โคตรเบื่อมาร์! แต่ทำไมเลือกที่จะเป็นมาร์!

สวัสดีครับ นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมมีโอกาสได้มาแชร์เรื่องของชีวิตผมกับทุกๆคนอีกครั้ง

ผมขออนุญาตเล่าย้อนหลังไปประมาณเกือบๆ 3 ปีที่แล้วนะครับ

ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่าน บางนา-ตราด และมีโอกาสได้เรียนวิชา

ที่ชื่อว่า... Finance!! ณ ตอนนั้นผมรู้สึกชอบมากกก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมสนใจการลงทุน

ในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกครับ โดยหลักจากผมเรียนวิชาการเงินได้เพียง 2 คลาสเท่านั้น

ผมจึงลองไปเปิดพอร์ทหุ้นเดโม่มูลค่า 5 ล้าน!!

และผมสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องจากพอร์ทเดโม่เป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกันครับ

จนวันหนึ่ง มาร์ที่รู้จักกับแม่ของผมก็ชวนแม่ไปเล่นหุ้น โดยผมก็ติดร่างแหไปด้วย....

ตอนนั้นเรียนอยู่ปี2ครับ พอจะมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย และเห็นว่า ถ้าสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องได้แบบนี้

จบไปคงมีเงินเก็บหลายอยู่... ผมจึงใส่เงินลงพอร์ทของผมไป 5 หมื่นบาทครับ

ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดตลาดหุ้นก็วิ่งขึ้นๆ ลงๆอยู่แถวๆ 1100-1300 จุด

ผมก็เล่นตัวนู้นๆ ตัวนี้ไปเรื่อยตามประสาวัยเรียนรู้ครับ….

*** หากท่านไหนอยากรู้ว่าผมหาหุ้นยังไง ลองดูได้ที่ www.facebook.com/markuihoon นะครับ***

จนมีวันหนึ่ง ผมบังเอิญค้นไปเจอหุ้นตัวหนึ่ง ที่นักลงทุนสมัยนี้นิยมเล่นกันมาก

นั่นคือ JAS ครับ ตอนนั้นราคาอยู่ที่ 3.1X ผมมองว่าไอ้นี่อนาคตไกลแน่ๆ

ถ้าถือทิ้งแล้วเติมเงินเล่นรอบตัวอื่นน่าจะดี ก็เลยจัดการซื้อตัวเดียวประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท

เกือบเต็มพอร์ทแหนะครับ (ตอนนั้นพอร์ทผมมีประมาณ 6 หมื่นแล้ว ได้กำไร 20% )

พอผมซื้อยังไม่ได้เท่าไหร่ก็มีสายตรงมาจากมาร์เลยครับ...

กริ๊งงง กริ๊งงงง “ฮัลโหลล น้อง...คะ คือพี่คิดว่านะ JAS น่าจะเล่นรอบนะ เพราะคลื่นมันสวยมากเลย”

ด้วยความยังไม่รู้จักวงการนี้ดี เลยถามใสๆกลับไป “จริงหรอครับพี่ ตัวนี่ผมกะถือยาวเลยนะเนี่ย”   

“จะถือยาวก็ได้นะคะ แต่น้องคงพลาดโอกาสที่จะเก็บรอบละ10% ไปตลอดทางแหละ”

เอ้าตายละ ผมจะพลาดขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย “งั้นพี่คิดว่าผมควรทำไงกับ JAS ดีล่ะครับ”

“พี่คิดว่าขายตรงนี้ดีไหม 3.36 นี่กำไรดีเลย ค่อยไปเก็บข้างล่างใหม่”  “ถ้าพี่ว่าดี ก็เอาเลยครับ”

และผมไม่ลืมที่จะจบสายสนทนาว่า “ขอบคุณมากนะพี่ ถ้าไม่ได้พี่เป็นมาร์นี่ผมคงไม่ได้เล่นรอบแน่ๆ”

หลังจากนั้น......... มันเล่นรอบเดียวถึง 6 บาทเลยครับ และแผนผมที่วางไว้ก็ถูกกล่อมจนต้องพลาดโอกาส

ตอนนั้นผมก็ยังไม่คิดอะไร ไม่เป็นไรตัวนี้ถือว่าผมพลาดเอง

ผมก็หาตัวใหม่เล่นรอบ ทั้ง tpipl ซื้อ 11.3 ขาย 14.7 และอีกมากมาย

จนผมบังเอิญมาเจออีกตัว 2 ตัวที่ผมมองว่า “นี่ล่ะได้โอกาสถือยาวของผมอีกครั้ง”

นั่นคือ Bland ที่ 0.8 และ Super ที่ราคา 0.7

ถ้าท่านสงสัยว่า...แล้วสองตัวนี้ทำไมผมถึงคิดจะถือยาวน่ะหรอครับ

ตอนนั้นผมบังเอิญไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งสอนเกี่ยวกับการหาหุ้นที่มีโอกาส Turn around

