เมื่อวันที่ 11 ก.ค.57 พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานสมาชิกวุฒิสภา เผยว่า ตนสนับสนุน
แนวความคิดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่จะนำเสนอต่อสภาปฏิรูปของคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะถือเป็นความคิดที่ดี โดยเชื่อว่าคนไทยร้อยละร้อยรับไม่ได้
ในเรื่องที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง คดียาเสพติด คดีทุจริตทางการเมือง ซึ่งมองว่าเมื่อ
ใครก็ตามที่มีความผิดในคดีร้ายแรงที่มีภัยต่อประเทศชาติแบบนี้ ก็คิดว่าไม่มีความเหมาะสม
โดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อคนเหล่านี้พ้นโทษออกมาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า จะเป็นนักการเมืองที่
ดีได้ โดยจะต้องมองว่าทำอย่างไรถึงจะได้นักการเมืองที่ดี เพราะนักการเมืองถือเป็นบุคคลที่
มีบทบาทต่อประเทศชาติมาก
"ห้ามไม่ให้คู่สมรสหรืออดีตคู่สมรส และบุตรตามกฎหมาย ลงรับสมัครเลือกตั้งในสมัยเดียวกันนั้น
ก็เห็นด้วย เพราะควรจะกระจายขอบข่ายการบริหารประเทศออกไปในวงกว้างไม่ใช่ว่าครอบครัวนี้
อาชีพเดียวกันทั้งบ้าน ประเทศไทยมีประชากรเกือบตั้ง 70 ล้านคน เราก็ต้องเฉลี่ยกันให้มีความหลากหลาย
ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับจะได้สภาครอบครัว หรือสภาผัวเมียที่เป็นกลุ่มเครือญาติใกล้ชิดกันอยู่ เมื่อมองไปแล้ว
ก็ไม่น่าจะทำงานได้ประสิทธิผลอย่างเต็มที่ โดยหากเฉลี่ยกันเข้าไปในสภา แม้จะมีที่นั่งเท่าเดิมแต่ก็เพิ่ม
ความหลากหลายทางความคิด" พล.อ.ธีรเดชกล่าว
"เท่าที่ได้ฟังเสียงสะท้อนกลับมาจากภายนอกก็เห็นว่า ณ เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่สุด
สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถดูได้จากโพลที่ให้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งห่างจาก
อันดับสองอย่างเห็นได้ชัด จึงชี้ให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่มีความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น
คนที่สามารถแก้ปัญหาให้คนไทยได้ดีที่สุด โดยคิดว่า คสช.ควรจะดูแลบ้านเมืองให้เป็นไปตามเป้า
หมายที่ตั้งให้สำเร็จเรียบร้อยจริงๆ ส่วนเรื่องระยะเวลา เท่าที่ฟังเสียงสะท้อนกลับมาก็บอกว่า ไม่จำ
เป็นต้องกำหนดว่ากี่เดือนหรือกี่ปี แต่ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองที่นิ่งจริงๆ ซึ่งก็ต้องบริหารจัดการไป
ตามขั้นตอนในโรดแม็ปที่วางไว้" อดีตประธาน ส.ว.กล่าว
พล.อ.ธีรเดช แผล่บๆ "ประยุทธ์" เหมาะนั่ง "นายกฯ" ที่สุด
เมื่อวันที่ 11 ก.ค.57 พล.อ.ธีรเดช มีเพียร อดีตประธานสมาชิกวุฒิสภา เผยว่า ตนสนับสนุน
แนวความคิดของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ที่จะนำเสนอต่อสภาปฏิรูปของคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะถือเป็นความคิดที่ดี โดยเชื่อว่าคนไทยร้อยละร้อยรับไม่ได้
ในเรื่องที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง คดียาเสพติด คดีทุจริตทางการเมือง ซึ่งมองว่าเมื่อ
ใครก็ตามที่มีความผิดในคดีร้ายแรงที่มีภัยต่อประเทศชาติแบบนี้ ก็คิดว่าไม่มีความเหมาะสม
โดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อคนเหล่านี้พ้นโทษออกมาก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า จะเป็นนักการเมืองที่
ดีได้ โดยจะต้องมองว่าทำอย่างไรถึงจะได้นักการเมืองที่ดี เพราะนักการเมืองถือเป็นบุคคลที่
มีบทบาทต่อประเทศชาติมาก
"ห้ามไม่ให้คู่สมรสหรืออดีตคู่สมรส และบุตรตามกฎหมาย ลงรับสมัครเลือกตั้งในสมัยเดียวกันนั้น
ก็เห็นด้วย เพราะควรจะกระจายขอบข่ายการบริหารประเทศออกไปในวงกว้างไม่ใช่ว่าครอบครัวนี้
อาชีพเดียวกันทั้งบ้าน ประเทศไทยมีประชากรเกือบตั้ง 70 ล้านคน เราก็ต้องเฉลี่ยกันให้มีความหลากหลาย
ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับจะได้สภาครอบครัว หรือสภาผัวเมียที่เป็นกลุ่มเครือญาติใกล้ชิดกันอยู่ เมื่อมองไปแล้ว
ก็ไม่น่าจะทำงานได้ประสิทธิผลอย่างเต็มที่ โดยหากเฉลี่ยกันเข้าไปในสภา แม้จะมีที่นั่งเท่าเดิมแต่ก็เพิ่ม
ความหลากหลายทางความคิด" พล.อ.ธีรเดชกล่าว
"เท่าที่ได้ฟังเสียงสะท้อนกลับมาจากภายนอกก็เห็นว่า ณ เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่สุด
สำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามารถดูได้จากโพลที่ให้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ ทิ้งห่างจาก
อันดับสองอย่างเห็นได้ชัด จึงชี้ให้เห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่มีความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็น
คนที่สามารถแก้ปัญหาให้คนไทยได้ดีที่สุด โดยคิดว่า คสช.ควรจะดูแลบ้านเมืองให้เป็นไปตามเป้า
หมายที่ตั้งให้สำเร็จเรียบร้อยจริงๆ ส่วนเรื่องระยะเวลา เท่าที่ฟังเสียงสะท้อนกลับมาก็บอกว่า ไม่จำ
เป็นต้องกำหนดว่ากี่เดือนหรือกี่ปี แต่ทุกคนอยากเห็นบ้านเมืองที่นิ่งจริงๆ ซึ่งก็ต้องบริหารจัดการไป
ตามขั้นตอนในโรดแม็ปที่วางไว้" อดีตประธาน ส.ว.กล่าว