นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง
"คนทำงานเป็นมืออาชีพ" กับ
"คนที่ไม่เข้าใจการทำงานเลย"
อย่างแรกเอาแค่คำพูดกับหลักฐานจากตัวน้องก้อยก่อน
"ทำร้ายร่างกาย" และ "ต่อย"
ถ้าน้องโดนทำร้ายร่างกาย โดนต่อย น้องไม่หน้าเรี่ยมมานั่งให้สัมภาษณ์ได้แบบนี้หรอกนะครับ
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า น้องไม่เข้าใจกระทั่งเรื่องคำที่ใช้ กับการกระทำเลย
ถ้าไม่เข้าใจ ต่อไปน้องไปทำงาน เจ้านายดุด่า น้องคงบอกว่าเจ้านาย
"หมิ่นประมาท" เลยมั้งครับ
การ
"ทำโทษ" มีในทุกกีฬา ยิ่งในกีฬาต่อสู้ยังไงก็ต้องมี ลงโทษกันถึงเนื้อถึงตัวกันทุกคน มวย ยูโด ฯลฯ ไม่มีเว้น
หรือกระทั่ง
"บัลเล่ต์" ที่เห็นเป็นศิลปะอ่อนช้อย กว่าเค้าจะอ่อนช้อยได้แบบนั้น เท้าโดนครูดัดจนร้องไห้กันไปกี่คนแล้ว
นึกว่าครูบัลเล่ต์ เห็นเท้าไม่จิกตรง แล้วดุด่าเฉยๆ จนเท้ามันดัดจิกพื้นตรงได้เองเหรอครับ นักเรียนต้องฟ้องครูฐานทำร้ายร่างกายไหม
นี่คือ
"การทำโทษ" ไม่ใช่
"ทำร้ายร่างกาย" หลักฐานมันอยู่บนตัวน้องเอง
น้องใช้คำที่ทำให้คนที่รับข่าวยังเข้าใจผิดได้ "ทำร้ายร่างกาย" และ "ต่อย" ความหมายรุนแรงกว่าสิ่งที่ปรากฎบนตัวน้องมากครับ
-----------------------------------------------------------------------
อย่างที่สอง น้องไม่เข้าใจวิถีของ
"ความเป็นมืออาชีพ" แม้แต่น้อย
"มืออาชีพ" ไม่ถือเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในการทำงานมาเป็นความรู้สึกส่วนตัว ยกเว้นการกระทำนั้นผิดจากสิ่งที่มืออาชีพควรจะเป็น
อย่างคนที่ไม่ได้เล่นกีฬา ทำงานในออฟฟิศ ถ้าเจ้านายดุด่าเรื่องงาน วิพากษ์วิจารณ์ตัวงานจริงๆอย่างดุเดือด นั่นถือว่า
"มืออาชีพ"
เพราะเจ้านายพูดถึงตัวงานโดยตรง และต้องการให้งานออกมาดี คนทำงานก็ควรน้อมรับไปแก้ไข และไม่ถือเป็นอารมณ์ส่วนตัว
แต่ถ้าเจ้านายดุด่าโดยไม่ได้เกี่ยวกับตัวงาน หรือไม่ได้ดูงานแต่มาวิจารณ์หรือเมินเฉยไม่สนใจ ปัดงานทิ้ง อย่างนี้คือ
"ไม่มืออาชีพ"
ซึ่งถ้าเอามาเทียบกับที่โค้ชเชทำ ถ้าโค้ชเชทำโทษน้อง ทั้งที่น้องมาแข่งตามเวลา ฟิตซ้อมร่างกายพร้อมแต่แพ้ ก็ถือว่า "ไม่มีอาชีพ"
แต่จากข่าว "โค้ชเช" ทำในสิ่งที่เป็น
"มืออาชีพ" ทุกอย่าง ในเวลางาน
"ทำโทษ" คือทำโทษ (
และไม่ใช่ "ทำร้ายร่างกาย")
เพราะน้องไม่เตรียมตัวให้พร้อม ไม่มาตามเวลา ซึ่งเกี่ยวกับ
