ก่อนอื่นเลยนะครับ ผมเป็นมือใหม่หัดโพส นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมได้โพสขอคำปรึกษา จากผู้มีประสบการณ์ และผู้มีพระคุณทั้งหลาย ถ้ามีอะไรที่ผมทำผิดไป หรือทำให้ใครเสียหาย ผมขอกราบขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมและแฟน คบกันมาได้ประมาณ 9 ปี ปัจจุบันเราทั้งคู่อายุประมาณ 25 ปี (รุ่นเดียวกันครับ) คบกันมาตั้งแต่ ม. 4 โรงเรียนเดียวกันในจังหัดระยอง ตลอดเวลาที่คบกันมาก็มีทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนผมที่งอนผมซะมากกว่า เนื่องจากเราเรียนกันคนละที่อยู่ห่างกัน จะเจอหน้ากันที่ก็ประมาณเดือนละครั้ง หรือ อย่างมากที่สุดก็ เดือนละสองครั้ง
แต่เมื่อ 2-3 ปีให้หลัง แฟนผมเรียนจบปริญญาตรีและได้ทำงานก่อนผม โดยทำงานอยู่บริษัทที่ดีบริษัทหนึ่งในจังหวัดระยอง (บ้านเกิดแฟนผม) ส่วนตัวผม ณ ตอนนั้น ได้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยของรัฐที่หนึ่งในกรุงเทพมหานคร เป็นหลักสูตรต่อเนื่องปริญญาตรี 3 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จึงทำให้เรา 2 คน ยังคงห่างกัน ด้วยความที่ว่า แฟนผมต้องทำงาน จันทร์-ศุกร์ และหยุด เสาร์-อาทิตย์ ส่วนตัวผมเองก็ต้องเรียนในช่วง จันทร์-ศุกร์ เช่นกัน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีเรียนพิเศษเสริมในบางวิชา ตามสถาบันสอนพิเศษให้เด็กมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นคนหัวไม่ดี จึงต้องเรียนพิเศษเสริม เป็นผลให้ผมและแฟน ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ยังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์ ทาง Facebook, line แต่เมื่อมีเวลาส่วนใหญ่จะเป็น เสาร์-อาทิตย์ที่ผมโดดเรียนพิเศษบ้าง หรือบางเทอมไม่มีเรียนพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะเดินทางไปหาแฟนที่บ้าน หรือบางทีแฟนผมก็นั่งรถมาหาผมที่กรุงเทพมหานครเช่นกัน ซึ่งบางครั้งที่ผมไปหาแฟนที่บ้าน(ระยอง)ก็จะได้มีโอกาสพบหน้าพ่อและแม่ของแฟน ซึ่งตัวผมเองก็เกรงใจพ่อและแม่ของแฟน พยายามทำตัวไม่ให้ท่านลำบากใจ เคารพและนอบน้อม เหมือนกับท่านเป็นพ่อและแม่ของผมเช่นกัน แต่ตัวผมเองไม่กล้าบอกกับแม่ผมว่าผมมีแฟนแล้ว เนื่องจากแม่หวงผม เคยนะที่บางครั้งพูดถึงแฟนแล้วแม่ งอนผม ส่วนพ่อผมนั้นท่านไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งระหว่างนั้น ผมและแฟน ก็มีหวานบ้าง ทะเลาะกันบ้าง งอนกัน ตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ก่อนจะพูดถึงประเด็นที่ผมไปดูถูกแฟนไว้ ผมขอเท้าความถึงสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมและแฟนทะเลาะกัน คือ ผมไม่มีเวลาให้แฟน อย่างที่ทราบกันดีว่า การเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นอะไรที่เรียนยาก ช่วงก่อนสอบต้องคลุกอยู่แต่ในห้อง รวมตัวกันกับเพื่อนนั่งทำโจทย์โดยใช้เวลาเป็นวัน ๆ ติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้ผมไม่มีอารมณ์แม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับแฟน หรือแม้กระทั้งพ่อกับแม่ตัวเอง ซึ่งบ่อยครั้ง ผมและแฟนจะทะเลาะกันจนเกือบจะเลิกกันในช่วงเวลาที่ผมสอบ Midterm และ Final
