เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน เรารู้สึกอยากแชร์ความรู้สึก และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรามองสังคมสมัยนี้ระยะห่างระหว่างคนในครอบครัวมันเเปลกไป บางทีการหันหน้าเข้ามาคุยกันกับคนในครอบครัวน่าจะแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น
นี้เป็นกระทู้เเรกของเราคะ 5555 ไม่รู้จะเริ่มยังไง เกริ่นไป 2 บันทัดแล้ว จขกท. อายุค่อนไปทางเลข 30 ทำงานอาชีพอิสระ ส่วนมากจะอยู่แต่บ้าน เป็นทั้งเเม่บ้าน ทั้งเจ้าของธุรกิจเล็กประจิ๊ดที่กำลังก่อร่างสร้างตัวมาได้ 3 ปีเเล้ว รายได้ในเเต่ละเดือนไม่คงที่เลยคะ มีตั้งเเต่ 500 บาท จนไปถึง 2 แสนบาท เเล้วเเต่ช่วงว่าออเดอร์จะมีมากน้อยเเค่ไหน
เราคบกับเเฟนมาจะ 2 ปีคะ เริ่มอยู่ด้วยกันตั้งเเต่เค้าจีบเรานั้นเเหละ เค้าเข้ามารู้จักเราในช่วงที่เราป่วยอย่างมหันต์ เค้าไปทำงาน พอเลิกงานก็จะซื้อข้าว ซื้อน้ำมาให้ ป้อนข้าวป้อนยาเรา อุ้มเราไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ทำความสะอาด อุ้มกลับมาที่เตียง ให้ยานอนหลับ รอเราจนหลับ ถึงกลับบ้านตัวเอง จนหลัง ๆ ก็เฝ้าจนหลับอยู่ที่ห้องเรานี่เเหละ ทำอยู่เป็นเดือนๆ จนเราหายดี นั้นคือเหตุผลที่เรารู้สึกดีกับเค้าเเล้วตกลงคบกันคะ
เมื่อวานซืน เราตื่นมาก็มีอาการอ่อนเพลียมากกกกกกกก เดินลงมาจากบ้านก็มึนหัวจนเดินเซ ก็ยังคิดว่าตัวเองน่ะเเค่นอนน้อย (เราเป็นคนที่เสพติดการทำงานคะ ชอบทำงาน ถึงวันไหนจะไม่มีออเดอร์งานก็ต้องคิดงาน คิดๆๆๆๆ ทำๆๆๆ นอนสว่าง ตื่นก่อนเที่ยงเป็นเรื่องปกติ) เราก็เเค่ดื่มน้ำหวาน เเล้วก็ออกไปทำธุระข้างนอก ระหว่างการเดินทางนอกบ้านก็ยังเดินเซ ยังไม่มีเเรงเหมือนเดิม จนกลับมาถึงบ้าน (บ้านเราเช่าอยู่กับเเฟน เเละเพื่อนๆ) คือขุ่นเพื่อนน่ารักกกกม๊ากกกกก อยากให้บ้านหอมอโรม่า ซื้อน้ำหอมบ้านจากตลาดนัดมา ที่มีดอกไม้กระดาษวางอยู่บนขวดอะคะ คือ มันอาจจะหอมถ้ามันระเหยน้อยๆช้าๆ นี้ 2 วันล่อไปครึ่งขวดโตๆ - -" เเล้วเพื่อนที่กลับมาถึงบ้านก่อน ก็เปิดแอร์เลยปิดประตู ปิดหน้าต่าง นอนสบายอยู่บนโซฟา ...
คือเราเเค่เปิดประตูเข้ามาอะคะ หายใจเข้าทีเดียว ทิ้งของทุกอย่างกระโดดเข้าห้องน้ำอ้วก ออกจากห้องน้ำมาก็ยิ่งเวียนหัว เลยหยิบเอากลิ่นอโรม่าทรพีใส่ตู้เย็น ในช่องแข็งไปน่ะคะ - -" จบปัญหา นั่งพัก จนรู้สึกว่าโอเคขึ้นหน่อยก็ทำกับข้าวทาน เมนูง่ายๆ คะ ผักกาดดองกระป๋องผัดไข่ ยังจะเอาแนหมหมูสดใส่ไปตอนจบคลุกกับข้าวกิน อร่อยจังฮู้ววววว ~~ เพื่อนเห็นว่ากินเเบบนั้น ประกอบกับอาการทั้งหมดเลยถามว่า
"นี้... แกท้องหรือเปล่า"
คือเราไม่คิดเรื่องท้องเลยอะคะ เราฉีดยาคุมอย่างสม่ำเสมอมานานจนประจำเดือนหายไปเเล้ว... คือนานๆ มีทีนึง เเต่มีน้อยมาก ส่วนแฟนก็ให้ใช้ถุงยางแทบจะทุกครั้งที่มีอะไรกัน หลังๆ ไปฉีดยาคุม คุณหมอยังเตือนเลยว่า "ถ้าวันไหนอยากมีลูก ก็คงต้องหยุดยาคุมเป็นปีๆ เเล้วคงต้องไปปรึกษากับเเพทย์เฉพาะทาง" เราเลยนั่งคิด นอนคิด ตะแคงคิด เอาไงดีๆ ๆ ๆ เปิดอากู๋ดูเรื่องเเท่งทดสอบการตั้งครรถ์ บางคนก็ได้ผลทันที บางคนก็ล่อไปนู้นนนล่ะ 2 เดือนที่ประจำเดือนขาดถึงจะตรวจเจอ ก็ยังไม่วายเดินเซๆ ไปซื้อที่ตรวจมาเช็ค ผลออกมาคือ "ไม่ท้อง"
ความคิดเห็นที่บอกว่า ประจำเดือนขาด 2 เดือนเเน่ะ ถึงทดสอบขึ้น 2 ขีด ยังวนเวียนอยู่ในหัว....
