ใครที่มาโอซาก้าต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูป กับป้ายกูลิโกะที่นี่แน่ๆ
เพราะว่าป้ายแห่งนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า และ
ถนนยอดฮิตอย่างโดะทนโบะริ (Doutonboru, 道頓堀) เลยก็ว่าได้ค่ะ
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักแน่นอนนนนนนน
ป้ายกูลิโกะ หรือ ที่เรียกว่า เอะซะกิกูลิโกะ โนะ ฮันบัง
(Ezaki Gulico no hanban, 江崎グリコの看板)
ป้ายปัจจุบันที่เห็นนี้เป็นป้ายรุ่นที่ 5 ค่ะ ป้ายนี้จะทำการปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่
หลังจากที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานถึง 16 ปี~!!!
เขาจะทำการเอาป้ายเก่าออกใน วันที่ 17 สิงหาคม 2557 นี้นะคะ
ส่วนป้ายใหม่จะใส่เมื่อไหร่ ยังไม่มีบอกเลย
แต่เขาให้สัมภาษณ์ถึงป้ายใหม่นี้ว่า
"ยังทำการดีไซน์ป้ายใหม่อยู่ แต่ว่าป้ายใหม่ครั้งนี้จะไม่ใช่เพื่อเมืองโอซาก้าเพียงเท่านั้น
แต่รวมถึงประเทศญี่ปุ่น และโลกนี้ให้ส่องแสงสว่างขึ้นไปอีกด้วย"
อู้ววววว พูดอย่างนี้แล้ว อยากเห็นป้ายใหม่ไวๆเลย 55555555
แต่ก่อนอื่น จี้ขอพาทุกคนย้อนประวัติศาสตร์มาดูป้ายกูลิโกะตั้งแต่เริ่มแรกกันเถอะ
รุ่นแรก (ครั้งแรก) ที่มีนั้น เมื่อปี ค.ศ. 1935
มีความสูง 33 เมตร โดยป้ายนั้นมีคนวิ่งซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้า (Trade mark) และ
ตัวหนังสือ Gulico ที่มีสีไม่ซ้ำกันในแต่ละตัวอักษร นอกจากนั้น
ด้านล่างมี ดอกไม้สีที่กะพริบ 16 ครั้งต่อนาทีอีกด้วย
ความแปลกใหม่ของไฟนีออนนี้ ทำให้ที่นี่โด่งดังขึ้นมาทีเดียวค่ะ
รุ่นที่ 2 ถูกเปลี่ยนโฉมเมื่อปี ค.ศ. 1955
ช่วงปีค.ศ. 1943 สถานการณ์รบได้เกิดความตึงเครียด ทำให้การซื้อขายวัสดุเหล็กต่างๆได้ถูกถอนออก
แต่ว่า หลังจากสงครามในปีค.ศ. 1955 ก็ได้สร้างป้ายนีออนรุ่นที่ 2 ขึ้นมาใหม่ค่ะ
ป้ายส่วนของนีออนสูง 21.75 เมตร และฐานด้านล่างมีความสูง 5.26 เมตร
ตัวฐานมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ นั้นก็คือ
ตุ๊กตาจระเข้ขนาดใหญ่กำลังนั่งเล่นเปียโน บ้างก็มีตุ๊กตาต่างๆแสดงละครบ้างนั้นเอง
ต่อไปรุ่นที่ 3 ปี ค.ศ. 1963
รุ่นที่ 3 นี้มาในรูปแบบไม้กระบองวิ่งผลัด และนีออนแบบน้ำพุ
มีความสูง 18 เมตร กว้าง 8 เมตร ค่ะ ตัวหนังสือด้านล่างได้เขียน
ชื่อผลิตภัณฑ์ขนมต่างๆของกูลิโกะที่ทำออกมา
รุ่นที่ 4 สร้างใหม่อีกครั้งในปีค.ศ. 1972 แต่ไม่ได้เปิดไฟถึง 2 ปี
รุ่นที่ 4 ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1972 มีความสูง 17 เมตร กว้าง 10.85 เมตร
ภาพด้านหลังได้ออกแบบคล้ายลู่วิ่งในสนามกีฬาซึ่งไฟนีออนด้านหลังจะกระพริบ
ให้ความรู้สึกเหมือนคนวิ่งกำลังวิ่งอยู่ และป้ายนี้จะเปิดไฟสว่างจนถึง 5 ทุ่มค่ะ เพราะ
ป้ายนี้มีความโดดเด่นสวยงาม จึงเริ่มทำให้คนต่างๆเข้ามาถ่ายรูปคู่กับป้ายนี้บ้าง
ถ่ายเป็นพื้นหลังบ้าง ถ่ายเป็นรูปที่ระลึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ แต่........