*** อ้อ!!! ลืมบอกไปว่า ผมเป็นคนซื่อ เถรตรง โดยนิสัยทำให้พูดอะไรตรง ๆ เวลาทะเลาะกัน ผมจะใจร้อนมาก อารมณ์ฉุนเฉียว บ่อยครั้งที่พูดอะไรไปไม่คิด ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจแฟนผม แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่ใจก็ยังรักแฟน คิดถึงแฟน แต่ไม่ค่อยยอมพูดออกไปให้แฟนได้รับรู้ หรือให้แฟนได้ชื่นใจบ้าง ***
มาถึงประเด็นหัวข้อที่ว่า "ผมรู้สึกผิดที่พูดดูถูกแฟน อยากง้อแฟนให้กลับมาคืนดี"
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน โดยปกติจะเป็นช่วงเวลาปิดเทอมของนักศึกษา หรือไม่ ผมก็ควรจะจบการศึกษาแล้ว แต่เนื่องจากผมพลาดการลงทะเบียนเรียนในเทอมแรกของปีสุดท้าย จึงทำให้ผมต้องมาเรียนเก็บในวิชาเลือกเสรีวิชาสุดท้ายในเทอมซัมเมอร์ (ช่วงปิดเทอมรับ Asean หรือ AEC) โดยระยะเวลาที่เรียนซัมเมอร์ คือ 21 เมษายนไปจนถึง 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาผมยังคงไปมาหาสู่กันที่บ้านแฟน(ระยอง) หรือไม่แฟนก็ขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพหมานคร และไม่นานมานี้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวกันที่ชะอำ ได้เที่ยวในที่ต่าง ๆ ไปสวนน้ำ Santorini Water Fantasy ความสุขในวันนั้นผมยังไม่ลืมเลย เราทั้งคู่มีความสุขผมรู้สึกได้ และในวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของแฟนผม ผมเองก็ได้เดินทางไปบ้านแฟน ได้อยู่กับแฟน พาไปไหว้พระ พาไปว่ายน้ำ พาไปขับรถเล่นที่สัตหีบ(สัตหีบเป็นบ้านเกิดผม) ซึ่งบางครั้งก่อนขับรถกลับบ้านแฟน ก็เคยขับผ่านบ้านผม เพื่อให้แฟนผมได้รู้ว่าบ้านผมอยู่ตรงนี้นะ สักวันจะพามาทำความรู้จักกับพ่อและแม่
ระหว่างที่ผมเรียนซัมเมอร์ ส่วนแฟนผมทำงาน ก็ยังคงติดต่อกันปกติ ตัวผมเองเครียด อยากเรียนจบไว ๆ อยากอยู่กับแฟนไว ๆ อย่างน้อย เมื่อผมเรียนจบ ผมสามารถที่ใช้ความกล้าเพื่อเค้าไปพูดกับแม่ของผมว่า ผมมีแฟนแล้วนะ ผมอยากพามาแนะนำให้แม่ได้รู้จัก นั้นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ผมไม่เคยบอกกับแฟนผมเลย ว่าผมคิดอะไร จนเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นวัน พฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากแฟนผมเลิกงานแล้ว ได้โทรมาบอกผมว่าจะไปดูหนังในช่วงค่ำ ๆ นะ ตัวผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร คิดว่าคงไปดูหนังกับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ เมื่อผมเลิกเรียนกลับบ้าน แฟนก็ส่งข้อความมาว่า หนังฉายแล้ว อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง หนังจบจะทักมา เมื่อถึงเวลาหนังจบ แฟนผมก็ทักมาว่า กำลังจะกลับบ้าน เมื่อแฟนผมกลับถึงบ้านก็บอกผมว่า มีอะไรจะสารภาพ และก็บอกกับผมว่า "เค้าไปดูหนังกับเพื่อนผู้ชายคนนึง" (เพื่อนผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ผมบอกได้เลยว่าไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่สมัยเรียน ม. ต้น ม. ปลาย แต่เคยเป็นเพื่อนสมัยประถมกับแฟนผม) เมื่อผมได้ยิน ผมช็อค!!! พยายามถามแฟนกลับไปว่า จริงรึป่าว ทดสอบผมรึป่าว ณ ตอนนั้น นาทีนั้น ผมยังไม่โกรธแฟนผม ผมแค่ช็อค เพราะไม่คิดว่าจะไปกับเพื่อนผู้ชายกัน 2 คน แฟนผมก็ย้ำว่าไม่มีอะไรเกินเลย นอกจากไปดูหนังด้วยกัน ไม่ได้จับมือ และก็บอกว่าขณะที่นั่งดูอยู่ ก็คิดว่าอยากให้เป็นผมด้วยซ้ำที่ไปนั่งอยู่ตรงนั้น เป็นเพราะผมไม่มีเวลาให้ ดูแลเอาใส่ใจไม่พอ ผมเสียใจ