เรารู้คะ เรายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ไม่พร้อมเพราะเรายังอยากทำงาน ทำงาน ทำงาน ยังอยากเติบโต เรากับแฟนรักกันดีคะ เเต่เราก็มองว่าเรา 2 คนยังเด็กเกินไป วุฒิภาวะต่างๆ ยังง่อยยิ่งนัก ถึงการงานจะพอที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงได้ เเต่รวมๆ คือ เรายังไม่พร้อม เเต่เหนือสิ่งอื่นใดที่สุดที่เราอยากรู้ให้ชัดเจนว่าท้องมั้ย เพราะเราติดบุหรี่ ไม่ว่าเราจะไม่พร้อมยังไง จะเป็นสาวอยู่ก่อนเเต่งยังไง เเต่สิ่งหนึ่งคือ ถึงเราท้อง เราก็จะไม่มีวันทำร้ายลูกของเรา บุหรี่ที่เราติดงอมเเงม เราก็จะไม่ให้ทำร้ายลูกเราเด็ดขาด เราเริ่มกังวล เลยตกลงกับเพื่อนว่า อาทิตย์หน้าถ้ายังวิงเวียนอยู่เเบบนี้จะซื้อที่ตรวจครรถ์มาตรวจอีกรอบคะ
คืนนั้นเราก็หลับไป.....
ตื่นมาอีกวัน อาการวิงเวียน คลื่นไส้ก็ยังอยู่ เรายังไม่ได้บอกแฟนคะว่าเราสงสัยว่าตัวเองท้อง เเค่บอกเค้าว่านอนพักผ่อนน้อย เราเป็นคนขี้โรคอยู่เเล้ว เค้าก็คงไม่ได้สงสัยอะไร เลยวานให้ไปซื้อเกลือแร่มาให้เรากิน ระหว่างที่เเฟนออกไปซื้อเราเลยโทรหาเเม่คะ
"แม่จ๋าาา อยู่ไหน"
"กำลังจะกลับบ้าน ออกมาทำธุระ ลูกเป็นไง"
"หนูรู้สึกไม่สบายคะแม่ ตั้งแต่เมื่อวานเเล้ว"
"มีอาการยังไงล่ะ"
"ไม่ค่อยมีเเรง เวียนหัว คลื่นไส้ ตาพร่าไปหมดเลยเเม่"
"ไปหาหมอมั้ย"
"ไปคะเเม่ เดี๋ยวหนูจัดการธุระเสร็จ แม่ไปเจอกันที่รพ.เลยน้า"
ตัดไปที่ รพ. เลยเเล้วกันนะคะ รู้สึกว่าจะยืดยาวววววววววว เป็นพยาธิตัวตืด - -"
พอถึงคิวตรวจ ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอ (ให้ท่านแม่รออยู่ข้างนอกนะคะ) คุณหมอก็ถามอาการคร่าวๆ เเล้วก็ถามว่าเราจะตรวจอะไร ก็บอกคุณหมอไปคะว่า ไม่รู้ว่าพักผ่อนน้อยหรือเปล่า เเต่ในอากู๋บอกว่าอาการเหล่านี้เป็นทั้ง ความดัน ทั้งเบาหวานด้วย คุณหมอก็เปิดเเฟ้มประวัติดู ความดันปกติ ส่วนเบาหวานถ้ามาตามอาการก็ไม่ใช่ เพราะถ้าอาการนี้นน. ควรจะลดอย่างมาก เเละจะกระหายน้ำ ฉี่บ่อยผิดปกติ ซึ่งทุกอย่างก็ปกติคะ
เลยคุยกับคุณหมอว่ากังวลเรื่องท้อง ก็บอกคุณหมอเรื่องวิธีป้องกันของเราทั้ง 2 วิธี คุณหมอก็บอกว่าโอกาสตั้งครรถ์ต่ำมาก แต่การตรวจปัสสาวะ หรือเลือดก็ไม่ได้ให้ผลได้ 100% เเล้วเเต่ฮอร์โมนในเเต่ละคน คุณหมอเลยเเนะนำว่า ให้ตรวจปัสสาวะอีกทีวันต่อไปในช่วงเช้า ถ้าผลออกมาไม่ตั้งครรถ์เเล้วยังไม่สบายใจ ก็ให้เว้นไปอีก 1 อาทิตย์เเล้วตรวจใหม่ ส่วนที่มีอาการในวันนี้ถ้าไม่เกี่ยวกับท้อง ก็จะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งสามารถเกิดได้โดยไม่มีสาเหตุ ได้แต่ให้ยาแก้ตามอาการไป รอให้ร่างกายปรับสภาพเอง (ตอนนี้ จขกท ก็ยังมึนหัว 5555555 พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก) คุยกับคุณหมอเกือบๆชั่วโมงก็ลาหลับ ชวนแม่ไปทานข้าวต่อ
หลังจากออเดอร์อาหารเสร็จ (แปปนึงนะคะ คุณเเม่เราเนี่ย เป็นบุคคลที่หัวโบราณม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เเฟนคนเเรกของนางก็คือ คุณพ่อ และจูบเเรกก็คืองานเเต่ง.... ซึ่งเราก็ใช้เวลาพอสมควรให้เเม่รับได้กับการที่เราอยู่กับเเฟนนะคะ) เราก็รวบรวมความกล้า พูดความจริงกับเเม่เรา (นึกภาพตามนะคะ คุณลูกที่ตัดบ็อบเท ไถข้าง เจาะหูทั้งเเถบ สักทั้งตัว กรีดอายเข้มปรึด ใส่กระโปรงสั้น กับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีแดงปรี๊ดดดด คุยกับคุณแม่ที่ตัดผมเรียบร้อย หน้าไม่เคยเเต่ง ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโตๆ กางเกงขายาว รองเท้าคัตชู)
ลูก "แม่ จริงๆ วันนี้หนูให้เเม่มาด้วย เพราะหนูคิดว่าหนูอาจจะท้อง"
แม่ "............."
