ไม่ถึงสองเดือนเจอประสอบการณ์ใหม่ๆเพียบ (ทำ IVF ท้อง แท้ง และผ่าตัดส่องกล้อง)

กระทู้สนทนา
ตอนนี้ดิฉันก็ 37 ขวบแล้ว ส่วนสามีก็กำลังกรุบกรอบย่างเข้า 36  เราเข้าขบวนการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ที่สวีเดน
ประมาณเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็มีการให้ฮอร์โมนกระตุ้นไข่ตามขั้นตอนทุกอย่าง สุดท้ายได้ตัวอ่อนทั้งหมด 8 ตัว
เป็นเกรด A ทั้งหมด หมอใส่กลับให้ 1 ตัว เป็นระยะ 8 เซลล์ แตกตัวสวยงาม


นี่งัย เอ็มบริโอ เบอร์ 1 ของพวกเรา

หมอที่นี่ให้ปฏิบัติตัวทุกอย่างตามปกติ ดังนั้นดิฉันจึงพักเฉพาะ 3-4 วันแรก แต่ก็ทำงานบ้านและกินทุกอย่างตามปกติ
(ยังคงทำกับข้าว เดินขึ้นลงบันได ล้างจาน) ในวันที่ 3 หลังเอาตัวอ่อนใส่ ดันอยากกินแกงหน่อไม้มากๆ ผลคือ ท้องเสียหน่ะสิ
และ 4-5 วันหลังจากนั้นดันท้องผูกซะงั้น พอวันที่ 5 ก็ไปทำงานตามปกติ โชคดีที่ช่วงนั้นแค่นั่งเขียน paper และใช้หัวสมองคิด
นั่นนี่นิดหน่อย ว่าจะตอบกลับ referee ยังงัยดี (หลังจากโดน reject ไปแล้ว 3 ครั้ง 555) ปกติดิฉันจะติดกาแฟมากๆ ดื่มวันละ 3-4 แก้ว
(กินเพื่ออิ่ม คือปรัชญาการดื่มกาแฟของดิฉัน) แต่เพราะสัญชาตญานความเป็นแม่ (มั๊ง) ทำให้เริ่มดื่มกาแฟดีแคฟ แค่วันละ 1 แก้วเล็กๆ
(ไฮโซ) และไม่ดื่มอีกเลยหลังจากตรวจพบว่าท้อง (ช่างเป็นแม่ที่ดีจริงๆเลยเรา)

หลังใส่ตัวอ่อนก็ไม่มีอาการแพ้อะไรทั้งสิ้น ไม่คัดหน้าอก ไม่มีอารมณ์แปรปรวน ไม่อยากกินลาบเลือด หรือเครื่องในอะไรทั้งสิ้น
ยกเว้นมีลมในท้องเยอะ และผายลมบ่อย (เริ่มอุบาทว์) แต่หมออธิบายก่อนหน้านี้แล้วว่ายาสอดจะทำให้ฮอร์โมนเพิ่มขึ้น
และมดลูกเหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน แต่จะมีผลข้างเคียงคือผายลมบ่อยๆ อ้อ ... อาการอีกอย่าง รู้สึกเหมือนจะเป็นประจำเดือน
ตะหงิดๆด้วย

แล้วก็ตรวจปัสสาวะเจอว่าตั้งท้องครั้งแรก หลังวันใส่ตัวอ่อน 11 วัน คนที่ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นสองขีดเลยในชีวิต ความรู้สึกแรกคืออึ้ง
และดีใจสุดๆ (จะได้เป็นแม่คนตอนแก่แย้วววว) รีบแจ้นไปบอกสามีๆ งัวเงียบอกว่ามันยังจางอยู่เลยที่ตรวจอาจจะเสียก็ได้
(ได้โปรดแสดงความดีใจให้มากกว่านี้เถอะที่รัก) หลังจากนั้น เลยตรวจวันเว้นวันและมันก็ชัดเจนขึ้น จนเราสองคนแน่ใจว่า
กำลังจะได้เป็นว่าที่คุณพ่อคุณแม่แล้วเว้ยยยย อิ อิ (หลังจากรอมานาน หลายปีแสงมากๆ)


