มนุษย์ป้าน้ำเต้าหู้

เมื่อวานตอนเย็น กระผมเจอเหตุการณ์ที่น่าสลดใจทางสังคม
เมื่อถึงเวลาอาทิตย์อัสดง กระผมเลิกงานจึงเร่งเดินทางกลับบ้านและได้ใช้เส้นทางภายในซอย 101 ทุกครั้งที่กลับ
การเดินทางกลับเรือนก็เป็นไปตามปกติ ผ่านร้าน mk ก็อยาก ผ่านเป็ดพะโล้ปริญญาก็หิวไส้ (ไส้เป็ดนะจ้ะ)
พอถึงร้านราดหน้าคนแซ่จังก็ผ่านไปก่อนคนเยอะ
ก็เลยเบี่ยงเลี้ยวซ้ายเข้าซอยตามปกติ เพื่อใช้เป็นทางที่จะหลีกเลี่ยงรถที่ไปปิดทางเลี้ยวซ้ายออกจากซอย101สู่ถนนลาดพร้าว
ขับมาในซอยซึ่งเป็นเลนส์สวนกันได้ จนถึงทางเข้าตลาดลาดพร้าว101 ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นร้านขายน้ำเต้าหู้
เห็นรถราคาแพงคันนึง(ตามภาพ) ขับพุ่งจากเลนส์ตรงข้ามมาประจันหน้ากับกระผมพร้อมกับจอดแนบหน้าร้านเต้าหู้
ใจคิดที่ดีมีน้ำใจนึกว่าก็คงจะถอยหลังจอดเพื่อแนบฟุตบาท
แต่อนิจจา คนที่อยู่ในรถหรูไม่ทำเยี่ยงเฉกเช่นคนมีปัญญาไม่
ภาพที่เห็น รถคอยพุ่งเข้าเพื่อจอดแนบ แต่เป็นการจอดแนบเพื่อที่จะได้กดกระจกรถสำรอกเสียงสั่งน้ำเต้าหู้ได้ถนัดๆ
โดยไม่สำเนียกเลยสักนิดว่ามีรถที่อยู่ในเลนส์สวนนั้นหรือไม่ กระผมเลยใช้สายตาประดุจเหยี่ยวหนุ่มมองทะลุแผ่นฟิมล์เข้าไป
และแล้วก็ถึงบางอ้อในบัดดล(ทั้งๆที่จะไปบางกะปิแท้ๆ) สิ่งที่พบหลังพวงมาลัยคือ มนุษย์เพศหญิง อายุกะคราวๆน่าจะ 40-50 ปี
ดูจากโครงหน้าแลดูมีการศึกษา เมื่อผนวกกับรถหรูก็น่าจะมีหน้าตาทางสังคมบ้างไม่มากก็น้อย

กระผมก็ได้แค่ใส่เกียร์ขยับถอยหลังแล้วเดินหน้าเบี่ยงสวนเลนส์ออกไป เพราะใจจริงถึงอยากจะบีบแตรใส่ก็คงไม่ระคายกายหยาบนั้นได้
แค่ถอนใจ ปล่อยมันผ่านไป ไม่ให้รกสมอง (มโนสร้างภาพให้ตัวเองดี)

(มโนปิศาจ) แต่อีกใจอยากจะกดกระจกแล้วตะโกนผ่านให้ไอ้ติ่งเนื้อสองข้างที่คั่นกะโหลกรับรู้และได้ยินว่า

คุณเป็นคนประเภทเห็นแก่ตัวระดับ 4 ผ่าน หรือ 5กะโหลก แล้วอย่างนี้คุณจะมีหน้าไปสอนลูกหลานคุณไหมว่าอะไรผิดอะไรถูก
ถ้ายังฝืนสอนได้ยางที่หนังหน้าคุณคงหนาจนตีนกาไม่กล้ามาฝากชีวิต

รึถ้าคุณไม่ได้สอน แต่ลูกหลานคุณนั่งอยู่ในรถ เห็นพฤติกรรมหยาบทรามในการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นเรื่องปกติของคุณ
เค้าเหล่านั้นอาจจะเห็นเป็นเรื่องปกติเช่นกันและหล่อหลอมตัวเองให้กลายเป็นคนที่มองความสะดวกสบายของตัวเองก่อนความเดือดร้อนของผู้อื่นย่อมเป็นได้

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่