ลูก "หนูคิดว่า เเม่ฟังที่หนูบอก เเม่ก็อาจจะคิดเหมือนกัน...."
แม่ "........................" (จุดเริ่มยาว...)
ลูก "เเต่ถ้าหนูมาตรวจคนเดียว ถ้าหนูท้อง หนูคงช็อคมาก เเล้วถ้าหนูเอากลับไปคิดคนเดียว หนูอาจจะไม่กล้าบอกแม่"
แม่ "........................................" (จุดเริ่มยาวววววววมากกกก)
ลูก "แต่เรื่องนี้ หนูคงผ่านไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าหนูท้องขึ้นมาจริงๆ วันนึงเเม่ก็ต้องรู้ วันนึงหนูก็ต้องบอกแม่ เราต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ถ้าหนูท้องจริง หนูก็ต้องการการเยียวยาจากแม่ ความช่วยเหลือจากแม่ ส่วนแม่เอง เเม่ไม่ได้ทำอะไรเเท้ๆ เเต่เเม่ต้องมาเจ็บเพราะหนู หนูเองก็ต้องช่วยเยียวยาความรู้สึกแม่ เราต้องจับมือกันนะ" (แหมม...พูดเหมือนสวยเลยยยย มัดมือชกขุ่นเเม่เต็มๆ 5555555)
แม่ (นั่งฟังนิ่งๆ เหมือนเข้าใจมาตั้งเเต่ต้น) " ถ้าหนูท้องขึ้นมาจริงๆ เราต้องช่วยกัน หนูยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูก ถึงกับแฟนเอง พวกหนูก็ยังไม่มั่นคงต่อกันถึงขนาดนั้น แต่แม่ก็ยังไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เเต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ... เราก็ต้องช่วยกัน... งานการของลูก ก็ยังไม่มั่นคง ยังอยู่ในช่วงตั้งตัว สิ่งที่ลูกอยากทำก็จะไม่ได้ทำ ชีวิตลูกจะเปลี่ยนไป...."
ลูก (รู้สึกทั้งดีใจ เเละเสียใจนะคะ.... เรารู้ว่าเเม่เเค่ฟังเเค่นี้ก็เจ็บมาก เเม่รู้ทั้งรู้ว่าเราอยู่กับแฟน รู้ว่าเราต้องมีอะไรกัน แม่ไม่เคยชอบ เเต่เราดื้อ เเม่ห้ามก็ห้ามไม่ได้ วันนี้เเม่ยังรับฟัง เเละยังเป็นที่พึ่งให้เราเสมอ) "แม่รู้ใช่มั้ย ชีวิตหนู ทั้งพยายามเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องแฟน ส่วนการป้องกัน หนูก็ป้องกันเต็มที่เเล้วจริงๆ"
หลังจากนั้นเเม่ก็ยังสอนอีกหลายๆ เรื่อง เเม่ไม่ตำหนิเราเลย (ไม่ใช่ว่าดีนะคะ คือระหว่างเรากับเเม่ก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ เราเคยเป็นเด็กเกเร ใจเเตก ติดเหล้า เรียนไม่จบ ทั้งหมดคืออาการต่อต้านพ่อแม่ ซึ่งเราไม่เข้าใจเค้า เเละพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจเรา หลังจากที่เราเลิกเหล้าได้ เราก็มาเสพติดการทำงานเเทน เพราะเราได้มองเห็นชีวิต ไม่ใช่เเค่อยู่ไปวันๆ แต่เราต้องการทำอะไร เพื่ออะไร บั้นปลายชีวิตเป็นยังไง กว่าจะกับเเม่จะกลับมาคุยกันได้ กว่าเราจะเป็นผู้เป็นคนได้ ก็ใช้เวลาไป 5 ปีในการเดินมั่วไปมั่วมา ทุกอย่างเราเรียนรู้ด้วยตัวเองหมด มีเจ็บบ้าง ทะเลาะกันบ้าง กว่าจะมีวันนี้ที่นั่งคุยกับแม่แบบนี้น่ะคะ)
