จำเป็นไหมครับ ที่การเป็นแฟนกันต้องอยู่ด้วยกันเสมอไป
ส่วนตัวผมนะครับ จะมีแฟนมากี่คน กี่คนก็ชอบที่จะอยู่ด้วยกันตลอด ถ้าเวลาไหนไปทำงานก็ต่างคนต่างไปทำ แต่ถ้าเลิกงานหรือหยุดงานก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน (ผมบอกก่อนนะครับ ว่าผมเป็นชายรักชาย) ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆเป้นเหมือนผมไหม???
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเริ่มรู้จักและได้ทำความรู้จักกับคนคนนึงในFACEBOOKและพัฒนาความสัมพันธ์กันมาโดยตลอดเวลา
จนวันนึงผมตัดตัดสินใจเป้นแฟนกันและก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ด้วยกัน อยากที่จะลองอยู่ด้วยกัน โดยผมย้ายจาก กทม.ไปอยู่กับครอบครัวเขาที่ ตจว โดยหน้าที่การงานผมแล้วผมไปได้ครับ เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานแบบที่ต้องเข้าทำงานทุกวัน ดังนั้นจึงไปอยู่ ตจว แล้วถ้าวันไหนผมมีงานผมถึงจะขับรถเเข้ามา กทม. ครับ (พ่อแม่ของเราทั้งคู่รู้เเละเข้าใจนะครับ) ทำแบบนี้มามาระยะนึง โดยการขับรถไป-กลับ ตลอด(แต่ไม่ทุกวันนะครับ อีกอย่างจังหวัดไป-กลับนี้ก็แค่200โลเอง ผมชิวมากครับทำได้อยู่แล้ว) ที่บ้านแฟนผมนั้นเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆครับ แฟนผมนั้นก็ต้องช่วยพ่อและแม่เค้าทุกอย่าง เพราะลูกน้องมีไม่กี่คนครับ เวลาผมไปอยู่ที่นู้น ผมก็ไม่เคยนิ่งเฉยนะครับ อะไรช่วยได้ก็ช่วย อะไรที่เราทำได้เราก็ทำครับ พ่อแม่เค้าดีกับผมมากครับ ถามผมตลอดเวลาว่าหิวข้าวไหม อยากกินอะไรหรือป่าว ผมก็ได้แต่เกรงใจและบอกว่าไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมหาทานเองได้ครับ
โดยอาจเป็นเพราะผมทั้งคู่ก็คงยังทำตัวเหมือนผู้ชายทุกอย่าง เดินก็มีแกล้งๆกันบ้าง หยอกล้อกันบ้างครับ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เขาก็จะไม่ค่อยเล่นกันครับ นานๆจะแกล้งกันที จนมาหลังๆที่เราเริ่มมีปัญหากันครับ เพราะเราทั้งสองคนก็มีผู้ติดตามทั้งในFACEBOOK INSTAGRAMเยอะพอสมควร เราก็มีหึงหวงกันบ้าง (ลืมบอกไปครับ ว่าอาชีพเสริมของเราสองคนคือการขายของในSocialต่างๆครับ) ดังนั้นทั้งลูกค้าที่จะซื้อจริงๆบ้าง ลูกค้าที่หวังอย่างอื่นบ้าง ก็มีเข้ามาเยอะมากๆ เยอะจนผมสงสัยอะไรบ้างอย่าง ผมถึงขอดูมือถือเขา ผมเห็นเขาคุยกับลูกค้า(ตามที่เขาบอกว่าเป็นลูกค้า)ด้วยประโยคที่ว่าลูกค้าพูดว่า "แล้วรักเค้ามั้ย"ในบทสนาข้างบนผม ผมไม่เห็นเพราะก่อนหน้านี้แฟนผมลบออก ผมก็ยอมรับว่าผมก็หึงเขามาก มากซะจนตอนนั้นวางมือถือแล้วขับรถออกไปตั้งสติก่อนเลย ผมพยายามนั่งคิดทบทวนดูว่าคำพูดแบบนั้น ลูกค้ากับคนขายเค้าพูดกันหรอ ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม??? และหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป1คืน เช้าผมก็เลยคุยกัน ได้ข้อสรุปมาประมาณว่าเขาอยากให้ผมกลับไปอยู่ที่คอนโดผมที่ กทม. อยากให้ห่างๆกันบ้าง จะได้มีเวลาคิดถึงกัน และเขาก็เพิ่งจะมาบอกกผมว่าที่บ้านเค้าค่อนข้างจับผิดขาว่า ทำไมเพื่อนมาอยู่ด้วย ผมก็เข้าใจเคาและขับรถกลับมาอยู่ที่คอนโดผม แต่ตอนกลับมาผมก็คิดว่าถ้าผมเจอสถานะกาณ์แบบนี้ ผมว่าผมค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าคำตอบวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมเลยติดต่อบอกว่าเขาว่า ผมไม่รอแล้ว ผมขออกมาเลยดีกว่า ให้มันจบแค่ตรงนั้น อย่ารั้งกันไว้เลย เพราะเค้าก็มีครบทุกอย่าง เขาเองก็มีครบทุกอย่าง ผมดูจากอาการและพฤติกรรมของเค้า ผมก็คิดว่าเขาต้องมีอะไรในใจ แต่เวลาบอกกับผมก็บอกแค่ว่าไม่มีอะไร แค่ที่บ้านไม่เข้าใจแค่นั้น อย่าคิดมาก เขาก็โอเคอย่างง่ายดาย ทุกๆคนว่าถ้าเหตุกาณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับทุกคน ทกคนจะเลือกแบบผมไหมครับ หรือว่าผมคิดไปเอง หรือผมต้องทำยังไงดีครับ
อ่านมาขนาดนนี้ ผมก็ขอขอบคุณทุกคนมากครับ ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ด้วยครับ ทำให้ผมได้ระบายความในใจที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลย ขอบคุณครับ.
จำเป็นไหมครับ ที่การเป็นแฟนกันต้องอยู่ด้วยกันเสมอไป
ส่วนตัวผมนะครับ จะมีแฟนมากี่คน กี่คนก็ชอบที่จะอยู่ด้วยกันตลอด ถ้าเวลาไหนไปทำงานก็ต่างคนต่างไปทำ แต่ถ้าเลิกงานหรือหยุดงานก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน (ผมบอกก่อนนะครับ ว่าผมเป็นชายรักชาย) ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆเป้นเหมือนผมไหม???
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเริ่มรู้จักและได้ทำความรู้จักกับคนคนนึงในFACEBOOKและพัฒนาความสัมพันธ์กันมาโดยตลอดเวลา
จนวันนึงผมตัดตัดสินใจเป้นแฟนกันและก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ด้วยกัน อยากที่จะลองอยู่ด้วยกัน โดยผมย้ายจาก กทม.ไปอยู่กับครอบครัวเขาที่ ตจว โดยหน้าที่การงานผมแล้วผมไปได้ครับ เนื่องจากผมไม่ได้ทำงานแบบที่ต้องเข้าทำงานทุกวัน ดังนั้นจึงไปอยู่ ตจว แล้วถ้าวันไหนผมมีงานผมถึงจะขับรถเเข้ามา กทม. ครับ (พ่อแม่ของเราทั้งคู่รู้เเละเข้าใจนะครับ) ทำแบบนี้มามาระยะนึง โดยการขับรถไป-กลับ ตลอด(แต่ไม่ทุกวันนะครับ อีกอย่างจังหวัดไป-กลับนี้ก็แค่200โลเอง ผมชิวมากครับทำได้อยู่แล้ว) ที่บ้านแฟนผมนั้นเปิดเป็นร้านอาหารเล็กๆครับ แฟนผมนั้นก็ต้องช่วยพ่อและแม่เค้าทุกอย่าง เพราะลูกน้องมีไม่กี่คนครับ เวลาผมไปอยู่ที่นู้น ผมก็ไม่เคยนิ่งเฉยนะครับ อะไรช่วยได้ก็ช่วย อะไรที่เราทำได้เราก็ทำครับ พ่อแม่เค้าดีกับผมมากครับ ถามผมตลอดเวลาว่าหิวข้าวไหม อยากกินอะไรหรือป่าว ผมก็ได้แต่เกรงใจและบอกว่าไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมหาทานเองได้ครับ