ผมก็คุ้ยจนเจอ แล้วคิดว่าสองตัวนี้ล่ะเข้าแก๊บที่สุดละ พอได้มาปั๊บ

ขอเริ่มที่ตัวแรกเลยครับ Bland ซื้อ 0.8 ในวันนั้นเองมันวิ่งไป 0.88

ผมได้กำไร 10% ภายในวันเดียว ก็มีเสียงเดิมมาอีกครั้งครับ….. U  U

กริ๊งงง กริ๊งงงงง “น้องคะ Bland น้องทำได้ดีมากเลยน๊า พี่ว่าขายตรงนี้แล้วเล่นรอบเถอะค่ะ เชื่อพี่”

แหนะ!! มาอีกละวุ้ยยย “โหตัวนี้ผมกะว่าพื้นฐานมันกำลังจะเปลี่ยนนะพี่ วอลุ่มเข้าแบบนี้ มีข่าวแน่ๆ”

“ไม่หลอกค่ะน้อง Bland นี่วิ่งกี่ทีๆ ก็กลับไปที่เดิมอยู่วันยังค่ำล่ะ ถ้าน้องไม่ขายแล้วจะเสียใจ”

ด้วยความกลัวเสียใจผมก็....ขาย ตามที่มาร์แนะนำเช่นเคย และไม่ได้เล่นรอบของตัวนี้อีกเลย

ซึ่งมองย้อนกลับไป ผมก็เสียดายทุกที รวมถึง Super ด้วยตอนนั้นปีน้ำท่วม Super ยังทำอิฐบล็อกอยู่เลย

ราคาก็ 0.ปลายๆ ถึง 1.ต้นๆ พอผมซื้อ พี่เขาก็บอกให้ขายเล่นรอบเหมือนกับอีกหลายๆตัว ที่เขาแนะนำ

ซึ่งผมก็ยังคิดว่า “พี่นี่ก็ดีจัง โทรหาผมสม่ำเสมอเลย เป็นห่วงลูกค้าขนาดนี้ มาร์คนอื่นทำแบบพี่ไหมนี่?”

ผมไม่ได้ประชดนะครับ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ฮ่าๆๆ ใสโคตรๆ ๆ

ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้คิดว่าพี่เขาดีนักดีหนา อาจเป็นเพราะพี่เขาพูดเก่งมาก

แต่ฝีมือการดูเทคนิคคือแบบ.... ไม่ไหวครับ

ทุกตัวที่มาร์แนะนำผม คือตัวที่มีชื่อมากที่สุดในกระดานของวันนั้นๆ

ซึ่งทำให้ผมขาดทุนแทบจะทุกครั้ง เพราะทุกตัวที่มาร์เชียคือมันวิ่งไปไกลแล้วทั้งนั้น

จนวันหนึ่ง ผมมารู้ตัวหลังจากที่ผมเล่นหุ้นอยู่ประมาณ 1 ปี (ช้าไปไหม T T)

เป็นหนึ่งปีที่ผมเรียนรู้มากมาย ทั้งวิชาสายพื้นฐาน และเทคนิค รวมถึงแนวทางการเล่น ทั้ง VI, Technical และ Day trade

ผมอ่านหนังสือเยอะมาก และเข้าคอร์สเกี่ยวกับหุ้นตลอด *ถ้าฟรีได้ยิ่งดี 555+

และแล้ววันหนึ่งก็มาถึง นั่นคือวันที่ผมปิดพอร์ทหุ้นผม เพื่อไปเปิดพอร์ท TFEX

***ใครอยากรู้ประสบการณ์การเทรด TFEX ของผมอ่านได้ที่นี่ครับ http://ppantip.com/topic/32303848 ***

โดยผมยังคงเล่นหุ้นอยู่ โดยดูแลพอร์ทให้ แม่และพี่สาว

ผมก็หาหุ้นแบบที่ผมทำปกติ นี่แหละครับ เล่นรอบ 7%-20%

และกำไรแทบทุกครั้ง แม้แต่ช่วงปีที่ผ่านมา ที่ตลาดล่วงจาก 1600 ไป 1200

ผมคัทตั้งแต่ 1600 จุด ซึ่งผมรอด!! และยังอยู่ในตลาดหุ้นได้

แต่มาวันหนึ่งประมาณปลายปี 56 เป็นวันที่ผมทนมาร์คนนี้ไม่ไหวจริงๆครับ

นั่นคือวันที่ผมสั่งซื้อ True ในพอร์ทแม่ โดยโทรบอกมาร์ ให้ซื้อที่ราคาประมาณ 8.60 ว่าจะขายที่เกือบๆ 10 บาท

แล้วผมก็ได้หุ้น True มาครองสมใจที่ราคา 8.65 ซึ่งผมไม่มีปัญหากับราคาที่คลาดเคลื่อนเลยครับ

เพราะแนวทางการเล่นของผมคือ 7%-20% ขาย ไม่ใช่ช่องสองช่อง โดยตัวนี้ผมตั้งเป้าหมายที่ประมาณ 9.8