2 ขีดแรกในชีวิต ปลื้มปริ่มมากๆ


นักวิทยาศาสตร์อย่างชั้นต้องการผลที่เป็นตัวเลข ไม่ใช่เพียงการคาดเดาย่ะ

ตลอดเวลา 2-3 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่เอาตัวอ่อนใส่ (หมอคำนวณอายุครรภ์เป็น 5 week) ดิฉันไม่มีเลือดออกเลย
แต่หลังจากเข้า week 6 จู่ๆก็เริ่มมีเลือดสีแดงสดหยดออกมา 3-4 หยดต่อวัน แต่ไม่มีอาการปวดท้องเลย
ดิฉันก็มองโลกในแง่ดีตามประสานางงามว่าอาจจะปกติก็ได้มั๊ง เลือดสีแดงสดออกมาแค่ 1 วันเท่านั้นก็หยุดไป
แต่วันถัดมาก็มีเลือดสีแดงคล้ำคล้ายๆเลือดเก่าออกมาแทน ครั้งนี้ออกมากประมาณ ครึ่งแผ่นผ้าอนามัย และเริ่มมีการปวดท้องเล็กน้อย

วันที่ 2 ที่เลือดสีคล้ำออกมา เริ่มมีลิ่มเลือด และเนื้อเยื่อ ชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 1 cm 1 ชิ้น ไหลออกมาด้วย
อาการปวดท้องก็ยังไม่มากนัก ดิฉันกลัวว่าจะแท้งจึงทำการวัดระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ว่ามันลดลงหรือเปล่า
ปรากฏว่าอายุครรภ์กลับเพิ่มมากขึ้น เป็น 3+ หมายถึงอายุครรภ์มากกว่า 3 week หลังการปฏิสนธิ (แสดงว่ามีการเพิ่มขึ้นของ HCG)


ฮอร์โมนยังขึ้นอยู่นะ ตอนนี้อายุครรภ์มากกว่า 5 week แล้ว

วันที่ 3 หลังจากมีเลือดคล้ำๆและลิ่มเลือดไหลออกมา ดิฉันปวดท้องมากขึ้น และคิดว่ามันเริ่มไม่ปกติแล้วหล่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่รีบไปหาหมอ(วะ) จะได้ฝากครรภ์ให้เรียบร้อย ปล่อยให้เลือดออกทำไมตั้งหลายวัน
คือระบบที่สวีเดนหมอจะไม่รับฝากครรภ์ จนกว่าจะ 7-8 week และหากเราแท้งหรือมีเลือดออก หมอจะไม่ฉีดยาอะไรให้ทั้งสิ้น
หมอถือว่าเป็นขบวนการคัดกรองตามธรรมชาติ สามีสุดหล่อของดิฉันพยายามโทรหาเบอร์ของผดุงครรภ์จากหลายๆเบอร์
ทั้งที่เบอร์กลางและเบอร์ของ รพ เพื่อขอให้ชั้นเข้าไปตรวจ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะหมดเวลาจองของวันนั้นๆแล้ว
(อาร๊ายยะเนี่ยะ จะไปหาหมอต้องโทรนัดเวลาก่อน วุ่นวายที่สุด) ความรู้สึกของดิฉันตอนนั้นคือ เกลียดระบบการรักษาของสวีเดนมาก
คนปวดท้องจะตายอยู่แล้วให้โทรนัดอะไรยะ อยากเป็นระบบระเบียบอะไรตอนนี้?? ดิฉันถามตัวเองตามประสาคนรวยที่ได้ตั๋วถูกว่า
บินกลับไทยเลยดีมั๊ย กลับไปฉีดยากันแท้งที่บ้านเรา (อ่านในเน็ต เห็นใครต่อใครเค้าก็ฉีดยากันแท้ง แล้วบางส่วนก็ท้องต่อได้)
สรุปคือความพยายามในการโทรขอนัดเวลาไปหาหมอล้มเหลว ดิฉันกับสามีก็ตัดสินใจว่าไปฉุกเฉินกันเลยเหอะ ดูสิจะอะไรยังงัย

