อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกันเช่นนี้ มีความแตกต่างกันเช่นนี้

[๕๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคล ๓ จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก  ๓ จำพวกเป็นไฉน คือ


๑. บุคคลบางคนในโลกนี้ บรรลุอากาสานัญจายตนฌานอยู่  โดยบริกรรมว่า อากาศไม่มีที่สุด
เพราะล่วงรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะถึงความสิ้นไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ใส่ใจถึงนานัตตสัญญา
เขาย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนาฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น
เขาตั้งอยู่ในฌานนั้น น้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌานนั้น
ทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นอากาสานัญจายตนะ มีอายุประมาณสองหมื่นกัป  
ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว
ไปสู่นรกก็มี ไปสู่กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี

......ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นอากาสานัญจายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ
ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นเอง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกันเช่นนี้ มีความแตกต่างกันเช่นนี้
มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆ กันเช่นนี้ ในเมื่อคติและอุบัติยังมีอยู่




๒. อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้  ก้าวล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประกายทั้งปวง
บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน โดยบริกรรมว่า วิญญาณไม่มีที่สุด
เขาย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนาฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น เขาดำรงอยู่ในฌานนั้น
น้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌานนั้น
ทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นวิญญาณัญจายตนะมีอายุประมาณสี่หมื่นกัป
ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นวิญญาณัญจายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ  ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว
ไปสู่นรกก็มี ไปสู่กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี

......ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นวิญญาณัญจายตนะตราบเท่าสิ้นอายุ
ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว  ปรินิพพานในภพนั้นเอง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกันเช่นนี้ มีความแตกต่างกันเช่นนี้
มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆ กันเช่นนี้ ในเมื่อคติและอุบัติยังมีอยู่



๓. อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ ก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง
บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน โดยบริกรรมว่า ไม่มีอะไร
เขาย่อมชอบใจฌานนั้น ปรารถนาฌานนั้น และถึงความยินดีด้วยฌานนั้น เขาดำรงอยู่ในฌานนั้น
น้อมใจไปในฌานนั้น มากด้วยฌานนั้นอยู่ ไม่เสื่อมจากฌานนั้น
ทำกาละ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เทวดาพวกที่เข้าถึงชั้นอากิญจัญญายตนะมีอายุประมาณหกหมื่นกัป
ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ  ยังประมาณอายุของเทวดาพวกนั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว
ไปสู่นรกก็มี ไปสู่กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี ไปสู่ปิตติวิสัยก็มี

.....ส่วนสาวกของพระผู้มีพระภาค ดำรงอยู่ในชั้นอากิญจัญญายตนะนั้นตราบเท่าสิ้นอายุ
ยังประมาณอายุของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปจนหมดแล้ว ปรินิพพานในภพนั้นเอง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อริยสาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้มิได้สดับ มีความแปลกกันเช่นนี้
มีความแตกต่างกันเช่นนี้ มีเหตุเป็นเครื่องทำต่างๆ กันเช่นนี้ ในเมื่อคติและอุบัติยังมีอยู่



ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคล ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ



---------------

อเนญชสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๗๐๐๘ - ๗๐๔๙. หน้าที่ ๓๐๐ - ๓๐๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=7008&Z=7049&pagebreak=0              
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=556
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่