~*ชั่วนิจนิรันดร์*~

บทที่  ๑
ถนนย่านธุรกิจ กลางเมืองหลวงที่พลุกพล่านไปด้วยรถรามากมาย ที่มีผู้คนขวักไขว่ คลาคล่ำไปทั่ว จากเช้าจวบเย็น
ณ ตึกพี เอช ทาวเวอร์
พั่บพั่บ...
“โอ๊ะ..! แย่ล่ะ”
หญิงสาวที่หอบแฟ้มงานมามากมายทำอะไรไม่ถูกเมื่อเอกสารที่ถือมานั้นปลิวร่วงหล่นบนพื้น เพราะความเหม่อลอยของหล่อน
โน้มตัวก้มลงเก็บกระดาษที่ตกบนพื้น ทีล่ะแผ่น เก็บไปสายตาก็จ้องไป ผิดบ้าง ถูกบ้าง เหมือนคนขาดสติทุกครั้งเวลาอยู่ต่อหน้าเขา  
จะเป็นแบบนี้เสมอเวลาเจอกัน เธอจะมีอาการประหม่าจนลนลาน หยิบจับทำอะไรไม่ถูก มันเหมือนโดนมนต์สะกด พรหมลิขิตหรืออย่างไรก็ยากจะเดา แต่ความรู้สึกรุนแรงเสมอ เหมือนใครคอยเหนี่ยวรั้งจนเธอละสายตาจากเขาไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว และรัวจนกลัวว่ามันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ และดังก้องอยู่อย่างนั้น ยุกันดารีบเก็บจนเสร็จก่อนจะเดินผละจากไป
“คุณผู้หญิงครับ  เดี๋ยวก่อน..”
หนุ่มใหญ่เรียก แต่ยุกันดารีบเพียงเพื่อต้องการจะหลบหน้าเขา แต่ช้าไป เมื่อชายหนุ่มก้าวขาเร็วๆ และคว้าข้อมือหล่อนเอาไว้ ทำให้ใบหน้านั้นหันและเงยขึ้นมาประสานสายตาด้วย
ยุกันดามองหนุ่มใหญ่หน้าตาคมคาย ปากนิดจมูกหน่อย ที่โด่งเป็นสันเงางาม ผิวเขาขาวสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลา ดวงตาโต ริมฝีปากหยักโค้งได้รูป ดูเหมือนจะแย้มยิ้มอยู่ตลอดเวลา
เขากำข้อมือนั้นเอาไว้ ทอดตามองใบหน้านวล ที่ยืนประจันหน้ากันไม่ห่างอย่างตะลึง  ซึ่งในนาทีนี้ ยุกันดารู้แล้วว่า มิใช่แต่หล่อนคนเดียวที่มีความรู้สึกแบบนั้น ตอนนี้ หล่อนสัญญากับตัวเองได้เลย  ว่าจะยอมแล้วกับเขาผู้นี้.. ยอมทุกอย่าง  
ถึงแม้ว่าจะต้องสังเวยด้วยอะไรก็ตาม? ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น
    วันนี้เป็นวันหยุด ยุกันดานั่งเหม่อลอยอยู่ที่ขอบระเบียงบ้านของห้องนอน หญิงสาวปล่อยความคิดให้แล่นไปเรื่อย มันลอยไปตามแต่ใจต้องการโดยไม่ยื้อ ไม่ดึงเอาไว้แต่อย่างใด ภายใต้ใบหน้านวลแววตามีแต่ภาพใบหน้าคมคายของเขาเท่านั้น ที่ลอยเด่นอยู่ในห้วงสำนึก  ไม่เคยห่างหาย มีความสุขยามได้คิดถึงเสมอ
ก๊อก ก๊อก...