ไปถึงแผนกฉุกเฉินตอน บ่าย 2 จนท บอกว่าให้เดินไปแผนกสูติเลย ตอนนี้ยังไม่ปิด (ดีใจจุง) นั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ได้เจอพยาบาล
ชีก็ซักอาการต่างๆ แบบหน้าไม่รับแขกเท่าไหร่ บอกว่าถ้ามีเวลาก็จะได้ตรวจ ถ้าไม่ก็ให้เดินกลับไปห้องฉุกเฉิน (จะให้ชั้นคลานกลับไป
ก็ได้นะ ณ จุดนี้ชั้นปวดท้องมากๆแล้ว) แต่สักพักคุณหมอใจดีก็เรียกเข้าไปตรวจ ทั้งตรวจเลือด และ ultrasound ผ่านมดลูก
คุณหมอแจ้งว่าอายุครรภ์ยังน้อย ยังไม่เห็นถุงการตั้งครรภ์ ปากมดลูกยังปิดปกติดี และเลือดที่ออกเป็นเลือดเก่า ให้กลับบ้านได้
และนัดอีก 2 สัปดาห์ต่อมา

ถัดมาแค่ 1 วัน เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ดิฉันปวดท้องน้อยด้านขวากระทันหัน ปวดจนร้าวไปที่หลัง (ดิฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่อาการปวดขรี้แน่นอน)
แต่ไม่มีไข้ ไม่อาเจียน ตอนนั้นคิดว่าท้องนอกมดลูก หรือไม่ก็ไส้ติ่งแน่เลย (เสี่ยงต่อการตายไม่แพ้กันเลยวุ้ย) ส่วนเลือดก็ยังออกเป็นสีคล้ำๆอยู่
ปริมาณครึ่งแผ่นผ้าอนามัยเหมือนเดิม บอกสามีว่าไป รพ ฉุกเฉินกันเหอะ สามีผู้มีใจเย็นยังกับไนโตรเจนเหลว บอกให้รออีกหน่อย
เผื่ออาการปวดมันจะหายไปเอง ดิฉันนอนสังเกตอาการต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง พร้อมกับก่นด่าสามีในใจ อาการก็ไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด
สามีคงกลัวว่าดิฉันจะมาตายในบ้านเค้า จึงพาชั้นไป รพ กลางดึก ไปถึงคนไข้เยอะมาก รอเกือบ 3 ชั่วโมงถึงได้เจอหมอ โชคดีที่คืนนั้น
มีหมอสูติเข้าเวร 1 คน และสาเหตุที่ต้องรอนานเพราะคุณหมอต้องผ่าคลอดก่อน (ณ จุดนี้ ชั้นเหนื่อยแทนหมอมากๆ)

คุณหมอยังเด็กอยู่เลย แต่ตรวจละเอียดสุดๆ และอุลตร้าซาวด์นานมาก คุณหมอบอกว่ามีเลือดออกในช่องท้อง
และตรงท่อนำไข่ก็มีลักษณะแปลกๆ แต่อายุครรภ์ยังน้อยจึงเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ คุณหมอไม่กล้าฟันธงว่าท้องนอดมดลูก
เพราะปกติแล้วการทำ IVF โอกาสที่ตัวอ่อนจะเคลื่อนไปอยู่ที่ท่อควรจะน้อย และปกติจะแสดงอาการประมาณ week 7-8
ไม่เร็วแบบนี้ คุณหมอให้นอน รพ และให้เจาะเลือดดูอัตราการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนทุกๆ 3 ชม คืนนั้นดิฉันได้มอร์ฟีน หลับสบายลืมปวด อิ อิ อิ
ส่วนสามีก็กลับไปนอนที่บ้าน