ถ้าจำไม่ผิดคือเกือบๆยอดเดิม พอผมสั่งซื้อปุ๊บผมก็ไปเล่น TFEX อย่างสบายใจครับ

โดยคิดว่ากลับมาดูอีกทีคงไปได้สวย.. แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ผมก็เปิดพอร์ทของแม่ดูอีกครั้ง

ปรากฏว่า True หายไป!! เฮ้ยหายไปได้ไงวะ!!! เรายังไม่ได้จะขายซักหน่อย (ราคาตอนนั้นประมาณ 9.65 ครับ)

ผมก็โทรตรงหามาร์เลยครับ “พี่ True ผมหายไปไหนอะ??” และผมก็ได้ยินคำตอบที่ผมงงที่สุด

“อ๋อออ พี่คุณกับคุณแม่แล้วนะ เลยขายไปที่ 8.3บาท คุณแม่พอใจกับกำไรมากค่ะ”

ผมตัดสายทันทีเลยครับ แล้วไปคุยกับแม่ คือคุณแม่ผมเล่นหุ้นไม่เป็นน่ะครับ

พอร์ทนี้ผมเป็นคนเล่นให้ทั้งหมด สั่งซื้อ-ขายตลอดตั้งแต่แรก

ไอ้ผมจะไปโวยวายก็ไม่ได้เพราะพอร์ทชื่อแม่ เสียงแม่ก็ยืนยันในโทรศัพท์

ตอนนั้นทำได้อย่างเดียวครับ...เปลี่ยนมาร์ ทันที แม่ผมก็บอกว่า

“คิดดีๆนะลูก เขาดูพอร์ทให้เราตั้งนานแล้ว สงสารเขาไม่มีลูกค้า” ตายละ ผมเป็นผู้ร้ายในทันที T T

แต่ผมยังคงคิดคิดในใจ “มีก็แปลกแล้วครับแม่ - - ใครจะไปทนไหว มาร์แบบนี้”

จนไม่นานมานี้ ผมพึ่งเรียนจบ.... คุณพ่อผมก็ยากจะให้ไปช่วยธุรกิจที่บ้าน

แต่ผมคิดว่า ถ้าผมเป็นมาร์ ผมมีความรู้ ผมรู้ลูกค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

ทำอย่างไรให้ลูกค้าได้กำไร ทำยังไงให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด โดยมาร์ยังอยู่ได้

ดูแลลูกค้าดีๆ ลูกค้าได้กำไร ก็บอกต่อ รายได้คงไม่แพ้ธุรกิจเท่าไรนัก รวมถึงผมจะมีเวลาว่างมากกว่า

และผมได้ทำในสิ่งที่ผมชอบด้วย ผมจึงตัดสินใจที่จะไปสอบ ก็ผ่าน License ตังแต่ครั้งแรก

หลังจากนั้นก็ไปสมัครเป็นผู้แนะนำการลงทุนครับ

โดยผมตั้งแนวทางการดูแลลูกค้าของผม ผมจะใช้ประสบการณ์การของผมมาดูแลลูกค้าครับ โดย...

1)    ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมสม่ำเสมอ เพื่อจะได้มีความรู้ดูแลลูกค้า

2)    ให้ความรู้ลูกค้า โดยลูกค้าควรจะสามารถเข้าใจการลงทุน ไม่ใช่แค่รู้ชื่อแล้วเล่นตามที่มาร์บอก

3)    ไม่เชียร์หุ้นมั่วๆ ตัวไหนชื่อเยอะสุดในกระดานก็เชียร์ ถ้าทำแบบนี้ลูกค้าเจ๊ง ผมก็อยู่ได้ไม่ยั่งยืน

4)    เดิมมาร์อาจเป็นอาชีพที่เอาแต่ได้ เชียร์ไว้ก่อน แต่สมัยนี้ผมว่ามีมาร์ที่มีแนวคิดแบบผมมากขึ้น คือมีการจัดสรรพอร์ทลูกค้า ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์
การลงทุนของแต่ละคน

5)    ผมจะไม่แนะนำลูกค้าให้เทรดวันละหลายๆรอบ ทุกวัน เช้า-กลาง-เย็น การลงทุนในหุ้นคือการออมอย่างหนึ่งไม่ใช่โรคเบาหวาน ไม่ต้องโด๊ปบ่อยขนาด
นั้น

6)    สุดท้ายผมเชื่อว่าถ้ามาร์ แนะนำสิ่งที่ดีให้ลูกค้า ลูกค้าจะแนะนำเพื่อนมาให้เราเอง เราไม่ต้องไปพูดจาหลอกล่ออะไร

ตอนนี้ผมก็เปิดเพจแชร์ความรู้ที่ http://www.facebook.com/markuihoon ใครที่สนใจก็ไปกด Like ได้นะครับ

ไม่ต้องเปิดพอร์ทกับผมก็ได้ ในเพจผมรู้อะไร และคิดว่ามีประโยชน์กับนักลงทุน ผมก็จะแชร์ในนี้

ถ้าชอบก็ช่วยกด Like กด Share ด้วยนะครับ เพื่อสังคมนักลงทุนที่แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่