"งาน" โดยตรง เพราะเป็นงานและหน้าที่ที่น้องต้องรับผิดชอบ
ในเมื่อน้องไม่เตรียมตัวให้พร้อม จนทำให้แข่งแพ้ มันถือว่า
"น้องไม่เคารพงานที่ทำ" คนเป็น
"มืออาชีพ" อย่างโค้ชเชย่อมรับไม่ได้
จบงาน โค้ชเชยังไปขอโทษน้องถึงห้องด้วยซ้ำ เพราะนี่คือวิถีแห่งมืออาชีพ จบงานก็ขอโทษขอโพยกัน โค้ชเชถือว่าปราณีแล้วด้วยซ้ำ
ในชาติตะวันตกที่หลายคนมองว่า คงไม่มีการทำโทษแบบถึงร่างกาย อย่านึกว่าไม่มี
อย่างงานออฟฟิศ เขวี้ยงงานใส่คนทำงานทั้งแฟ้ม คือเรื่องที่เห็นได้ทั่วไป จบงานแล้วเผลอๆเค้าไม่มีมาขอโทษด้วยซ้ำ
เพราะเขาถือว่า ทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่า
"นี่คือเรื่องของงาน" จะมาถือเป็นอารมณ์ส่วนตัวไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นงานก็ไม่ต้องไปไหน
ยิ่งถ้าคุณมาสาย ไม่เตรียมตัวให้พร้อม ถือว่าคุณไม่เคารพงานเลย คนเป็นหัวหน้ามีสิทธิจะทำโทษและดุด่าคุณอย่างเต็มที่
ตัวน้องเอง
ต้องรู้ก่อนวันมาแข่งแล้วว่าแข่งเวลาไหน ถึงมีโค้ชในทีมคอยบอกก็จริง แต่ตัวนักกีฬา ก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
-----------------------------------------------------------------------
ตัวน้องไม่เข้าใจการทำงานแบบมืออาชีพ แล้วยังจะให้คนที่ทำงานอย่างมืออาชีพมาขอโทษน้องออกสื่อ มันก็เหมือนกับ...
>> น้องไปทำงานออฟฟิศ อีเหลื่อยเฉื่อยแฉะทำงานไม่จริงจัง
(อย่างแบบนี้ก็ น้องมาสาย ไม่เตรียมพร้อมทำงาน ทั้งที่ต้องรู้อยู่แล้ว วันแข่งเวลาแข่งตอนไหน ต้องพร้อมตลอดเวลา)
>> จนงานออกมาไม่ดี เจ้านายดุด่า แต่น้องกลับจะให้เจ้านายขอโทษ เพราะน้องรับไม่ได้ที่เจ้านายดุด่ารุนแรง
(อย่างแบบนี้ พอน้องเตรียมตัวไม่พร้อม ไปแข่งก็ย่อมต้องแพ้ โค้ชเชก็ต้องดุด่าทำโทษ เพราะไม่ได้มาตรฐานงาน)
งานมีมาตรฐาน น้องเป็นถึงทีมชาติ
มาตรฐานงานย่อมต้องสูงสุด ไม่งั้นจะเป็นทีมชาติได้ยังไง
ถ้าเตรียมพร้อมอย่างดีแต่แพ้ โค้ชเขาย่อมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดน้อง แต่เป็นความผิดพลาดของเขา เขาจะหาทางแก้ไข
แต่นี่น้องไม่เตรียมให้พร้อมแล้วแพ้
มันคือความผิดน้องเอง น้องทำงานไม่ถึงมาตรฐาน แบบเป็นความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ
แล้วจะให้เจ้านายมาขอโทษน้อง ทั้งที่ตัวน้องทำงานไม่ดีเองได้ยังไงครับ...