“ลูกยุ พ่อเมฆมาหานะลูก ทำอะไรอยู่ ไม่ได้ยินเสียงรถหรือไง? ลงไปพบเขาหน่อยสิจ้ะ อะไรกัน! อยากเป็นนางห้องไปเสียแล้วลูกคนนี้” เสียงมารดาบอกแกมบ่นเล็กน้อยกับความเปลี่ยนแปลงของหล่อน
“ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูลงไปค่ะ”ตอบรับมารดา แต่ก็ยังนั่งอยู่อีกเป็นครู่ ก่อนจะลุกไปสำรวจใบหน้าอีกรอบ เพื่อออกไปพบคู่หมั้น
เสียงบิดาหล่อนคุยอย่างออกรสชาติเมื่อได้เพื่อนถูกคอตามประสาผู้ชาย หล่อนเดินไปทรุดนั่งใกล้ๆ
“อ้าวมาพอดีแม่ยุ งั้นตามสบายนะ พ่อจะพาแม่เขาไปหาหลวงพี่ เมื่อวันก่อนเห็นบ่นหาโยมแม่ จะไปนั่งคุยกับท่านเสียหน่อย”
คุณประภาสเดินไปรับของจากมือภรรยา ก่อนจะเดินนำไปที่รถ โดยปล่อยให้หนุ่มสาว คุยกันตามลำพัง อย่างคนที่จะร่วมชีวิตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
เมื่ออยู่ตามลำพัง หญิงสาวลุกขึ้นและถามโดยไม่หันมามองเขา
"น้ำผลไม้ไหมคะเมฆ” ยุกันดารินน้ำผลไม้ในตู้เย็นเดินถือมาด้วย
“ไม่ล่ะจ้ะขอบใจ ก่อนหน้านี้ยุทำอะไรอยู่หรือครับ” เขาถามแล้วจ้องดูสีหน้าเนือยๆ ของหล่อน เมื่อเดินมานั่งไม่ห่างจากเขานัก
“เปล่าหรอกค่ะ ยุนั่งอ่านหนังสือเล่นน่ะ” หล่อนโกหก แต่เพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้จึงต้องทำ หล่อนไม่อยากทำร้ายน้ำใจของเขา และยังไม่รู้ว่าจะปิดบังอารมณ์ตนเองไปได้นานแค่ไหน จะซ่อนเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า? แต่ความต้องการของตนเองก็รุนแรง จะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดี สมองเริ่มมืดทั้งสี่ด้าน คิดอะไรไม่ออก จนพาลไม่อยากพบ แต่เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร ตัวหล่อนต่างหากที่เปลี่ยนไป และวันนี้ที่เมฆมาก็เพื่อจะชวนไปดูหนัง แต่ใจหล่อนไม่อยากไป อยากนอนมากกว่า รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเฉยๆ เขาก็เข้ามาจับหน้าผากดู ใจจริงหล่อนไม่อยากให้มือหนานั้นเป็นมือของเมฆ  อยากให้เป็นมือของหนุ่มใหญ่คนที่คว้าข้อมือหล่อนไว้เมื่อวานนี้แทนมากกว่า ไม่รู้ว่าบ้าไปหรือเปล่า?  ทำไมจิตใจจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  ยุกันดารีบสลัดหัวแรงๆ ก่อนจะเอนลงนอนราบบนโซฟา
“งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ยุพักผ่อนมากๆ นะครับ ช่วงนี้ คุณดูโทรมๆ ไปหน่อยนะ” เขาเดินไปหยิบยาในตู้ด้านข้าง แล้วเทน้ำอุ่นมายื่นให้หล่อนก่อนเดินมานั่งมองนิ่งๆ ด้วยประตาอ่อนโยน
ยุกันดารับยามาหย่อนใส่ปาก อยากจะบอกเขาว่าไม่เป็นไรแต่ปากก็หนักเกินไป อีกอย่างหล่อนก็เครียดไปหน่อยช่วงนี้ เพราะในสมองมีแต่ใบหน้าของเขาคนนั้นลอยเต็มไปหมด หมายความว่าไงนะ แต่จะให้ไม่คิดถึงก็ห้ามไม่ได้ แต่กับเมฆหล่อนกลับไม่คิดแบบนี้
เมื่อคู่หมั้นกลับไปแล้ว ยุกันดาก็ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ กับความคิดที่ปวดหนึบเมื่อคะนึงถึงเรื่องความรัก หลับตาลงและพยายามเลิกหมกมุ่นกับเรื่องนี้จนม่อยหลับไป

*******************
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่