เนื่องจากมีการปรับปรุงอาคารที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้น
วันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1996 จึงเป็นวันสุดท้ายที่ป้ายนี้ได้เปิดไฟ
วันรุ่นขึ้นก็ได้ทำการถอนป้ายนี้ออกไปค่ะ
2 ปีแห่งการรอคอยได้ผ่านไป ปีค.ศ. 1998 ก็ป้ายใหม่ รุ่นที่ 5
ผ่านไป 2 ปีหลังจากป้ายรุ่นที่ 4 ได้ถูกถอนไป
วันที่ 6 กรกฏาคม ค.ศ.1998 ป้ายรุ่นที่ 5 ก็ได้กลับมาส่องแสงสว่างอีกครั้ง
ป้ายคล้ายๆรุ่นที่ 4 เพราะภาพด้านหลังได้ออกแบบคล้ายลู่วิ่งในสนามกีฬาเหมือนเดิม
แต่ว่ามีสิ่งก่อสร้างสำคัญต่างๆในเมืองโอซาก้าอยู่ด้วยกันถึง 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่
จากซ้ายมือไป ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle, 大阪城) , พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Kaiyukan, 海遊館) ,
โอซาก้าโดม (Osaka Dome, 大阪ドーム) , และ หอคอยซือเท็นคะคุ (Tsutemkaku tower, 通天閣)
ที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นป้ายรุ่นที่ 5 ที่ได้รับการตกแต่งใหม่เมื่อ 16 ปีที่แล้วค่ะ
การเปลี่ยนโฉมที่จะถึงนี้ ถือว่าการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ใครยังไม่ได้ไปถ่ายรูปก่อนเปลี่ยน รีบๆไปถ่ายกันเลยนะค๊าาาาา
เพราะมันจะกลายเป็นรูปประวัติศาสตร์ 555555555555555
เนื้อหาข่าว และ ประวัติศาสตร์จาก:
http://www.ezaki-glico.com/release/20140626/index.html
http://www3.nhk.or.jp/kansai-news/20140706/5689401.html
และถ้าใครอยากติดตามเรื่องราวต่างๆในญี่ปุ่น ก็ติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/JeeJapan.Lifestyle
http://jeejapan-lifestyle.blogspot.jp/
ฝากด้วยนะค๊าาาา ^________________^
ป้ายกูลิโกะที่ถนนโดะทนโบะริ (Doutonbori, 道頓堀) พร้อมที่จะเปลี่ยนโฉมใหม่แล้ว
เพราะว่าป้ายแห่งนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า และ
ถนนยอดฮิตอย่างโดะทนโบะริ (Doutonboru, 道頓堀) เลยก็ว่าได้ค่ะ
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักแน่นอนนนนนนน
ป้ายกูลิโกะ หรือ ที่เรียกว่า เอะซะกิกูลิโกะ โนะ ฮันบัง
(Ezaki Gulico no hanban, 江崎グリコの看板)
ป้ายปัจจุบันที่เห็นนี้เป็นป้ายรุ่นที่ 5 ค่ะ ป้ายนี้จะทำการปรับปรุงเปลี่ยนโฉมใหม่
หลังจากที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานถึง 16 ปี~!!!
