระบวนการที่รวดเร็วในการเรียนรู้ใหม่ไม่เพียงพอสำหรับการคว้าแชมป์โลกในบ้าน เยอรมันแพ้อิตาลีในรอบรองชนะเลิศ อีกสองปีต่อมาในบอลยุโรปเยอรมันได้เข้าชิงชนะเลิศแต่ก็พ่ายต่อสเปน ทีมที่หยุดเยอรมันในบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ในรอบรองชนะเลิศด้วยเช่นกัน ในยูโร 2012 เป็นอิตาลีที่มาขวางทางอีกครั้ง จนเกมรอบรองชนะเลิศพ่ายไป 1-2 ที่มาจากการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาด การสวนกลับของอิตาลีหลังการเตะมุนของเยอรมัน 0-2 ที่หมายถึงการถูกน๊อกเอาท์ไปแล้ว
7 จาก 11 คนที่ลงสนามเมื่อ 28 มิ.ย. 2012 ที่วอร์ซอว์เป็นตัวจริง ได้ลงสนามที่ริโอในนัดชิงชนะเลิสบอลโลก 2014 ด้วย นอยเออร์, บัวเต็ง, ฮุมเมิ่ลส์, ลาห์ม, ชไวน์สไตเกอร์, โอซิล, โครส รวมถึงมุลเลอร์และโคลเซ่ ที่ลงไปช่วยทีมในครึ่งหลังแต่สายเกนไป นักเตะ 5 8นที่ร่วมอยู่ในทีมชุดถูกปฏิรูปโดยเจอร์เก้น คลิ้นซ์มันน์ หลังตกรอบแรกยูโร 2004 อยู่ในขนาดทีมที่ไปลุยบอลโลกที่บราซิลด้วย ลาห์ม, ชไวน์สไตเกอร์, โคลเซ่, แมร์เตซัคเกอร์, โพดอลสกี้ บรรดาเสือเท่าและจอมเก๋าในขนาดทีมเหล่านี้ ได้ผสมผสมกับเหล่านักเตะยู-21 ชุดแชมป์ยุโรป 2009 ที่มีความมุ่งมั่นในชัยชนะอย่างนอยเออร์หรือเคคิร่า รวมกับนักเตะพรสวรรค์สูงอย่างโครส, เกิทเซ่ หรือ โอซิล รวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่ยอดเยี่ยม แท็คติคแบบเบื้องต้นเอบีซีในยุครวมตัวใหม่ๆ ที่บรรดาผู้เล่นเข้ามาในชุดปัจจุบัน สามารถต่อยอดได้เป็นอย่างดี ที่ลงเอยด้วยความสำเร็จสูงสุดในวงการลูกหนังด้วยการคว้าแชมป์โลก
โยอัคคิม เลิฟเป็นผู้ฝึกสอนมาตั้งแต่ต้น และมาตอนนี้กลายเป็นปรมาจารย์ผู้เป็นแชมป์โลกไปแล้ว บุนเดสเทรนเนอร์เองได้เรียนรู้อย่างแท้จริง และเติมเกมการเล่นที่สวยงามด้วยการปฏิบัตินิยมอย่างมาก ที่มีการเน้นควาสำคัญในเกมรับมากขึ้น หรือกาเรล่นลูกสแตนดาร์ด-เซ็ทพีชให้มีประสิทธิภาพ
เลิฟกับนักเตะของเขา แชมป์โลก 2014 ขนานแท้ สามารถปีนป่ายขึ้นถึงจุดสูงสุดของวงการลูกหนังโลกได้ที่ถิ่นแซมบ้าได้สำเร็จ กระนั้นการคว้าแชมป์โลกครั้งนี้เป็นเพียงสเตจหนึ่งเท่านั้น เพราะคุณภาพในปริมาณของแชมป์โลก 2014 อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของการเป็นนักเตะ หรือเป็นเหล่าดาวรุ่งที่ยังสดอยู่ ยกเว้น มิโรสลาฟ โคลเซ่ ผู้สร้างตำนานดาวยิงตลอดกาลฟุตบอลโลก ไม่มีใครต้องเกษียณออกไป แต่กลับกาลเป็นการเสริมทีมให้แกร่งขึ้นไปอีก จากผู้เล่นอย่าง รอยส์, กุนโดกัน รวมถึง เบนเดอร์ หรือ โกเมซด้วย
เยอรมันคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ต่อจากปี 1954, 1974 และ 1990 ที่มีจุดเปลี่ยนมาจากศึกยูโร 2004 ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เรียกได้ว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับวงการลูกหนังเยอรมันจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากการกล้าลงทุนเปลี่ยนแปลงไป เริ่มพัฒนาระบบเยาวชนอย่างจริงจัง
ที่ต้องชื่นชม อดีตประธานเดเอฟเบ แบร์ฮาร์ด-ไมเซอร์ ฟอร์เฟลเดอร์ ที่เริ่มโครงการพัฒนาเยาวชนที่มีแรงต้านอยู่บ้าง มีการสร้างศูนย์การฝึกเกือบ 400 แห่งทั่วประเทศ และบังคับให้สโมสรในบุนเดสลีกาต้องมีอะคาเดมี่ของตนเองในการต่อไลเซนส์และอาชีพในแต่ละปี
ผู้เล่นเจนเนอร์เรชั่นปัจจุบัน จากนอยเออร์ถึงเคคิร่า จากฮุมเมิ่ลส์ถึงโอซิล จากบัวเต็งถึงมุลเลอร์ จากเกิทเซ่ถึงเชียร์เล่ ตลอดจนรอยส์และกุนโดแกนที่ได้รับบาดเจ็บ ถูกปั้นมาจากการปฏิรูปลูกหนังเยาวชนครั้งใหญ่ ผู้เล่นในนัดชิงชนะเลิศ 11 คน มีประสบการณ์ในการเล่นชิงดำมาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นระดับสโมสรในชาติ นานาชาติ หรือเกมทีมชาติเป็นแชมป์ U-21 ยกเว้น คริสตอฟ คราเมอร์ เพียงคนเดียวี่ไม่มีประสบการณ์ในนัดชิงชนะเลิศ
เลิฟและทีมงานควรต่อเติมเสริมสร้างทีมที่ดีอยู่แล้วต่อไปอีก แม้นว่าขนาดทีมชุดแชมป์โลก 2014 มีอายุเฉลี่ย 26.27 ปี มาจากชุดยูโร 2012 (25.3 ปี) และชุดบอลโลก 2010 (25.43 ปี) แต่กระนั้น ก็ไม่เห็นว่าจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ เพราะมีแค่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่อายุจะครบ 38 ปีในบอลยูโร 2016 เท่านั้น ที่ไม่ใช่ประเด็นอีกแล้ว เยอรมันมองเห็นแต่อนาคตอันเรืองรองผ่องใส
(ต่อ)