โดยอาจเป็นเพราะผมทั้งคู่ก็คงยังทำตัวเหมือนผู้ชายทุกอย่าง เดินก็มีแกล้งๆกันบ้าง หยอกล้อกันบ้างครับ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เขาก็จะไม่ค่อยเล่นกันครับ นานๆจะแกล้งกันที จนมาหลังๆที่เราเริ่มมีปัญหากันครับ เพราะเราทั้งสองคนก็มีผู้ติดตามทั้งในFACEBOOK INSTAGRAMเยอะพอสมควร เราก็มีหึงหวงกันบ้าง (ลืมบอกไปครับ ว่าอาชีพเสริมของเราสองคนคือการขายของในSocialต่างๆครับ) ดังนั้นทั้งลูกค้าที่จะซื้อจริงๆบ้าง ลูกค้าที่หวังอย่างอื่นบ้าง ก็มีเข้ามาเยอะมากๆ เยอะจนผมสงสัยอะไรบ้างอย่าง ผมถึงขอดูมือถือเขา ผมเห็นเขาคุยกับลูกค้า(ตามที่เขาบอกว่าเป็นลูกค้า)ด้วยประโยคที่ว่าลูกค้าพูดว่า "แล้วรักเค้ามั้ย"ในบทสนาข้างบนผม ผมไม่เห็นเพราะก่อนหน้านี้แฟนผมลบออก ผมก็ยอมรับว่าผมก็หึงเขามาก มากซะจนตอนนั้นวางมือถือแล้วขับรถออกไปตั้งสติก่อนเลย ผมพยายามนั่งคิดทบทวนดูว่าคำพูดแบบนั้น ลูกค้ากับคนขายเค้าพูดกันหรอ ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม??? และหลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป1คืน เช้าผมก็เลยคุยกัน ได้ข้อสรุปมาประมาณว่าเขาอยากให้ผมกลับไปอยู่ที่คอนโดผมที่ กทม. อยากให้ห่างๆกันบ้าง จะได้มีเวลาคิดถึงกัน และเขาก็เพิ่งจะมาบอกกผมว่าที่บ้านเค้าค่อนข้างจับผิดขาว่า ทำไมเพื่อนมาอยู่ด้วย ผมก็เข้าใจเคาและขับรถกลับมาอยู่ที่คอนโดผม แต่ตอนกลับมาผมก็คิดว่าถ้าผมเจอสถานะกาณ์แบบนี้ ผมว่าผมค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าคำตอบวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ผมเลยติดต่อบอกว่าเขาว่า ผมไม่รอแล้ว ผมขออกมาเลยดีกว่า ให้มันจบแค่ตรงนั้น อย่ารั้งกันไว้เลย เพราะเค้าก็มีครบทุกอย่าง เขาเองก็มีครบทุกอย่าง ผมดูจากอาการและพฤติกรรมของเค้า ผมก็คิดว่าเขาต้องมีอะไรในใจ แต่เวลาบอกกับผมก็บอกแค่ว่าไม่มีอะไร แค่ที่บ้านไม่เข้าใจแค่นั้น อย่าคิดมาก เขาก็โอเคอย่างง่ายดาย ทุกๆคนว่าถ้าเหตุกาณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับทุกคน ทกคนจะเลือกแบบผมไหมครับ หรือว่าผมคิดไปเอง หรือผมต้องทำยังไงดีครับ
อ่านมาขนาดนนี้ ผมก็ขอขอบคุณทุกคนมากครับ ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ด้วยครับ ทำให้ผมได้ระบายความในใจที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังเลย ขอบคุณครับ.