เขาจะทำการเอาป้ายเก่าออกใน วันที่ 17 สิงหาคม 2557 นี้นะคะ
ส่วนป้ายใหม่จะใส่เมื่อไหร่ ยังไม่มีบอกเลย
แต่เขาให้สัมภาษณ์ถึงป้ายใหม่นี้ว่า
"ยังทำการดีไซน์ป้ายใหม่อยู่ แต่ว่าป้ายใหม่ครั้งนี้จะไม่ใช่เพื่อเมืองโอซาก้าเพียงเท่านั้น
แต่รวมถึงประเทศญี่ปุ่น และโลกนี้ให้ส่องแสงสว่างขึ้นไปอีกด้วย"
อู้ววววว พูดอย่างนี้แล้ว อยากเห็นป้ายใหม่ไวๆเลย 55555555
แต่ก่อนอื่น จี้ขอพาทุกคนย้อนประวัติศาสตร์มาดูป้ายกูลิโกะตั้งแต่เริ่มแรกกันเถอะ
มีความสูง 33 เมตร โดยป้ายนั้นมีคนวิ่งซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้า (Trade mark) และ
ตัวหนังสือ Gulico ที่มีสีไม่ซ้ำกันในแต่ละตัวอักษร นอกจากนั้น
ด้านล่างมี ดอกไม้สีที่กะพริบ 16 ครั้งต่อนาทีอีกด้วย
ความแปลกใหม่ของไฟนีออนนี้ ทำให้ที่นี่โด่งดังขึ้นมาทีเดียวค่ะ
ช่วงปีค.ศ. 1943 สถานการณ์รบได้เกิดความตึงเครียด ทำให้การซื้อขายวัสดุเหล็กต่างๆได้ถูกถอนออก
แต่ว่า หลังจากสงครามในปีค.ศ. 1955 ก็ได้สร้างป้ายนีออนรุ่นที่ 2 ขึ้นมาใหม่ค่ะ
ป้ายส่วนของนีออนสูง 21.75 เมตร และฐานด้านล่างมีความสูง 5.26 เมตร
ตัวฐานมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ นั้นก็คือ
ตุ๊กตาจระเข้ขนาดใหญ่กำลังนั่งเล่นเปียโน บ้างก็มีตุ๊กตาต่างๆแสดงละครบ้างนั้นเอง
รุ่นที่ 3 นี้มาในรูปแบบไม้กระบองวิ่งผลัด และนีออนแบบน้ำพุ
มีความสูง 18 เมตร กว้าง 8 เมตร ค่ะ ตัวหนังสือด้านล่างได้เขียน
ชื่อผลิตภัณฑ์ขนมต่างๆของกูลิโกะที่ทำออกมา
รุ่นที่ 4 ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1972 มีความสูง 17 เมตร กว้าง 10.85 เมตร
ภาพด้านหลังได้ออกแบบคล้ายลู่วิ่งในสนามกีฬาซึ่งไฟนีออนด้านหลังจะกระพริบ
ให้ความรู้สึกเหมือนคนวิ่งกำลังวิ่งอยู่ และป้ายนี้จะเปิดไฟสว่างจนถึง 5 ทุ่มค่ะ เพราะ
ป้ายนี้มีความโดดเด่นสวยงาม จึงเริ่มทำให้คนต่างๆเข้ามาถ่ายรูปคู่กับป้ายนี้บ้าง
ถ่ายเป็นพื้นหลังบ้าง ถ่ายเป็นรูปที่ระลึกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ แต่........
เนื่องจากมีการปรับปรุงอาคารที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้น
วันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1996 จึงเป็นวันสุดท้ายที่ป้ายนี้ได้เปิดไฟ
วันรุ่นขึ้นก็ได้ทำการถอนป้ายนี้ออกไปค่ะ
ผ่านไป 2 ปีหลังจากป้ายรุ่นที่ 4 ได้ถูกถอนไป
วันที่ 6 กรกฏาคม ค.ศ.1998 ป้ายรุ่นที่ 5 ก็ได้กลับมาส่องแสงสว่างอีกครั้ง
ป้ายคล้ายๆรุ่นที่ 4 เพราะภาพด้านหลังได้ออกแบบคล้ายลู่วิ่งในสนามกีฬาเหมือนเดิม
แต่ว่ามีสิ่งก่อสร้างสำคัญต่างๆในเมืองโอซาก้าอยู่ด้วยกันถึง 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่
จากซ้ายมือไป ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle, 大阪城) , พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Kaiyukan, 海遊館) ,
โอซาก้าโดม (Osaka Dome, 大阪ドーム) , และ หอคอยซือเท็นคะคุ (Tsutemkaku tower, 通天閣)
ที่เห็นในปัจจุบันนี้เป็นป้ายรุ่นที่ 5 ที่ได้รับการตกแต่งใหม่เมื่อ 16 ปีที่แล้วค่ะ
การเปลี่ยนโฉมที่จะถึงนี้ ถือว่าการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ใครยังไม่ได้ไปถ่ายรูปก่อนเปลี่ยน รีบๆไปถ่ายกันเลยนะค๊าาาาา
เพราะมันจะกลายเป็นรูปประวัติศาสตร์ 555555555555555
เนื้อหาข่าว และ ประวัติศาสตร์จาก:
http://www.ezaki-glico.com/release/20140626/index.html
http://www3.nhk.or.jp/kansai-news/20140706/5689401.html
และถ้าใครอยากติดตามเรื่องราวต่างๆในญี่ปุ่น ก็ติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/JeeJapan.Lifestyle
http://jeejapan-lifestyle.blogspot.jp/
ฝากด้วยนะค๊าาาา ^________________^