วันนี้ตอนที่พิมพ์อยู่ เราก็ไม่รู้นะคะว่าเราท้องมั้ย เพราะเมื่อวานกลับมาเราก็ยังมึนๆ หัว ลืมซื้อที่ตรวจ วันก่อนที่เดินออกไปซื้อเอง คุณหมากลางซอยก็ไล่กัดเราซะงั้น - -" ก็ยกยอดเป็นอาทิตย์หน้าที่เราจะตรวจปัสสาวะอีกรอบนะคะ ไม่กล้าออกไปซื้อเองจริงๆ T__T" อารมณ์ตอนเด็กเคยโดนมะหมางับคอลากไปกับพื้นน่ะคะ ถามว่าเรายังเครียดมั้ย เครียดคะ เเต่มันต่างจากเดิมออกไป ก่อนที่จะคุยกับแม่ ถึงเราจะคุยกับเพื่อน เราก็ยังกังวล ว่าเเฟนเราจะเข้มเเข็งมั่นคงพอมั้ย ถ้าเราท้อง เค้าจะจับมือเราเดินไปด้วยกันมั้ย? ชีวิตการงานของเราถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร เเต่มันมีผลกระทบอย่างเเน่นอน ทั้งธุรกิจเล็กๆ 2 ตัวที่เราทำอยู่ ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนไป เราไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง เเต่หลังจากคุยกับเเม่ เราก็ยังไม่รู้นะคะว่า ถ้าเราท้องขึ้นมาจริงๆ เราจะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง เเต่ลูกของเราต้องได้รับการเลี้ยงดู เเละความรักอย่างดีที่สุด เรารู้สึกเข้มเเข็งขึ้น ไม่ค่อยกลัวเเล้วว่าถ้าท้องเเล้วเเฟนจะทิ้งเราไปมั้ย (คือ ไม่ใช่ว่าเค้าเห็นแก่ตัวนะคะ เเต่เค้าเองยังมีคำถามในชีวิตที่ยังตอบไม่ได้อยู่มาก การค้นหาตัวเอง ซึ่งมันจะต้องมาทะเลาะๆๆๆกันเเน่ๆ ถ้าเค้าเข้มแข็งไม่พอ) เรารุ้สึกว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ เรายังมีคนที่รักเรา พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้เราแม้ว่าเราจะทำผิด (อันนี้ก็ต้องสำนึกพระคุณกันด้วยนะคะ เราเองไม่ใช่เอะอะๆ มีปัญหาวิ่งหาเเม่ ส่วนมากจะไม่บอกปัญหาอะไรเลย เพราะกลัวเเม่ห่วง เเต่เรื่องนี้มันคืออีก 1 ชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้น เราเอาชัวร์ไว้ก่อนคะ)
หลายต่อหลายครั้ง เราเห็นปัญหาต่างๆ มากมาย เพียงเพราะการไม่กล้าหันหน้าเข้ามาคุยกัน ไม่ว่าจะกับคนใกล้ตัว แฟน เพื่อน หรือแม้กระทั้งพ่อแม่ เราว่าคุยกันเถอะคะ ทุกครั้งที่เราก่อเรื่องเเล้วเรื่องมันหนักหนาก็เพราะ รั้นจะเเก้ปัญหาเอง มองอะไรมุมเดียวเเคบๆ การคุยกัน ไม่เพียงเเต่ที่จะช่วยเบาปัญหา เเต่มันกระชับพื้นที่ของเรากับอีกคนให้ใกล้กันมากขึ้นด้วยนะคะ ลองนึกภาพนะคะ เรา เด็กผู้หญิงผิวแทนๆ ผมสั้นๆ ไถผมทั้ง 2 ข้าง สักเยอะๆ เจาะหูเจาะจมูก เเต่งตัวปกติเรา เเต่ไม่ค่อยจะปกติชาวบ้าน (คือคนไม่ค่อยจะอยากคุยกับเรา เราก็รู้นะ T^T" แต่.... เราเเต่งตัวเเบบคนอื่นก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันอ่า) เด็กผู้หญิงคนนี้ทุกครั้งที่เจอกับคุณแม่ที่เชยๆเฉิ่มๆ หุ่นเป็นแหนมตุ้มจิ๋ว เราจะเดินจูงมือกัน กอดกัน หอมแก้มกันตลอด คือเราก็สนิทกันมากกกก เเต่การที่เราได้คุยกันเเบบนี้ เราก็ยังรู้สึกว่าเราได้กระชับพื้นที่ขึ้นอีกอะคะ
เราก็ไม่รู้ว่าที่เขียนไป เราถ่ายทอดได้ตรงประเด็นของเรามั้ย คือประเด็นเราสั้นมากเเหละ... แค่หันหน้าเข้ามาคุยกันเถอะ... ทุกคนย่อมเคยผิดมากันทั้งนั้น ทบทวนตัวเองก่อนทุกครั้งที่จะคุย และอีกเรื่องคือ.... แม่เค้าน่ารักกกกกกกที่สุดในโลกเลยคะ >w<~ พยายามยอมรับลูกสาวคนนี้ ทั้งๆ ที่เเม่ขาว ลูกดำ เเม่ซ้าย ลูกขวา เเม่เป็นผ่ามือ ลูกเป็นส้นตรีนเสมอ - -"
ไม่มีอะไรคะ เเค่อยากบอกว่า รักแม่จัง
ปล. แม่เพิ่งโทรมา ถามว่าวันนี้เข้าบ้านมั้ย เเม่จะผัดมะเขือยาว ถ้าลูกเข้าบ้านจะได้ผัด 4 ลูกถ้าไม่เข้า จะได้ผัด 2 ลูก... คือลูกคนเดียวนี้คอสเพิ่มขนาดนั้นเลย!!