เรื่องของน้องก้อย กับโค้ชเช แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจในความเป็น "มืออาชีพ" ของตัวน้องเอง
อย่างแรกเอาแค่คำพูดกับหลักฐานจากตัวน้องก้อยก่อน
"ทำร้ายร่างกาย" และ "ต่อย"
ถ้าน้องโดนทำร้ายร่างกาย โดนต่อย น้องไม่หน้าเรี่ยมมานั่งให้สัมภาษณ์ได้แบบนี้หรอกนะครับ
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า น้องไม่เข้าใจกระทั่งเรื่องคำที่ใช้ กับการกระทำเลย
ถ้าไม่เข้าใจ ต่อไปน้องไปทำงาน เจ้านายดุด่า น้องคงบอกว่าเจ้านาย "หมิ่นประมาท" เลยมั้งครับ
การ "ทำโทษ" มีในทุกกีฬา ยิ่งในกีฬาต่อสู้ยังไงก็ต้องมี ลงโทษกันถึงเนื้อถึงตัวกันทุกคน มวย ยูโด ฯลฯ ไม่มีเว้น
หรือกระทั่ง "บัลเล่ต์" ที่เห็นเป็นศิลปะอ่อนช้อย กว่าเค้าจะอ่อนช้อยได้แบบนั้น เท้าโดนครูดัดจนร้องไห้กันไปกี่คนแล้ว
นึกว่าครูบัลเล่ต์ เห็นเท้าไม่จิกตรง แล้วดุด่าเฉยๆ จนเท้ามันดัดจิกพื้นตรงได้เองเหรอครับ นักเรียนต้องฟ้องครูฐานทำร้ายร่างกายไหม
นี่คือ "การทำโทษ" ไม่ใช่ "ทำร้ายร่างกาย" หลักฐานมันอยู่บนตัวน้องเอง
น้องใช้คำที่ทำให้คนที่รับข่าวยังเข้าใจผิดได้ "ทำร้ายร่างกาย" และ "ต่อย" ความหมายรุนแรงกว่าสิ่งที่ปรากฎบนตัวน้องมากครับ
-----------------------------------------------------------------------
อย่างที่สอง น้องไม่เข้าใจวิถีของ "ความเป็นมืออาชีพ" แม้แต่น้อย
"มืออาชีพ" ไม่ถือเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในการทำงานมาเป็นความรู้สึกส่วนตัว ยกเว้นการกระทำนั้นผิดจากสิ่งที่มืออาชีพควรจะเป็น
อย่างคนที่ไม่ได้เล่นกีฬา ทำงานในออฟฟิศ ถ้าเจ้านายดุด่าเรื่องงาน วิพากษ์วิจารณ์ตัวงานจริงๆอย่างดุเดือด นั่นถือว่า "มืออาชีพ"
เพราะเจ้านายพูดถึงตัวงานโดยตรง และต้องการให้งานออกมาดี คนทำงานก็ควรน้อมรับไปแก้ไข และไม่ถือเป็นอารมณ์ส่วนตัว
แต่ถ้าเจ้านายดุด่าโดยไม่ได้เกี่ยวกับตัวงาน หรือไม่ได้ดูงานแต่มาวิจารณ์หรือเมินเฉยไม่สนใจ ปัดงานทิ้ง อย่างนี้คือ "ไม่มืออาชีพ"
ซึ่งถ้าเอามาเทียบกับที่โค้ชเชทำ ถ้าโค้ชเชทำโทษน้อง ทั้งที่น้องมาแข่งตามเวลา ฟิตซ้อมร่างกายพร้อมแต่แพ้ ก็ถือว่า "ไม่มีอาชีพ"
แต่จากข่าว "โค้ชเช" ทำในสิ่งที่เป็น "มืออาชีพ" ทุกอย่าง ในเวลางาน "ทำโทษ" คือทำโทษ (และไม่ใช่ "ทำร้ายร่างกาย")