ในวันนั้นช่วงเวลาก่อนนอนผมได้โทรศัพท์กับแฟนผมปกติ แต่ความที่ว่า ผมชอบเก็บเอามาคิด คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ผมเครียด ทำให้ผมเริ่มทะเลาะกับแฟน หลายวันต่อจากนั้น ผมเริ่มเครียดมากขึ้น เริ่มระแวง เริ่มกังวล เพราะก่อนหน้านี้ ในวันคล้ายวันเกิดของแฟนผม แฟนได้เล่าว่าคุยกับเพื่อนผู้ชายคนนี้อยู่ คุยกันแบบเพื่อน ด้วยความไว้ใจ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร ผมไว้ใจแฟนผมมาก ๆ ขนาดที่ว่าแฟนผมไปไหนมา แล้วเพิ่งมาบอกผมทีหลัง ผมก็ไม่ว่า ไม่โกรธ ผมไว้ใจแฟนผม แต่ผมไม่ไว้ใจเพื่อนผู้ชาย แต่ผมไม่ทราบว่า ทำไมผมถึงเอาเรื่องที่แฟนผมไปดูหนังกับผู้ชายคนนี้มาคิดจนเกิดการทะเลาะกัน เป็นใหญ่เป็นโต ขนาดผมต้องเข้ามาหาใน Google ว่าอาการของคนนอกใจเป็นยังไง จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน ผมก็ทะเลาะกับแฟนผมอีกครั้งหนึ่งเรื่องเดิม เราสองคนทะเลาะหนักขึ้น ผมจึงหลุดปากพูดในสิ่งที่ผมไม่ควรพูดที่สุดในชีวิตออกไป (ขอเท้าความว่า ช่วงไม่นานมานี้ แฟนผมมักจะสะดุ้งตื่นช่วงเช้ามืด ตี 4 ตี 5 โดยไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งในสิ่งที่ผมไปค้นดูใน Google ว่าอาการของคนนอกใจเป็นยังไง จนผมเก็บเอามาคิดให้เครียด) นั้นก็คือ "ที่สะดุ้งตื่นมาตอนเช้ามืด ตี 4 ตี 5 อ่ะ เพราะตกใจ ว่าตัวเองไม่แน่ใจใช่ไหมว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงใคร" ผมสาบานได้ ว่าขณะที่พูด ผมอารมณ์ฉุนเฉียว รู้ตัวอีกทีก็คือวันรุ่งขึ้น ว่าผมพูดอะไรออกไป ผมเสียใจจริง ๆ ผมรู้สึกผิดมาก ๆ
ต่อมาอีก 2 วัน เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม ช่วง เย็นประมาณ 19.20 น ผมนั่งรถไปหาแฟนที่บ้าน(ระยอง) เพื่อจะไปขอโทษ เพื่อจะไปง้อ โดยไม่ได้บอกว่าจะไป และก็ได้ซื้อของขวัญติดไม้ติดมือเพื่อที่จะขอโทษ ผมตั้งใจไปขอโทษจริง ๆ ผมถึงบ้านแฟนเวลา 21.40 น หยุดยืนอยู่หน้าบ้าน และโทรหา เพื่อจะบอกว่า ผมยืนอยู่หน้าบ้านนะ ตั้งใจมาขอโทษ จนได้เข้าไปนั่งในบ้าน ปรากฎว่าแฟนผมอยู่ในสภาพที่เมามาก ๆ ได้กลิ่นเหล้าชัดเจน ผมใจสลาย เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ผมพูดไป ทำให้แฟนผมเป็นแบบนี้ ในคืนนั้นแฟนผมลุกมาอ๊วกทั้งคืน ผมเองก็ดูแลแฟนทั้งคืน คิดในใจว่า ถ้าแฟนผมยังไม่ดีขึ้น ผมก็จะไม่ขอนอนในคืนนั้น จะดูแลแฟนตลอดทั้งคืน ผมพยุงตัวแฟนผมไปอ๊วกในห้องน้ำ และลูบหลังไปด้วย ตลอดเวลาที่ลูบหลังให้ แฟนผม ปัดไม้ปัดมือผม ไม่อยากให้ผมโดนตัว แต่ด้วยความเป็นห่วง ผมยังคงดูแลแฟนผมตลอดทั้งคืน คอยหาน้ำให้ดื่ม คอยนำผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้า ตามแขน และขา ตลอดคืนนั้น ผมสำนึกเสียใจเป็นที่สุด ผมรู้สึกผิด และสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้แฟนผมเสียใจอีกแล้ว เพราะคำพูดของผมแค่คำเดียว ถึงทำให้แฟนผมกลายเป็นสภาพแบบนี้ ผมดูแลแฟนผมจนกระทั้ง เธอดีขึ้น และหลับไปในที่สุด แต่ผมยังคง หลับ ๆ ตื่น ๆ เพื่อที่จะคอยดูแล หยิบนู้นหยิบนี่ได้ทัน เมื่อแฟนผมต้องการอะไรขึ้นมา ผมให้เธอนอนบนโซฟา ห้องรับแขก และผมนั่งอยู่กับพื้นคอยกุมมือเธอเอาไว้ทั้งคืนผมร้องไห้เสียใจ สำนึกผิดตลอดเวลา