ไม่แน่ใจว่าท้องมั้ย... ยังไม่พร้อมนะ... ที่พึ่งสุดท้าย...
นี้เป็นกระทู้เเรกของเราคะ 5555 ไม่รู้จะเริ่มยังไง เกริ่นไป 2 บันทัดแล้ว จขกท. อายุค่อนไปทางเลข 30 ทำงานอาชีพอิสระ ส่วนมากจะอยู่แต่บ้าน เป็นทั้งเเม่บ้าน ทั้งเจ้าของธุรกิจเล็กประจิ๊ดที่กำลังก่อร่างสร้างตัวมาได้ 3 ปีเเล้ว รายได้ในเเต่ละเดือนไม่คงที่เลยคะ มีตั้งเเต่ 500 บาท จนไปถึง 2 แสนบาท เเล้วเเต่ช่วงว่าออเดอร์จะมีมากน้อยเเค่ไหน
เราคบกับเเฟนมาจะ 2 ปีคะ เริ่มอยู่ด้วยกันตั้งเเต่เค้าจีบเรานั้นเเหละ เค้าเข้ามารู้จักเราในช่วงที่เราป่วยอย่างมหันต์ เค้าไปทำงาน พอเลิกงานก็จะซื้อข้าว ซื้อน้ำมาให้ ป้อนข้าวป้อนยาเรา อุ้มเราไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ทำความสะอาด อุ้มกลับมาที่เตียง ให้ยานอนหลับ รอเราจนหลับ ถึงกลับบ้านตัวเอง จนหลัง ๆ ก็เฝ้าจนหลับอยู่ที่ห้องเรานี่เเหละ ทำอยู่เป็นเดือนๆ จนเราหายดี นั้นคือเหตุผลที่เรารู้สึกดีกับเค้าเเล้วตกลงคบกันคะ
เมื่อวานซืน เราตื่นมาก็มีอาการอ่อนเพลียมากกกกกกกก เดินลงมาจากบ้านก็มึนหัวจนเดินเซ ก็ยังคิดว่าตัวเองน่ะเเค่นอนน้อย (เราเป็นคนที่เสพติดการทำงานคะ ชอบทำงาน ถึงวันไหนจะไม่มีออเดอร์งานก็ต้องคิดงาน คิดๆๆๆๆ ทำๆๆๆ นอนสว่าง ตื่นก่อนเที่ยงเป็นเรื่องปกติ) เราก็เเค่ดื่มน้ำหวาน เเล้วก็ออกไปทำธุระข้างนอก ระหว่างการเดินทางนอกบ้านก็ยังเดินเซ ยังไม่มีเเรงเหมือนเดิม จนกลับมาถึงบ้าน (บ้านเราเช่าอยู่กับเเฟน เเละเพื่อนๆ) คือขุ่นเพื่อนน่ารักกกกม๊ากกกกก อยากให้บ้านหอมอโรม่า ซื้อน้ำหอมบ้านจากตลาดนัดมา ที่มีดอกไม้กระดาษวางอยู่บนขวดอะคะ คือ มันอาจจะหอมถ้ามันระเหยน้อยๆช้าๆ นี้ 2 วันล่อไปครึ่งขวดโตๆ - -" เเล้วเพื่อนที่กลับมาถึงบ้านก่อน ก็เปิดแอร์เลยปิดประตู ปิดหน้าต่าง นอนสบายอยู่บนโซฟา ...
คือเราเเค่เปิดประตูเข้ามาอะคะ หายใจเข้าทีเดียว ทิ้งของทุกอย่างกระโดดเข้าห้องน้ำอ้วก ออกจากห้องน้ำมาก็ยิ่งเวียนหัว เลยหยิบเอากลิ่นอโรม่าทรพีใส่ตู้เย็น ในช่องแข็งไปน่ะคะ - -" จบปัญหา นั่งพัก จนรู้สึกว่าโอเคขึ้นหน่อยก็ทำกับข้าวทาน เมนูง่ายๆ คะ ผักกาดดองกระป๋องผัดไข่ ยังจะเอาแนหมหมูสดใส่ไปตอนจบคลุกกับข้าวกิน อร่อยจังฮู้ววววว ~~ เพื่อนเห็นว่ากินเเบบนั้น ประกอบกับอาการทั้งหมดเลยถามว่า
"นี้... แกท้องหรือเปล่า"
คือเราไม่คิดเรื่องท้องเลยอะคะ เราฉีดยาคุมอย่างสม่ำเสมอมานานจนประจำเดือนหายไปเเล้ว... คือนานๆ มีทีนึง เเต่มีน้อยมาก ส่วนแฟนก็ให้ใช้ถุงยางแทบจะทุกครั้งที่มีอะไรกัน หลังๆ ไปฉีดยาคุม คุณหมอยังเตือนเลยว่า "ถ้าวันไหนอยากมีลูก ก็คงต้องหยุดยาคุมเป็นปีๆ เเล้วคงต้องไปปรึกษากับเเพทย์เฉพาะทาง" เราเลยนั่งคิด นอนคิด ตะแคงคิด เอาไงดีๆ ๆ ๆ เปิดอากู๋ดูเรื่องเเท่งทดสอบการตั้งครรถ์ บางคนก็ได้ผลทันที บางคนก็ล่อไปนู้นนนล่ะ 2 เดือนที่ประจำเดือนขาดถึงจะตรวจเจอ ก็ยังไม่วายเดินเซๆ ไปซื้อที่ตรวจมาเช็ค ผลออกมาคือ "ไม่ท้อง"
ความคิดเห็นที่บอกว่า ประจำเดือนขาด 2 เดือนเเน่ะ ถึงทดสอบขึ้น 2 ขีด ยังวนเวียนอยู่ในหัว....