เพราะน้องไม่เตรียมตัวให้พร้อม ไม่มาตามเวลา ซึ่งเกี่ยวกับ "งาน" โดยตรง เพราะเป็นงานและหน้าที่ที่น้องต้องรับผิดชอบ
ในเมื่อน้องไม่เตรียมตัวให้พร้อม จนทำให้แข่งแพ้ มันถือว่า "น้องไม่เคารพงานที่ทำ" คนเป็น "มืออาชีพ" อย่างโค้ชเชย่อมรับไม่ได้
จบงาน โค้ชเชยังไปขอโทษน้องถึงห้องด้วยซ้ำ เพราะนี่คือวิถีแห่งมืออาชีพ จบงานก็ขอโทษขอโพยกัน โค้ชเชถือว่าปราณีแล้วด้วยซ้ำ
ในชาติตะวันตกที่หลายคนมองว่า คงไม่มีการทำโทษแบบถึงร่างกาย อย่านึกว่าไม่มี
อย่างงานออฟฟิศ เขวี้ยงงานใส่คนทำงานทั้งแฟ้ม คือเรื่องที่เห็นได้ทั่วไป จบงานแล้วเผลอๆเค้าไม่มีมาขอโทษด้วยซ้ำ
เพราะเขาถือว่า ทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่า "นี่คือเรื่องของงาน" จะมาถือเป็นอารมณ์ส่วนตัวไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นงานก็ไม่ต้องไปไหน
ยิ่งถ้าคุณมาสาย ไม่เตรียมตัวให้พร้อม ถือว่าคุณไม่เคารพงานเลย คนเป็นหัวหน้ามีสิทธิจะทำโทษและดุด่าคุณอย่างเต็มที่
ตัวน้องเอง ต้องรู้ก่อนวันมาแข่งแล้วว่าแข่งเวลาไหน ถึงมีโค้ชในทีมคอยบอกก็จริง แต่ตัวนักกีฬา ก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
-----------------------------------------------------------------------
ตัวน้องไม่เข้าใจการทำงานแบบมืออาชีพ แล้วยังจะให้คนที่ทำงานอย่างมืออาชีพมาขอโทษน้องออกสื่อ มันก็เหมือนกับ...
>> น้องไปทำงานออฟฟิศ อีเหลื่อยเฉื่อยแฉะทำงานไม่จริงจัง
(อย่างแบบนี้ก็ น้องมาสาย ไม่เตรียมพร้อมทำงาน ทั้งที่ต้องรู้อยู่แล้ว วันแข่งเวลาแข่งตอนไหน ต้องพร้อมตลอดเวลา)
>> จนงานออกมาไม่ดี เจ้านายดุด่า แต่น้องกลับจะให้เจ้านายขอโทษ เพราะน้องรับไม่ได้ที่เจ้านายดุด่ารุนแรง
(อย่างแบบนี้ พอน้องเตรียมตัวไม่พร้อม ไปแข่งก็ย่อมต้องแพ้ โค้ชเชก็ต้องดุด่าทำโทษ เพราะไม่ได้มาตรฐานงาน)
งานมีมาตรฐาน น้องเป็นถึงทีมชาติ มาตรฐานงานย่อมต้องสูงสุด ไม่งั้นจะเป็นทีมชาติได้ยังไง
ถ้าเตรียมพร้อมอย่างดีแต่แพ้ โค้ชเขาย่อมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดน้อง แต่เป็นความผิดพลาดของเขา เขาจะหาทางแก้ไข
แต่นี่น้องไม่เตรียมให้พร้อมแล้วแพ้ มันคือความผิดน้องเอง น้องทำงานไม่ถึงมาตรฐาน แบบเป็นความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ
แล้วจะให้เจ้านายมาขอโทษน้อง ทั้งที่ตัวน้องทำงานไม่ดีเองได้ยังไงครับ...