วันรุ่งขึ้นเธอลางาน นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในช่วงกลางวันขณะที่เธอพักผ่อน ผมก็แอบเขียนข้อความลงให้กระดาษ A4 หนึ่งแผ่นเพื่อพูดความในใจ เนื่องจากผมไม่รู้จะหาโอกาสได้เมื่อไร ที่จะพูดขอโทษด้วยความจริงใจต่อหน้าเธอ
"ยกโทษให้เค้านะ"
" ขอโทษ...อย่าโกรธ...เลยคนดี
ตัวฉันนี้...ยอมรับ...ว่าทำผิด
ที่ผ่านมา...พูดไป...โดยไม่คิด
ทำร้ายจิต...ใจคุณ...ไม่รู้ตัว
ยังหวัง...ให้คุณ...โปรดอภัย
เพราะในใจ...ฉันนี้...ช่างหมองมัว
ไม่โทษใคร...โทษตัวเอง...และหวั่นกลัว
กลัวแสนกลัว...กลัวคุณ...จะห่างไป "
นี่คือเนื้อความส่วนหนึ่ง ที่ผมเขียนลงให้กระดาษ A4 หนึ่งแผ่นเต็ม ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการขอโทษ ความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่พูดออกไป ความสำนึกผิด เมื่อเขียนเสร็จ ผมได้สอดกระดาษแผ่นนั้นไปให้ของขวัญที่ผมซื้อไปให้ เมื่อเธอตื่น ผมจึงได้ยื่นของขวัญให้เมื่อเธอเปิดอ่าน น้ำตาผมก็ไหล มีหลายคำที่อยากจะพูดกับเธอว่าผมเสียใจแค่ไหน แต่ก็พูดไม่ออก เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอส่งยิ้มให้ผม แล้วเรียกผมเค้าไปสวมกอดถึงเธอจะให้อภัยผม แต่ผมก็ไม่อาจจะให้อภัยตัวเอง ผมคิดว่าหลังจากนี้ สถานการณ์ของเราทั้งคู่จะเป็นไปได้ด้วยดี ผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก ผมอยู่กับเธอจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมช่วยพ่อของเธอตัดหญ้า เก็บกวาดใบไม้หน้าบ้าน ช่วยโค่นต้นไม้ตามที่พ่อของเธอต้องการให้ช่วย ผมมีความสุขมาก แต่ก็ยังคงนึกเสียใจตลอดเวลาที่ทำไม่ดีกับเธอลงไป จริง ๆ แล้วผมอยากจะอยู่ต่อเพื่อที่วันที่ 5-6 กรกฎาคม ผมจะได้ไปบ้านยายของแฟนผมที่ตราดด้วย ซึ่งเธอชวนผมไปหลายต่อหลายครั้ง ผมก็ยังไม่ได้ไป แต่ต้องกลับมาทำธุระกับพ่อแม่ผมที่บ้าน
หลังจากนั้นเราคุยกันดีตลอดจนกระทั้ง วันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อแฟนผมกลับจากตราดถึงบ้านที่ระยอง แฟนผมบอกว่า ไม่สามารถลืมคำพูดที่ผมดูถูกเธอได้ แล้วไม่อยากจะคุยกับผมอีก ขออยู่กับตัวเอง ไม่แม้กระทั้งจะรับโทรศัพท์ผม ไม่แม้กระทั้งที่อยากจะได้ยินเสียงผม ไม่แม้กระทั้งจะแชท หรือ ส่งข้อความหาผมก่อน ผมก็พยายามส่งข้อความไปง้อ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอรู้ว่าผมสำนึกผิดแค่ไหน ผมรู้สึกผิดแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ไหน ไม่อยากคุยกับผมสักแค่ไหน ผมก็จะรอ รอ รอ รอ.... ผมรักเธอมาก ผมรู้ว่าผมทำตัวแย่แค่ไหน ผมไม่โกรธที่เธอจะไปจากผม ผมโกรธตัวผมเอง ผมตั้งใจจะง้อเธอต่อไป แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ผมเกรงว่าถ้าผมไปหาเธอที่บ้าน เธอจะไม่ยอมพบหน้า ผมคิดแม้กระทั้ง อยากที่จะไปนั่งรอเธอที่ทำงาน อยากไปขอขมาพ่อแม่ของเธอที่พูดจาดูถูกเธอ แต่ผมกลัวเธอจะไม่พอใจ เธอบอกว่าอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเธอ ยิ่งถ้าผมตามตื้อเธอ เธอจะยิ่งหงุดหงิดไหม ผมร้องไห้ทุกวันเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ผมรู้ว่าไม่มีใครช่วยผมได้ นอกจากตัวเอง