วันรุ่งขึ้น คุณหมอที่เป็นหัวหน้าแผนกสูติมาตรวจอีกรอบ พร้อมทั้งแจ้งว่าฮอร์โมน HCG ไม่ปกติ ตอนเข้ามา 6,000 (หน่วยไรไม่รู้)
แต่ตอนนี้เหลือ 2,000 น่าจะแท้งแน่นอน (ซึ่งดิฉันก็พอจะเดาได้ เพราะตอนเช้ามีเลือดสีแดงออกมาเยอะมากๆ พร้อมทั้งลิ่มเลือดด้วย)
ประกอบกับมีเลือดในช่องท้อง และปริมาณฮีโมโกลบินลดลง คุณหมอเกรงว่าจะท้องนอดมดลูกและเสียเลือดมากเกินไป
จึงให้ผ่าตัดวันนั้นเลย (ผ่าตัดส่องกล้อง) ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่ต้องผ่าตัด และดมยาสลบอะไรแบบนี้ คุณหมอเอาอะไรไม่รู้เป็นปุ่มๆ
มาติดที่หน้าอก ลำตัว และที่หัว สายระโยงระยาง เหมือนในหนังมากๆ  ดิฉันพยายามจะจับเวลาว่า นานขนาดไหนถึงจะหลับ
พอคุณหมอพูดว่า "sweet dream" ชั้นก็หลับไปเลย (ไม่ทันได้จับเวลาอะไรเลยวุ้ย)

ตื่นขึ้นมาก็มาอยู่อีกห้องหนึ่งที่มีทีมหมอและพยาบาลอีกชุด ก็งงๆว่า เอ๊ะ ชั้นเจอหมอยังนะ จำได้ว่าประโยคแรกถามว่า
"Did I see the doctor?" หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมหล่อนไม่คลำที่พุงหล่อนดูหล่ะยะ ไปถามอะไรหมอ
ขอบอกเลยว่าตอนนั้นเคลื่อนไหวไม่ได้เลย ลืมไปด้วยซ้ำว่ามีมือ รู้สึกแค่ปวดท้อง แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะอาการท้องนอกมดลูก
หรือเพราะหมอผ่าตัด อีกทั้งยังคอแห้งเป็นผงและปวดฉี่เป็นบ้า

หมอประจำห้องนั้นมาสัมภาษณ์ อาการปวดมี Level 1-10 ให้ตอนนี้เท่าไหร่ เลยตอบไปว่า Level 3 ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
หมอกลับมาถามใหม่ ให้เท่าไหร่ มอร์ฟีนคงใกล้หมดฤิทธิ์แล้วมั๊ง ดิฉันเลยตอบว่าให้ 4-5 ไปเลย หมอก็ฉีดมอร์ฟีนให้
แล้วสักพักมาถามว่าเหลือเท่าไหร่ ชั้นบอกว่า 0.5 หมอหัวเราะใหญ่ บอกว่าทำไมไม่ตอบว่า 0 หรือ 1 ดิฉันแย้งไปว่าให้ 0 ไม่ได้
เพราะยังมีอาการปวดอยู่ และให้ 1 ก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้ปวดมากมายนัก (ขนาดอาการปางตาย ชั้นยังคงความเป็นนักวิทยาศาสตร์
เอาไว้พอสมควร) แล้วหมอก็ให้ไปฉี่ เพราะต้องการเช็คว่าทุกอย่างยัง Functional อยู่มั๊ย ปรากฏว่านั่งฉี่ไป 10 นาที
ออกมาประมาณ 100 ml แค่นั้นเอง แต่ละหยดของมัน บีบหัวใจชั้นมากๆ สุดท้ายหมอบอกว่าโอเคแล้ว ให่เข็นชั้นกลับไปที่ห้องพักฟื้นได้เลย

พอกลับมาที่ห้องพักรวม ดิฉันเข้มแข็งประดุจหินผามากๆ โทรศัพท์กลับไทยโทรหาที่บ้าน พร้อมทั้งเมาท์มอยเรื่องอาการต่างๆ
อีกทั้งยัง chat กับน้องๆที่ทำงานที่ไทยอย่างสบายอารมณ์ แต่พอมอร์ฟีนหมดฤิทธิ์แล้วนี่สิ มันนรกชัดๆ ตลอดทั้งคืนดิฉันต้องลากสังขาร
อันบอบช้ำ ลุกขึ้นมาฉี่อย่างอยากลำบาก ทุกๆ 2-3 ชม เพราะหมอให้กินน้ำเยอะๆ ร่างกายต้องขับมอร์ฟีนออก แต่เชื่อหรือไม่ยะ
ดิฉันออกจาก รพ หลังการผ่าตัดเพียง 1 วัน พร้อมหลักฐานซากอารยธรรม รูที่ท้อง 4 รู แถมหมอบอกชั้นว่าจันทร์หน้านี้ (21 กค)
ดิฉันสามารถไปทำ Lab ที่ฝรั่งเศสได้เลยนะยะ ไม่ต้องเลื่อนหรืองด (กรี๊ดย่ะ...มันเป็นอะไรที่ถึกมากๆ สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างดิฉัน)


