จากข่าวน้องแก้มสุดสลดคุณคิดยังไงกับการรถไฟแห่งประเทศไทย?

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 7 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ร.ต.ท.ยุธพันธุ์ คำแก้ว พนักงานสอบสวน สน.นพวงศ์ รับแจ้งความจาก นางลักขณา (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ว่า ด.ญ.กชกร หรือน้องแก้ม อายุ 13 ปี ลูกสาวหายตัวไปจากตู้นอนพัดลมชั้น 2 ตู้ที่ 3 ขบวนรถเร็วที่ 174 (ขาขึ้น) สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ ขณะเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ โดยเดินทางพร้อมพี่สาว และน้องหลังไปเยี่ยมยายที่จ.สุราษฎร์ธานี



สอบถามทราบว่า น้องแก้ม เป็นนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนชื่อดังในจ.นนทบุรี ก่อนเกิดเหตุเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติที่ จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยการโดยสารรถไฟตู้นอน ออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00 น.   วันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับพี่สาวและเพื่อนชายของพี่สาว


ต่อมาโบกี้รถไฟที่น้องแก้มโดยสารอยู่เกิดไฟฟ้าดับอยู่เพียงโบกี้เดียวจากนั้นพี่สาวก็ได้ตื่นขึ้นมาช่วงเข้าเขตจ.ราชบุรีก็ไม่พบน้องสาวแล้ว แต่พบร่องรอยการต่อสู้ ปลอกหมอนถูกดึง และผ้าห่มหายไป จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ โดยคาดว่าช่วงที่น้องแก้มหายตัวไป และขาดการติดต่อน่าจะอยู่ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์


ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่าหลังจากขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหัวลำโพง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เข้าค้นขบวนรถทุกโบกี้ แต่ก็ไม่พบร่องรอย จึงได้ประสานกับตำรวจท้องที่ภาค 7 และ 8 และตำรวจสวัสดิภาพเด็กและสตรี ลงพื้นที่ในจุดที่คาดว่าเด็กหายไป เพื่อติดตามหาตัว พร้อมกับควบคุมตัวพนักงานรถไฟ 3 คน ไปสอบสวน หลังพบว่าเข้าเวรในช่วงเวลาที่น้องแก้มหายตัวไป และหนึ่งในนั้นพบมีรอยขีดข่วนบนร่างกาย เบื้องต้นเจ้าตัวยังปฏิเสธ โดยอ้างว่าบาดแผลเกิดจากการขนสินค้าขึ้นขบวนรถไฟ


น.ส.กนลา พี่สาวของน้องแก้ม เผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนและเพื่อนชายพาน้องสาว 2 คน คือน้องแก้ม อายุ 13 ปี และน้องเชียร์ อายุ 10 ขวบ ขึ้นรถไฟนอนชั้น 2 ขบวนที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพมหานคร จากสถานีพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี กลับมายังกรุงเทพฯ โดยน้องแก้มนอนเตียงล่าง กระทั่งเวลา 02.00 น. ตนหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีตอน 04.30 น. ถึงสถานีนครปฐม ตนจึงลุกไปปลุกน้องแก้ม แต่กลับหาน้องไม่เจอ มาพบว่าที่นอนถูกรื้อค้นและผ้าปูที่นอนพร้อมเป้หายไป จึงแจ้งให้     เจ้าหน้าที่รถไฟช่วยตามหา จนถึงสถานีบางซื่อก็ยังไม่พบ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สน.นพวงศ์ ทั้งนี้ระหว่างที่โดยสารรถไฟ มีพนักงานรถไฟชอบมองหน้าน้องแก้มตลอด และทำทีลืมหมวกไว้บนที่นอนของน้อง ซึ่งได้กลิ่นสุราจากพนักงานคนดังกล่าวด้วย


นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าฯ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือรฟท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตามหาตัวน้องแก้ม ด.ญ.วัย 13 ปี ที่หายตัวปริศนาไปบนขบวนรถไฟสายสุราษฎร์ธานี-กทม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า รฟท.ไม่ได้นิ่งนอนใจโดยประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นหาอย่างเต็มที่ โดยสั่งเจ้าหน้าที่รถไฟนำรถออกตรวจสอบตามหาตลอดบริเวณข้างทางรถไฟวิ่งผ่าน รวมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี ทุกสถานีที่ขบวนรถดังกล่าวผ่าน แต่ก็ยังไม่พบ


นายประภัสร์กล่าวว่า จากการสอบถามญาติและรวบรวมข้อมูลในที่เกิดเหตุ ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าน้องแก้มอาจหายตัวไปในเขต จ.เพชรบุรี ช่วงเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. ของวันที่ 6 ก.ค. รฟท.ขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากใครพบเห็นและสามารถชี้เบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับน้องแก้มได้ รฟท.ตั้งรางวัลในการชี้เบาะแส 50,000 บาท ส่วนรายละเอียดด้านการสืบสวนสอบสวนคงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนนั้นส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานบนรถขบวนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด


นายประภัสร์กล่าวว่า รฟท.จะเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารบนขบวนรถไฟให้มากขึ้น โดยได้สั่งการให้เร่งติดตั้งซีซีทีวีภายในขบวนรถไฟด้วย นอกเหนือไปจากบริเวณตัวสถานี เพื่อเฝ้าระวังการก่อปัญหาอาชญากรรมบนรถ รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมหากเกิดคดีขึ้นบนรถ เบื้องต้นจะไม่ตั้งของบฯจากกระทรวงคมนาคมเพราะต้องใช้เวลาพิจารณานานมาก จะใช้เงินของรถไฟเองไปก่อน ส่วนในระยะยาวขบวนรถใหม่ทุกคันที่รฟท.กำลังจะสั่งซื้อจำเป็นต้องมีระบบซีซีทีวีที่ทันสมัยทุกขบวน  


นายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ รฟท. กล่าวว่า ปีนี้รฟท.จะเร่งดำเนินการติดตั้งซีซีทีวีทั้งภายในและภายนอกขบวนรถไฟ ชนิดรถด่วน และรถเร็ว จำนวน 50-60 ขบวน โดยจะติดตั้งเฉลี่ยขบวนละ 10 ตัว เนื่องจากเป็นรถไฟประเภทที่ผู้โดยสารใช้โดยสารในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นเวลาการนอนหลับพักผ่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรฟท. ได้ดำเนินการติดตั้งซีซีทีวีบนขบวนรถไฟ   ท้องถิ่นในเส้นทาง 3 จังหวัดภาคใต้แล้วจำนวน 5 ขบวน เฉลี่ยขบวนละ 10 ตัว ซึ่งใช้เงินในการดำเนินการประมาณ 100 ล้านบาท  


นายทนงศักดิ์กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวเจ้าหน้าที่ประจำรถ 5 คนไปสอบสวน ประกอบด้วยพนักงานรถนอนชาย ที่ทำหน้าที่ปูเตียง 3 คน เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วชาย 1 คน และพนักงานทำความสะอาดชาย ซึ่งเป็นพนักงานจากบริษัทภายในนอกที่รฟท.จัดจ้างเข้ามาดำเนินงานจำนวน 1 คน ซึ่งภายหลังการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวพนักงานรถนอนไป 1 คน เพราะมีหลักฐานชี้ชัดว่าพนักงานดังกล่าวไม่ได้อยู่บนรถที่เกิดเหตุ รวมทั้งยังอยู่ระหว่างพักผ่อนอยู่ ส่วนพนักงานที่เหลืออีก 4 คน ส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ทราบว่าจากการตรวจร่างกายพนักงานทำความสะอาดพบว่ามีร่องรอยขีดข่วนแต่ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร  

“ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์สูญหายในลักษณะดังกล่าวมาก่อน จะเคยมีก็กรณีผู้โดยสารไปนั่งหรือไปยืนสูบบุหรี่บริเวณรอยต่อขบวน เมื่อขบวนรถมีเหวี่ยงตัวก็ทำให้  ผู้โดยสารพลัดตกไปข้างทาง ซึ่งสามารถหาเจอทุกครั้ง ส่วนมากพบว่าตกอยู่บริเวณข้างทางรถไฟ แต่ครั้งนี้กลับเป็นการหายตัวไปบนขบวนรถ” นายทนงศักดิ์กล่าว


พล.ต.ต.ธนังค์ บุรานนท์ ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ แต่งตั้ง พ.ต.อ.วิเศษ เกตุพันธ์ รอง ผบก.รฟ. เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน และส่งตำรวจเข้าพื้นที่ค้นหาตั้งแต่สถานีรถไฟนครปฐม ไปจนถึงสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ และขอความร่วมมือไปยัง ตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมค้นหาด้วย เบื้องต้นสั่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากสถานีรถไฟทุกสถานีจากสถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ ถึงสถานีรถไฟราชบุรีที่รถขบวนนี้จอด (ประจวบคีรีขันธ์ วังก์พง หัวหิน เพชรบุรี ราชบุรี) ยังไม่พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏภาพเด็กที่หายไป อีกทั้งนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกค้นหาในพื้นที่ของทุกสถานี และตามรายทาง ในส่วนของการรถไฟฯ มอบฝ่ายการช่างโยธา ให้นายตรวจทางนำรถตรวจทางออกตรวจพื้นที่ตามเส้นทางรถไฟตั้งแต่สถานีรถไฟวังก์พง จนถึงสถานีรถไฟราชบุรี หากเกิดเหตุเด็กพลัดตกรถไฟ ทั้งสองข้างทางรถไฟ คลอง หรือคูน้ำ แต่ก็ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะพบ และยังไม่ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลว่ามี ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการพลัดตกรถไฟ


พล.ต.ต.ธนังค์กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยเป็นลูกจ้างชั่วคราวของการรถไฟ ทั้ง 4 ราย ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ประสานขอข้อมูลรายชื่อผู้ที่โดยสารมาในโบกี้รถไฟขบวนดังกล่าว เพื่อหาเบาะเพิ่มเติม ส่วนกล้องวงจรปิดขณะนี้ตำรวจในพื้นที่กำลังตรวจสอบ ตั้งแต่สถานีบางสะพาน ตลอดจนสถานีราชบุรี


นายประสงค์ โกมุก นายสถานีรถไฟหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่นำรถยนต์ราง หรือ รถตรวจสภาพราง ตรวจในเส้นทางเขตรับผิดชอบ ตั้งแต่สถานีวังก์พง อ.ปราณบุรี จนถึงสิ้นสุดเขตของสถานีหัวหิน ซึ่งยังไม่พบสิ่งผิดปกติ และตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟหัวหิน 10 จุด พบว่าในวันเกิดเหตุขบวนรถที่ 174 มาถึงสถานีหัวหิน ประมาณเวลา 01.07 น. ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ มีผู้โดยสารขึ้น-ลงตามปกติ ประมาณ 10 กว่าคนเท่านั้น โดยเฉพาะตู้นอนที่ 3 ซึ่งตามข่าวระบุว่าน้องแก้มโดยสารมา ไม่พบว่ามีผู้โดยสารลงจากขบวนรถ ทั้งนี้ขบวนรถที่น้องแก้มโดยสารมา เป็นขบวนรถเร็ว จะจอดที่สถานหลักของจ.ประจวบคีรีขันธ์ คือบ้านกรูด ทับสะแก เมืองประจวบ วังก์พง และหัวหิน เท่านั้น จากนั้นจะไปจอดที่สถานีเมืองเพชรบุรี ส่วนตู้นอน ในเวลากลางคืนหลังเวลา 22.00 น. จะมีเจ้าหน้าที่ประจำตู้นอน หากมีการเข้า-ออก จนท.จะเห็น


นายสถานีรถไฟหัวหินกล่าวอีกว่า กรณีที่ผู้โดยสารตกพลัดตกรถไฟ จะมีผู้พบเห็นทั้งผู้โดยสารในขบวนรถเดียวกัน พนักงานขับรถไฟขบวนที่ตามหลังมา รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยในใกล้เขตราง ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน นอกจากนี้ในเขตรางตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ถึงหัวหินระยะทางกว่า 100 กิโลเมตร มีการทำรั้วกั้น ดังนั้นจะไม่มีสิ่งบดบัง หากมีผู้โดยสารตกรางจะพบเห็นร่างได้ง่าย   


ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.วุฒิเทพ เพ็ญแสง สารวัตรสถานีรถไฟหัวหิน พร้อมร.ต.ต.ปรัชญา เศรษฐ์พงศกร รองสารวัตรสถานีรถไฟหัวหิน นำกำลังลงพื้นที่เขตติดต่ออ.หัวหิน กับบริเวณค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากตรวจพบว่าเป็นจุดสุดท้ายที่ สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ของน้องแก้มหายไป


พ.ต.ท.วุฒิเทพเผยว่าจากการตรวจสอบพบว่าจุดสัญญาณมือถือที่หายไปจุดสุดท้ายคือบริเวณค่ายพระรามหกอ.ชะอำพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางขบวนรถไฟแล้ว ล่าสุดตรวจสอบที่ร้านอาหารตามสั่ง ตรงซอยท่ารถทัวร์ ริมชายหาดชะอำ อ.ชะอำ ซึ่งเจ้าของร้านอาหาร ยืนยันหลังดูภาพถ่ายน้องแก้ม ว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ก.ค. พบเด็กหน้าตาคล้ายน้องแก้มสะพายกระเป๋ามาพร้อมกับผู้ชาย ผิวดำ ผมยาว สูงประมาณ 165 เซนติเมตร โดยทั้งคู่เข้ามาสั่งอาหารรับประทาน โดยไม่มีท่าทีผิดปกติ เหมือนเพื่อนมาด้วยกัน ไม่ได้ทะเลาะ หรือมีท่าทีหวาดกลัวใดๆ จึงไม่ได้สงสัย จากนั้นก็เดินทางออกไปโดยไม่ทราบเส้นทาง


“สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเอกซเรย์บ้านพักเกสต์เฮาส์และจุดท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงตลอดแนวชายหาดชะอำรวมทั้งร้านสะดวกซื้อต่างๆ เพื่อตรวจดูกล้องวงจรปิด ค้นหาน้องแก้มแล้ว แต่ด้วยชาดหาดชะอำมีที่พักขนาดใหญ่และเล็กจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลา แต่ทั้งนี้น้องแก้มก็อาจไม่ได้พักที่ชายหาดชะอำก็ได้ แต่อาจเดินทางต่อไปที่ใดที่หนึ่ง” พ.ต.ท.วุฒิเทพกล่าว


ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. ที่ สน.นพวงศ์    ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ญาติของน้องแก้ม ยังคงรอฟังข่าว จนกระทั่งเวลา 18.30 น. ขณะที่ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" กำลังสัมภาษณ์น.ส.กนลา พี่สาวน้องแก้มอยู่นั้น ปรากฏว่า น้าสาวซึ่งอยู่ที่หัวหินส่งรูปเข้ามาในโทรศัพท์ของพี่สาวผู้เสียหาย โดยในรูประบุเสื้อสีฟ้าปนคราบเลือด พร้อมทั้งของใช้บางส่วนที่น้องใส่ในวันเกิดเหตุเป็นครั้งสุดท้าย โดยญาติทั้งหมดยืนยันว่าเป็นของน้องแก้มจริง จนแม่ของน้องผู้เสียหายร้องไห้แทบขาดใจ ทางเจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้ามาปลอบใจก่อนเตือนสติให้ทำใจเย็นๆ เนื่องจากยังไม่สามารถระบุยืนยันได้ว่าน้องเสียชีวิตจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวน.ส.กนลา เข้าห้องสืบสวนเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป


ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ช่วงค่ำเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟหัวหินเดินทางไปรับวัตถุพยานที่น่าจะเกี่ยวพันกับคดีนี้ เบื้องต้นรับรายงานว่าเป็นผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนเปื้อนเลือด ซึ่งจะนำส่งกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบต่อไป


พ.ต.ท.วุฒิเทพ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เป็นไปได้มากว่าคนที่คล้ายน้องแก้มที่ชะอำ จะไม่ใช่น้องแก้มที่หายไป เพราะเมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณร้านขายอาหารดังกล่าว ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นน้องแก้ม เพราะคลาดเคลื่อนเรื่องเวลา รูปพรรณสัณฐาน ซึ่งก็จะต้องตรวจสอบข้อมูลต่อไป ล่าสุดจากการค้นหากว่า 4 ชั่วโมง ตั้งแต่หัวหิน-สามร้อยยอดพบผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนของการรถไฟเปื้อนเลือดริมทางรถไฟ เสื้อ-กางเกง รวม 4 ชิ้น ระหว่างช่วงบ้านหนองแก ไปยังบ้านเขาเต่า อ.หัวหิน ซึ่งจะนำส่งพิสูจน์ดีเอ็นเอ ว่าใช่ของน้องแก้มหรือไม่


เวลาประมาณ 23.35 น. วันที่ 7 ก.ค. รายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดีเผย "ข่าวสด" ว่า นายวันชัย หรือเจมส์ แส
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
พนักงานก็เป็นคนที่การรถไฟควรจะสกรีนประวัติให้ดีก่อนรับขึ้นมาทำงาน  เหตุก็เกิดบนรถไฟ จะบอกว่าไม่เกี่ยวไม่ได้. ดูอย่างเกาหลีเรือควำ่. ทั้งกัปตันและเจ้าของเรือผิดเต็มๆ!!!

อ่านข่าวยิ่งงง. ผู้ต้องหาเสพยาบ้านั่งกินเหล้าบนรถไฟ!!!
ทำไมพนง.รถไฟถึงรวมตัวนั่งกินเหล้าได้ขณะปฏิบัติงาน
ตำรวจรถไฟก็มี ไม่แน่ใจว่ามีมาตรการในการตรวจตราอย่างไรบ้าง

ที่บอกว่าติดตั้งcctvก็เป็นสิ่งที่ดี. เพราะดูว่ารฟท.มีการดำเนินการกับปัญหาที่เกิดขึ้น  แต่อยากให้จริงจัง.  ไม่ใช่เสียเงินไปหลายล้านใช้งานจริงไม่ได้. เราว่าควรมีปุ่มฉุกเฉินเพื่อหยุดขบวนรถอัตโนมัติได้ตามห้องผู้โดยสารและประชาสัมพันธ์โดยประกาศหรือสาธิตเหมือนตอนนั่งเครื่องว่าถ้าเกิดเหตุคารทำอย่างไรแจ้งใคร

ก่อนขึ้นรถไฟควรมีการสแกนหรือตรวจสัมภาระเหมือนขึ้นเครื่อง.  อย่างน้อยจะได้สรีนพวกยาเสพติดและอาวุธต่างๆได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่