ผมจึงไคร่ขอความกรุณาให้คำปรึกษากับผมด้วยนะครับ ผมรักเธอมาก
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
รู้สึกผิดที่พูดดูถูกแฟน อยากง้อแฟนให้กลับมาคืนดี ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมและแฟน คบกันมาได้ประมาณ 9 ปี ปัจจุบันเราทั้งคู่อายุประมาณ 25 ปี (รุ่นเดียวกันครับ) คบกันมาตั้งแต่ ม. 4 โรงเรียนเดียวกันในจังหัดระยอง ตลอดเวลาที่คบกันมาก็มีทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นแฟนผมที่งอนผมซะมากกว่า เนื่องจากเราเรียนกันคนละที่อยู่ห่างกัน จะเจอหน้ากันที่ก็ประมาณเดือนละครั้ง หรือ อย่างมากที่สุดก็ เดือนละสองครั้ง
แต่เมื่อ 2-3 ปีให้หลัง แฟนผมเรียนจบปริญญาตรีและได้ทำงานก่อนผม โดยทำงานอยู่บริษัทที่ดีบริษัทหนึ่งในจังหวัดระยอง (บ้านเกิดแฟนผม) ส่วนตัวผม ณ ตอนนั้น ได้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยของรัฐที่หนึ่งในกรุงเทพมหานคร เป็นหลักสูตรต่อเนื่องปริญญาตรี 3 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จึงทำให้เรา 2 คน ยังคงห่างกัน ด้วยความที่ว่า แฟนผมต้องทำงาน จันทร์-ศุกร์ และหยุด เสาร์-อาทิตย์ ส่วนตัวผมเองก็ต้องเรียนในช่วง จันทร์-ศุกร์ เช่นกัน ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีเรียนพิเศษเสริมในบางวิชา ตามสถาบันสอนพิเศษให้เด็กมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นคนหัวไม่ดี จึงต้องเรียนพิเศษเสริม เป็นผลให้ผมและแฟน ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ยังคงติดต่อกันทางโทรศัพท์ ทาง Facebook, line แต่เมื่อมีเวลาส่วนใหญ่จะเป็น เสาร์-อาทิตย์ที่ผมโดดเรียนพิเศษบ้าง หรือบางเทอมไม่มีเรียนพิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะเดินทางไปหาแฟนที่บ้าน หรือบางทีแฟนผมก็นั่งรถมาหาผมที่กรุงเทพมหานครเช่นกัน ซึ่งบางครั้งที่ผมไปหาแฟนที่บ้าน(ระยอง)ก็จะได้มีโอกาสพบหน้าพ่อและแม่ของแฟน ซึ่งตัวผมเองก็เกรงใจพ่อและแม่ของแฟน พยายามทำตัวไม่ให้ท่านลำบากใจ เคารพและนอบน้อม เหมือนกับท่านเป็นพ่อและแม่ของผมเช่นกัน แต่ตัวผมเองไม่กล้าบอกกับแม่ผมว่าผมมีแฟนแล้ว เนื่องจากแม่หวงผม เคยนะที่บางครั้งพูดถึงแฟนแล้วแม่ งอนผม ส่วนพ่อผมนั้นท่านไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งระหว่างนั้น ผมและแฟน ก็มีหวานบ้าง ทะเลาะกันบ้าง งอนกัน ตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ก่อนจะพูดถึงประเด็นที่ผมไปดูถูกแฟนไว้ ผมขอเท้าความถึงสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมและแฟนทะเลาะกัน คือ ผมไม่มีเวลาให้แฟน อย่างที่ทราบกันดีว่า การเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นอะไรที่เรียนยาก ช่วงก่อนสอบต้องคลุกอยู่แต่ในห้อง รวมตัวกันกับเพื่อนนั่งทำโจทย์โดยใช้เวลาเป็นวัน ๆ ติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้ผมไม่มีอารมณ์แม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับแฟน หรือแม้กระทั้งพ่อกับแม่ตัวเอง ซึ่งบ่อยครั้ง ผมและแฟนจะทะเลาะกันจนเกือบจะเลิกกันในช่วงเวลาที่ผมสอบ Midterm และ Final