รูทั้ง 4 ที่พุงกลมๆของชั้น และผิวหนังที่แตกระแหงนิดหน่อย

หมอเข้ามาคุยด้วยหลังการผ่าตัดบอกว่าต้องผ่าตัดท่อนำไข่ด้านขวาออกเพราะ damage มาก (ขนาดพบเร็ว) และมีพังพืดเยอะมาก
จนแทบจะทำให้มดลูกผิดรูป ประกอบกับพบเนื้องอก 2 ก้อน ขนาด 3 cm ติดด้านหลังของมดลูก มีผลทำให้การท้องแบบวิธีธรรมชาติ
สามารถตัดออกไปได้เลย และหมอก็ไม่แน่ใจว่าดิฉันจะยังสามารถท้องแบบปกติได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามหมอยังอยากให้ลองใส่ตัวอ่อน
เบอร์ 2 กลับเข้าไปอีกครั้ง ดิฉันประทับใจการทำงานของคุณหมอและพยาบาลที่นี่มากๆ ทุกคนทุ่มเทตามหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
ทำให้รักสวีเดนขึ้นมาเลย ถ้าเหตุเกิดที่บ้านต่างจังหวัดของดิฉัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชะตาชีวิตของดิฉันตอนนี้จะเป็นเยี่ยงไร
และการผ่าตัดครั้งนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น  (ดีใจมากที่สุดตรงนี้ 555)

วันนี้เป็นวันที่ 5 หลังการผ่าตัด ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก เดินได้เกือบเป็นปกติแล้ว ส่วนเลือดสีแดงที่ออกมาตั้งแต่วันนัดผ่าตัด
ก็เริ่มหยุดไหลแล้ว (น่าจะเกิดจากการแท้ง) และวันศุกร์ที่จะถึงนี้ต้องไปเช็คฮอร์โมนว่าลดลง เหลือระดับเดียวกับคนไม่ตั้งครรภ์หรือไม่
ส่วนการเอาตัวอ่อน เบอร์ 2 กลับเข้าไปใหม่คงต้องรอหลังจากมีรอบเดือนปกติ 2 รอบเดือนก่อน  ส่วนภาวะทางด้านจิตใจ
ดิฉันไม่ได้เศร้าหรือเสียใจอะไรมากนักที่เสียลูกคนแรกไป เพราะคิดว่าเป็นขบวนการตามธรมชาติ และยังโชคดีเหลือหลายที่ยังมีชีวิตรอด
ปลอดภัย แต่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า เพราะอ่านในเน็ตเค้าบอกว่าหากเป็นท้องแรกที่ท้องนอกมดลูก
ท้องต่อไปมีโอกาสมากถึง 70% ที่จะท้องไม่ครบตามกำหนด และมีโอกาสเกิดกับอีกข้างหนึ่ง ได้มากถึง 10-30% T___T'
( ชั้นไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรไม่มีหลักฐานนะยะ นี่ที่มาของข้อมูลย่ะ http://www.rtcog.or.th/html/articles_details.php?id=14 )

หลังจากเอา เอมบริโอ นัมเบอร์ 2 เข้าไปแล้ว ได้ผลเยี่ยงไร ดิฉันจะมาอัพเดทให้ฟังใหม่นะจ๊ะ

* ขออภัยที่ต้องแก้หลายครั้ง พิมพ์ผิดเยอะมาก ตามประสาคนแก่ที่สายตาฝ้าฟาง*
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่