เรารู้คะ เรายังไม่พร้อมที่จะมีลูก ไม่พร้อมเพราะเรายังอยากทำงาน ทำงาน ทำงาน ยังอยากเติบโต เรากับแฟนรักกันดีคะ เเต่เราก็มองว่าเรา 2 คนยังเด็กเกินไป วุฒิภาวะต่างๆ ยังง่อยยิ่งนัก ถึงการงานจะพอที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงได้ เเต่รวมๆ คือ เรายังไม่พร้อม เเต่เหนือสิ่งอื่นใดที่สุดที่เราอยากรู้ให้ชัดเจนว่าท้องมั้ย เพราะเราติดบุหรี่ ไม่ว่าเราจะไม่พร้อมยังไง จะเป็นสาวอยู่ก่อนเเต่งยังไง เเต่สิ่งหนึ่งคือ ถึงเราท้อง เราก็จะไม่มีวันทำร้ายลูกของเรา บุหรี่ที่เราติดงอมเเงม เราก็จะไม่ให้ทำร้ายลูกเราเด็ดขาด เราเริ่มกังวล เลยตกลงกับเพื่อนว่า อาทิตย์หน้าถ้ายังวิงเวียนอยู่เเบบนี้จะซื้อที่ตรวจครรถ์มาตรวจอีกรอบคะ
คืนนั้นเราก็หลับไป.....
ตื่นมาอีกวัน อาการวิงเวียน คลื่นไส้ก็ยังอยู่ เรายังไม่ได้บอกแฟนคะว่าเราสงสัยว่าตัวเองท้อง เเค่บอกเค้าว่านอนพักผ่อนน้อย เราเป็นคนขี้โรคอยู่เเล้ว เค้าก็คงไม่ได้สงสัยอะไร เลยวานให้ไปซื้อเกลือแร่มาให้เรากิน ระหว่างที่เเฟนออกไปซื้อเราเลยโทรหาเเม่คะ
"แม่จ๋าาา อยู่ไหน"
"กำลังจะกลับบ้าน ออกมาทำธุระ ลูกเป็นไง"
"หนูรู้สึกไม่สบายคะแม่ ตั้งแต่เมื่อวานเเล้ว"
"มีอาการยังไงล่ะ"
"ไม่ค่อยมีเเรง เวียนหัว คลื่นไส้ ตาพร่าไปหมดเลยเเม่"
"ไปหาหมอมั้ย"
"ไปคะเเม่ เดี๋ยวหนูจัดการธุระเสร็จ แม่ไปเจอกันที่รพ.เลยน้า"
ตัดไปที่ รพ. เลยเเล้วกันนะคะ รู้สึกว่าจะยืดยาวววววววววว เป็นพยาธิตัวตืด - -"
พอถึงคิวตรวจ ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอ (ให้ท่านแม่รออยู่ข้างนอกนะคะ) คุณหมอก็ถามอาการคร่าวๆ เเล้วก็ถามว่าเราจะตรวจอะไร ก็บอกคุณหมอไปคะว่า ไม่รู้ว่าพักผ่อนน้อยหรือเปล่า เเต่ในอากู๋บอกว่าอาการเหล่านี้เป็นทั้ง ความดัน ทั้งเบาหวานด้วย คุณหมอก็เปิดเเฟ้มประวัติดู ความดันปกติ ส่วนเบาหวานถ้ามาตามอาการก็ไม่ใช่ เพราะถ้าอาการนี้นน. ควรจะลดอย่างมาก เเละจะกระหายน้ำ ฉี่บ่อยผิดปกติ ซึ่งทุกอย่างก็ปกติคะ
เลยคุยกับคุณหมอว่ากังวลเรื่องท้อง ก็บอกคุณหมอเรื่องวิธีป้องกันของเราทั้ง 2 วิธี คุณหมอก็บอกว่าโอกาสตั้งครรถ์ต่ำมาก แต่การตรวจปัสสาวะ หรือเลือดก็ไม่ได้ให้ผลได้ 100% เเล้วเเต่ฮอร์โมนในเเต่ละคน คุณหมอเลยเเนะนำว่า ให้ตรวจปัสสาวะอีกทีวันต่อไปในช่วงเช้า ถ้าผลออกมาไม่ตั้งครรถ์เเล้วยังไม่สบายใจ ก็ให้เว้นไปอีก 1 อาทิตย์เเล้วตรวจใหม่ ส่วนที่มีอาการในวันนี้ถ้าไม่เกี่ยวกับท้อง ก็จะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งสามารถเกิดได้โดยไม่มีสาเหตุ ได้แต่ให้ยาแก้ตามอาการไป รอให้ร่างกายปรับสภาพเอง (ตอนนี้ จขกท ก็ยังมึนหัว 5555555 พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก) คุยกับคุณหมอเกือบๆชั่วโมงก็ลาหลับ ชวนแม่ไปทานข้าวต่อ
หลังจากออเดอร์อาหารเสร็จ (แปปนึงนะคะ คุณเเม่เราเนี่ย เป็นบุคคลที่หัวโบราณม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เเฟนคนเเรกของนางก็คือ คุณพ่อ และจูบเเรกก็คืองานเเต่ง.... ซึ่งเราก็ใช้เวลาพอสมควรให้เเม่รับได้กับการที่เราอยู่กับเเฟนนะคะ) เราก็รวบรวมความกล้า พูดความจริงกับเเม่เรา (นึกภาพตามนะคะ คุณลูกที่ตัดบ็อบเท ไถข้าง เจาะหูทั้งเเถบ สักทั้งตัว กรีดอายเข้มปรึด ใส่กระโปรงสั้น กับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีแดงปรี๊ดดดด คุยกับคุณแม่ที่ตัดผมเรียบร้อย หน้าไม่เคยเเต่ง ใส่เสื้อเชิ้ตตัวโตๆ กางเกงขายาว รองเท้าคัตชู)
ลูก "แม่ จริงๆ วันนี้หนูให้เเม่มาด้วย เพราะหนูคิดว่าหนูอาจจะท้อง"
แม่ "............."