*** อ้อ!!! ลืมบอกไปว่า ผมเป็นคนซื่อ เถรตรง โดยนิสัยทำให้พูดอะไรตรง ๆ เวลาทะเลาะกัน ผมจะใจร้อนมาก อารมณ์ฉุนเฉียว บ่อยครั้งที่พูดอะไรไปไม่คิด ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจแฟนผม แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่ใจก็ยังรักแฟน คิดถึงแฟน แต่ไม่ค่อยยอมพูดออกไปให้แฟนได้รับรู้ หรือให้แฟนได้ชื่นใจบ้าง ***
มาถึงประเด็นหัวข้อที่ว่า "ผมรู้สึกผิดที่พูดดูถูกแฟน อยากง้อแฟนให้กลับมาคืนดี"
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่าน โดยปกติจะเป็นช่วงเวลาปิดเทอมของนักศึกษา หรือไม่ ผมก็ควรจะจบการศึกษาแล้ว แต่เนื่องจากผมพลาดการลงทะเบียนเรียนในเทอมแรกของปีสุดท้าย จึงทำให้ผมต้องมาเรียนเก็บในวิชาเลือกเสรีวิชาสุดท้ายในเทอมซัมเมอร์ (ช่วงปิดเทอมรับ Asean หรือ AEC) โดยระยะเวลาที่เรียนซัมเมอร์ คือ 21 เมษายนไปจนถึง 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาผมยังคงไปมาหาสู่กันที่บ้านแฟน(ระยอง) หรือไม่แฟนก็ขึ้นมาหาผมที่กรุงเทพหมานคร และไม่นานมานี้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวกันที่ชะอำ ได้เที่ยวในที่ต่าง ๆ ไปสวนน้ำ Santorini Water Fantasy ความสุขในวันนั้นผมยังไม่ลืมเลย เราทั้งคู่มีความสุขผมรู้สึกได้ และในวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของแฟนผม ผมเองก็ได้เดินทางไปบ้านแฟน ได้อยู่กับแฟน พาไปไหว้พระ พาไปว่ายน้ำ พาไปขับรถเล่นที่สัตหีบ(สัตหีบเป็นบ้านเกิดผม) ซึ่งบางครั้งก่อนขับรถกลับบ้านแฟน ก็เคยขับผ่านบ้านผม เพื่อให้แฟนผมได้รู้ว่าบ้านผมอยู่ตรงนี้นะ สักวันจะพามาทำความรู้จักกับพ่อและแม่
ระหว่างที่ผมเรียนซัมเมอร์ ส่วนแฟนผมทำงาน ก็ยังคงติดต่อกันปกติ ตัวผมเองเครียด อยากเรียนจบไว ๆ อยากอยู่กับแฟนไว ๆ อย่างน้อย เมื่อผมเรียนจบ ผมสามารถที่ใช้ความกล้าเพื่อเค้าไปพูดกับแม่ของผมว่า ผมมีแฟนแล้วนะ ผมอยากพามาแนะนำให้แม่ได้รู้จัก นั้นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ผมไม่เคยบอกกับแฟนผมเลย ว่าผมคิดอะไร จนเมื่อไม่นานมานี้ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นวัน พฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากแฟนผมเลิกงานแล้ว ได้โทรมาบอกผมว่าจะไปดูหนังในช่วงค่ำ ๆ นะ ตัวผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร คิดว่าคงไปดูหนังกับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ เมื่อผมเลิกเรียนกลับบ้าน แฟนก็ส่งข้อความมาว่า หนังฉายแล้ว อีก 2 ชั่วโมงครึ่ง หนังจบจะทักมา เมื่อถึงเวลาหนังจบ แฟนผมก็ทักมาว่า กำลังจะกลับบ้าน เมื่อแฟนผมกลับถึงบ้านก็บอกผมว่า มีอะไรจะสารภาพ และก็บอกกับผมว่า "เค้าไปดูหนังกับเพื่อนผู้ชายคนนึง" (เพื่อนผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ผมบอกได้เลยว่าไม่ชอบหน้ามาตั้งแต่สมัยเรียน ม. ต้น ม. ปลาย แต่เคยเป็นเพื่อนสมัยประถมกับแฟนผม) เมื่อผมได้ยิน ผมช็อค!!! พยายามถามแฟนกลับไปว่า จริงรึป่าว ทดสอบผมรึป่าว ณ ตอนนั้น นาทีนั้น ผมยังไม่โกรธแฟนผม ผมแค่ช็อค เพราะไม่คิดว่าจะไปกับเพื่อนผู้ชายกัน 2 คน แฟนผมก็ย้ำว่าไม่มีอะไรเกินเลย นอกจากไปดูหนังด้วยกัน ไม่ได้จับมือ และก็บอกว่าขณะที่นั่งดูอยู่ ก็คิดว่าอยากให้เป็นผมด้วยซ้ำที่ไปนั่งอยู่ตรงนั้น เป็นเพราะผมไม่มีเวลาให้ ดูแลเอาใส่ใจไม่พอ ผมเสียใจ
ในวันนั้นช่วงเวลาก่อนนอนผมได้โทรศัพท์กับแฟนผมปกติ แต่ความที่ว่า ผมชอบเก็บเอามาคิด คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ผมเครียด ทำให้ผมเริ่มทะเลาะกับแฟน หลายวันต่อจากนั้น ผมเริ่มเครียดมากขึ้น เริ่มระแวง เริ่มกังวล เพราะก่อนหน้านี้ ในวันคล้ายวันเกิดของแฟนผม แฟนได้เล่าว่าคุยกับเพื่อนผู้ชายคนนี้อยู่ คุยกันแบบเพื่อน ด้วยความไว้ใจ ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร ผมไว้ใจแฟนผมมาก ๆ ขนาดที่ว่าแฟนผมไปไหนมา แล้วเพิ่งมาบอกผมทีหลัง ผมก็ไม่ว่า ไม่โกรธ ผมไว้ใจแฟนผม แต่ผมไม่ไว้ใจเพื่อนผู้ชาย แต่ผมไม่ทราบว่า ทำไมผมถึงเอาเรื่องที่แฟนผมไปดูหนังกับผู้ชายคนนี้มาคิดจนเกิดการทะเลาะกัน เป็นใหญ่เป็นโต ขนาดผมต้องเข้ามาหาใน Google ว่าอาการของคนนอกใจเป็นยังไง จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน ผมก็ทะเลาะกับแฟนผมอีกครั้งหนึ่งเรื่องเดิม เราสองคนทะเลาะหนักขึ้น ผมจึงหลุดปากพูดในสิ่งที่ผมไม่ควรพูดที่สุดในชีวิตออกไป (ขอเท้าความว่า ช่วงไม่นานมานี้ แฟนผมมักจะสะดุ้งตื่นช่วงเช้ามืด ตี 4 ตี 5 โดยไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งในสิ่งที่ผมไปค้นดูใน Google ว่าอาการของคนนอกใจเป็นยังไง จนผมเก็บเอามาคิดให้เครียด) นั้นก็คือ "ที่สะดุ้งตื่นมาตอนเช้ามืด ตี 4 ตี 5 อ่ะ เพราะตกใจ ว่าตัวเองไม่แน่ใจใช่ไหมว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงใคร" ผมสาบานได้ ว่าขณะที่พูด ผมอารมณ์ฉุนเฉียว รู้ตัวอีกทีก็คือวันรุ่งขึ้น ว่าผมพูดอะไรออกไป ผมเสียใจจริง ๆ ผมรู้สึกผิดมาก ๆ
ต่อมาอีก 2 วัน เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม ช่วง เย็นประมาณ 19.20 น ผมนั่งรถไปหาแฟนที่บ้าน(ระยอง) เพื่อจะไปขอโทษ เพื่อจะไปง้อ โดยไม่ได้บอกว่าจะไป และก็ได้ซื้อของขวัญติดไม้ติดมือเพื่อที่จะขอโทษ ผมตั้งใจไปขอโทษจริง ๆ ผมถึงบ้านแฟนเวลา 21.40 น หยุดยืนอยู่หน้าบ้าน และโทรหา เพื่อจะบอกว่า ผมยืนอยู่หน้าบ้านนะ ตั้งใจมาขอโทษ จนได้เข้าไปนั่งในบ้าน ปรากฎว่าแฟนผมอยู่ในสภาพที่เมามาก ๆ ได้กลิ่นเหล้าชัดเจน ผมใจสลาย เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่ผมพูดไป ทำให้แฟนผมเป็นแบบนี้ ในคืนนั้นแฟนผมลุกมาอ๊วกทั้งคืน ผมเองก็ดูแลแฟนทั้งคืน คิดในใจว่า ถ้าแฟนผมยังไม่ดีขึ้น ผมก็จะไม่ขอนอนในคืนนั้น จะดูแลแฟนตลอดทั้งคืน ผมพยุงตัวแฟนผมไปอ๊วกในห้องน้ำ และลูบหลังไปด้วย ตลอดเวลาที่ลูบหลังให้ แฟนผม ปัดไม้ปัดมือผม ไม่อยากให้ผมโดนตัว แต่ด้วยความเป็นห่วง ผมยังคงดูแลแฟนผมตลอดทั้งคืน คอยหาน้ำให้ดื่ม คอยนำผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้า ตามแขน และขา ตลอดคืนนั้น ผมสำนึกเสียใจเป็นที่สุด ผมรู้สึกผิด และสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้แฟนผมเสียใจอีกแล้ว เพราะคำพูดของผมแค่คำเดียว ถึงทำให้แฟนผมกลายเป็นสภาพแบบนี้ ผมดูแลแฟนผมจนกระทั้ง เธอดีขึ้น และหลับไปในที่สุด แต่ผมยังคง หลับ ๆ ตื่น ๆ เพื่อที่จะคอยดูแล หยิบนู้นหยิบนี่ได้ทัน เมื่อแฟนผมต้องการอะไรขึ้นมา ผมให้เธอนอนบนโซฟา ห้องรับแขก และผมนั่งอยู่กับพื้นคอยกุมมือเธอเอาไว้ทั้งคืนผมร้องไห้เสียใจ สำนึกผิดตลอดเวลา