ลูก "หนูคิดว่า เเม่ฟังที่หนูบอก เเม่ก็อาจจะคิดเหมือนกัน...."
แม่ "........................" (จุดเริ่มยาว...)
ลูก "เเต่ถ้าหนูมาตรวจคนเดียว ถ้าหนูท้อง หนูคงช็อคมาก เเล้วถ้าหนูเอากลับไปคิดคนเดียว หนูอาจจะไม่กล้าบอกแม่"
แม่ "........................................" (จุดเริ่มยาวววววววมากกกก)
ลูก "แต่เรื่องนี้ หนูคงผ่านไปคนเดียวไม่ได้ ถ้าหนูท้องขึ้นมาจริงๆ วันนึงเเม่ก็ต้องรู้ วันนึงหนูก็ต้องบอกแม่ เราต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่ ถ้าหนูท้องจริง หนูก็ต้องการการเยียวยาจากแม่ ความช่วยเหลือจากแม่ ส่วนแม่เอง เเม่ไม่ได้ทำอะไรเเท้ๆ เเต่เเม่ต้องมาเจ็บเพราะหนู หนูเองก็ต้องช่วยเยียวยาความรู้สึกแม่ เราต้องจับมือกันนะ" (แหมม...พูดเหมือนสวยเลยยยย มัดมือชกขุ่นเเม่เต็มๆ 5555555)
แม่ (นั่งฟังนิ่งๆ เหมือนเข้าใจมาตั้งเเต่ต้น) " ถ้าหนูท้องขึ้นมาจริงๆ เราต้องช่วยกัน หนูยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูก ถึงกับแฟนเอง พวกหนูก็ยังไม่มั่นคงต่อกันถึงขนาดนั้น แต่แม่ก็ยังไม่อยากให้มันเกิดขึ้น เเต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ... เราก็ต้องช่วยกัน... งานการของลูก ก็ยังไม่มั่นคง ยังอยู่ในช่วงตั้งตัว สิ่งที่ลูกอยากทำก็จะไม่ได้ทำ ชีวิตลูกจะเปลี่ยนไป...."
ลูก (รู้สึกทั้งดีใจ เเละเสียใจนะคะ.... เรารู้ว่าเเม่เเค่ฟังเเค่นี้ก็เจ็บมาก เเม่รู้ทั้งรู้ว่าเราอยู่กับแฟน รู้ว่าเราต้องมีอะไรกัน แม่ไม่เคยชอบ เเต่เราดื้อ เเม่ห้ามก็ห้ามไม่ได้ วันนี้เเม่ยังรับฟัง เเละยังเป็นที่พึ่งให้เราเสมอ) "แม่รู้ใช่มั้ย ชีวิตหนู ทั้งพยายามเต็มที่ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องแฟน ส่วนการป้องกัน หนูก็ป้องกันเต็มที่เเล้วจริงๆ"
หลังจากนั้นเเม่ก็ยังสอนอีกหลายๆ เรื่อง เเม่ไม่ตำหนิเราเลย (ไม่ใช่ว่าดีนะคะ คือระหว่างเรากับเเม่ก็ผ่านอะไรกันมาเยอะ เราเคยเป็นเด็กเกเร ใจเเตก ติดเหล้า เรียนไม่จบ ทั้งหมดคืออาการต่อต้านพ่อแม่ ซึ่งเราไม่เข้าใจเค้า เเละพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจเรา หลังจากที่เราเลิกเหล้าได้ เราก็มาเสพติดการทำงานเเทน เพราะเราได้มองเห็นชีวิต ไม่ใช่เเค่อยู่ไปวันๆ แต่เราต้องการทำอะไร เพื่ออะไร บั้นปลายชีวิตเป็นยังไง กว่าจะกับเเม่จะกลับมาคุยกันได้ กว่าเราจะเป็นผู้เป็นคนได้ ก็ใช้เวลาไป 5 ปีในการเดินมั่วไปมั่วมา ทุกอย่างเราเรียนรู้ด้วยตัวเองหมด มีเจ็บบ้าง ทะเลาะกันบ้าง กว่าจะมีวันนี้ที่นั่งคุยกับแม่แบบนี้น่ะคะ)
วันนี้ตอนที่พิมพ์อยู่ เราก็ไม่รู้นะคะว่าเราท้องมั้ย เพราะเมื่อวานกลับมาเราก็ยังมึนๆ หัว ลืมซื้อที่ตรวจ วันก่อนที่เดินออกไปซื้อเอง คุณหมากลางซอยก็ไล่กัดเราซะงั้น - -" ก็ยกยอดเป็นอาทิตย์หน้าที่เราจะตรวจปัสสาวะอีกรอบนะคะ ไม่กล้าออกไปซื้อเองจริงๆ T__T" อารมณ์ตอนเด็กเคยโดนมะหมางับคอลากไปกับพื้นน่ะคะ ถามว่าเรายังเครียดมั้ย เครียดคะ เเต่มันต่างจากเดิมออกไป ก่อนที่จะคุยกับแม่ ถึงเราจะคุยกับเพื่อน