วันรุ่งขึ้นเธอลางาน นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในช่วงกลางวันขณะที่เธอพักผ่อน ผมก็แอบเขียนข้อความลงให้กระดาษ A4 หนึ่งแผ่นเพื่อพูดความในใจ เนื่องจากผมไม่รู้จะหาโอกาสได้เมื่อไร ที่จะพูดขอโทษด้วยความจริงใจต่อหน้าเธอ
"ยกโทษให้เค้านะ"
" ขอโทษ...อย่าโกรธ...เลยคนดี
ตัวฉันนี้...ยอมรับ...ว่าทำผิด
ที่ผ่านมา...พูดไป...โดยไม่คิด
ทำร้ายจิต...ใจคุณ...ไม่รู้ตัว
ยังหวัง...ให้คุณ...โปรดอภัย
เพราะในใจ...ฉันนี้...ช่างหมองมัว
ไม่โทษใคร...โทษตัวเอง...และหวั่นกลัว
กลัวแสนกลัว...กลัวคุณ...จะห่างไป "
นี่คือเนื้อความส่วนหนึ่ง ที่ผมเขียนลงให้กระดาษ A4 หนึ่งแผ่นเต็ม ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการขอโทษ ความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่พูดออกไป ความสำนึกผิด เมื่อเขียนเสร็จ ผมได้สอดกระดาษแผ่นนั้นไปให้ของขวัญที่ผมซื้อไปให้ เมื่อเธอตื่น ผมจึงได้ยื่นของขวัญให้เมื่อเธอเปิดอ่าน น้ำตาผมก็ไหล มีหลายคำที่อยากจะพูดกับเธอว่าผมเสียใจแค่ไหน แต่ก็พูดไม่ออก เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอส่งยิ้มให้ผม แล้วเรียกผมเค้าไปสวมกอดถึงเธอจะให้อภัยผม แต่ผมก็ไม่อาจจะให้อภัยตัวเอง ผมคิดว่าหลังจากนี้ สถานการณ์ของเราทั้งคู่จะเป็นไปได้ด้วยดี ผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก ผมอยู่กับเธอจนถึงวันที่ 4 กรกฎาคม ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมช่วยพ่อของเธอตัดหญ้า เก็บกวาดใบไม้หน้าบ้าน ช่วยโค่นต้นไม้ตามที่พ่อของเธอต้องการให้ช่วย ผมมีความสุขมาก แต่ก็ยังคงนึกเสียใจตลอดเวลาที่ทำไม่ดีกับเธอลงไป จริง ๆ แล้วผมอยากจะอยู่ต่อเพื่อที่วันที่ 5-6 กรกฎาคม ผมจะได้ไปบ้านยายของแฟนผมที่ตราดด้วย ซึ่งเธอชวนผมไปหลายต่อหลายครั้ง ผมก็ยังไม่ได้ไป แต่ต้องกลับมาทำธุระกับพ่อแม่ผมที่บ้าน
หลังจากนั้นเราคุยกันดีตลอดจนกระทั้ง วันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อแฟนผมกลับจากตราดถึงบ้านที่ระยอง แฟนผมบอกว่า ไม่สามารถลืมคำพูดที่ผมดูถูกเธอได้ แล้วไม่อยากจะคุยกับผมอีก ขออยู่กับตัวเอง ไม่แม้กระทั้งจะรับโทรศัพท์ผม ไม่แม้กระทั้งที่อยากจะได้ยินเสียงผม ไม่แม้กระทั้งจะแชท หรือ ส่งข้อความหาผมก่อน ผมก็พยายามส่งข้อความไปง้อ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอรู้ว่าผมสำนึกผิดแค่ไหน ผมรู้สึกผิดแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ไหน ไม่อยากคุยกับผมสักแค่ไหน ผมก็จะรอ รอ รอ รอ.... ผมรักเธอมาก ผมรู้ว่าผมทำตัวแย่แค่ไหน ผมไม่โกรธที่เธอจะไปจากผม ผมโกรธตัวผมเอง ผมตั้งใจจะง้อเธอต่อไป แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ผมเกรงว่าถ้าผมไปหาเธอที่บ้าน เธอจะไม่ยอมพบหน้า ผมคิดแม้กระทั้ง อยากที่จะไปนั่งรอเธอที่ทำงาน อยากไปขอขมาพ่อแม่ของเธอที่พูดจาดูถูกเธอ แต่ผมกลัวเธอจะไม่พอใจ เธอบอกว่าอย่าเพิ่งไปยุ่งกับเธอ ยิ่งถ้าผมตามตื้อเธอ เธอจะยิ่งหงุดหงิดไหม ผมร้องไห้ทุกวันเสียใจกับการกระทำของตัวเอง ผมรู้ว่าไม่มีใครช่วยผมได้ นอกจากตัวเอง
ผมจึงไคร่ขอความกรุณาให้คำปรึกษากับผมด้วยนะครับ ผมรักเธอมาก
ขอบพระคุณอย่างสูงครับ