เราก็ยังกังวล ว่าเเฟนเราจะเข้มเเข็งมั่นคงพอมั้ย ถ้าเราท้อง เค้าจะจับมือเราเดินไปด้วยกันมั้ย? ชีวิตการงานของเราถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร เเต่มันมีผลกระทบอย่างเเน่นอน ทั้งธุรกิจเล็กๆ 2 ตัวที่เราทำอยู่ ชีวิตประจำวันก็ต้องเปลี่ยนไป เราไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง เเต่หลังจากคุยกับเเม่ เราก็ยังไม่รู้นะคะว่า ถ้าเราท้องขึ้นมาจริงๆ เราจะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง เเต่ลูกของเราต้องได้รับการเลี้ยงดู เเละความรักอย่างดีที่สุด เรารู้สึกเข้มเเข็งขึ้น ไม่ค่อยกลัวเเล้วว่าถ้าท้องเเล้วเเฟนจะทิ้งเราไปมั้ย (คือ ไม่ใช่ว่าเค้าเห็นแก่ตัวนะคะ เเต่เค้าเองยังมีคำถามในชีวิตที่ยังตอบไม่ได้อยู่มาก การค้นหาตัวเอง ซึ่งมันจะต้องมาทะเลาะๆๆๆกันเเน่ๆ ถ้าเค้าเข้มแข็งไม่พอ) เรารุ้สึกว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียวนะ เรายังมีคนที่รักเรา พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้เราแม้ว่าเราจะทำผิด (อันนี้ก็ต้องสำนึกพระคุณกันด้วยนะคะ เราเองไม่ใช่เอะอะๆ มีปัญหาวิ่งหาเเม่ ส่วนมากจะไม่บอกปัญหาอะไรเลย เพราะกลัวเเม่ห่วง เเต่เรื่องนี้มันคืออีก 1 ชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้น เราเอาชัวร์ไว้ก่อนคะ)
หลายต่อหลายครั้ง เราเห็นปัญหาต่างๆ มากมาย เพียงเพราะการไม่กล้าหันหน้าเข้ามาคุยกัน ไม่ว่าจะกับคนใกล้ตัว แฟน เพื่อน หรือแม้กระทั้งพ่อแม่ เราว่าคุยกันเถอะคะ ทุกครั้งที่เราก่อเรื่องเเล้วเรื่องมันหนักหนาก็เพราะ รั้นจะเเก้ปัญหาเอง มองอะไรมุมเดียวเเคบๆ การคุยกัน ไม่เพียงเเต่ที่จะช่วยเบาปัญหา เเต่มันกระชับพื้นที่ของเรากับอีกคนให้ใกล้กันมากขึ้นด้วยนะคะ ลองนึกภาพนะคะ เรา เด็กผู้หญิงผิวแทนๆ ผมสั้นๆ ไถผมทั้ง 2 ข้าง สักเยอะๆ เจาะหูเจาะจมูก เเต่งตัวปกติเรา เเต่ไม่ค่อยจะปกติชาวบ้าน (คือคนไม่ค่อยจะอยากคุยกับเรา เราก็รู้นะ T^T" แต่.... เราเเต่งตัวเเบบคนอื่นก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันอ่า) เด็กผู้หญิงคนนี้ทุกครั้งที่เจอกับคุณแม่ที่เชยๆเฉิ่มๆ หุ่นเป็นแหนมตุ้มจิ๋ว เราจะเดินจูงมือกัน กอดกัน หอมแก้มกันตลอด คือเราก็สนิทกันมากกกก เเต่การที่เราได้คุยกันเเบบนี้ เราก็ยังรู้สึกว่าเราได้กระชับพื้นที่ขึ้นอีกอะคะ
เราก็ไม่รู้ว่าที่เขียนไป เราถ่ายทอดได้ตรงประเด็นของเรามั้ย คือประเด็นเราสั้นมากเเหละ... แค่หันหน้าเข้ามาคุยกันเถอะ... ทุกคนย่อมเคยผิดมากันทั้งนั้น ทบทวนตัวเองก่อนทุกครั้งที่จะคุย และอีกเรื่องคือ.... แม่เค้าน่ารักกกกกกกที่สุดในโลกเลยคะ >w<~ พยายามยอมรับลูกสาวคนนี้ ทั้งๆ ที่เเม่ขาว ลูกดำ เเม่ซ้าย ลูกขวา เเม่เป็นผ่ามือ ลูกเป็นส้นตรีนเสมอ - -"
ไม่มีอะไรคะ เเค่อยากบอกว่า รักแม่จัง
ปล. แม่เพิ่งโทรมา ถามว่าวันนี้เข้าบ้านมั้ย เเม่จะผัดมะเขือยาว ถ้าลูกเข้าบ้านจะได้ผัด 4 ลูกถ้าไม่เข้า จะได้ผัด 2 ลูก... คือลูกคนเดียวนี้คอสเพิ่มขนาดนั้นเลย!!