<<กระทู้มุ๊งมิ๊งฟรุ้งฟริ้งอวยนักบอล>> อยากเล่าเรื่องความเป็นพระเอกของ มานูเอล นอยเออร์

ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ารอบนี้เอาชนะฝรั่งเศสได้จะขอเปิดกระทู้สรรเสริญเธอซักหนึ่งกระทู้ >w< แต่เนื่องจากกระทู้นี้เป็นผู้หญิงเขียนนะคะ เนื้อหามันจะมุ๊งมิ๊งฟรุ๊งฟริ๊งกุ๊งกิ๊งเล็กน้อย เน้นนักบอล ไม่เน้นบอล อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับคนที่สนใจเน้นวิเคราะห์บอลเท่าไหร่ ก็ผ่านๆมันไปซะเถอะนะคะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรารู้จักมานูเอล นอยเออร์เป็นครั้งแรกก็จากแมตช์ชาลเก้เจอกับแฟรงค์เฟิร์ต ปี 2011 ชาลเก้ชนะไป 2-1

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แต่ที่รู้จักเนี่ยไม่ใช่เป็นแฟนบอลมาก่อนหรือว่าอะไรทั้งสิ้น เป็นเพราะแมตช์ชาลเก้ กับ แฟรงค์เฟิร์ต แข่งวันที่ 12 มีนา 2011 ซึ่งเป็นวันที่เพิ่งผ่านแผ่นดินไหวใหญ่โทโฮขุไปเพียง 1 วัน ทั้งประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกได้ว่า มีแต่ความหดหู่และเศร้าเสียใจ จนได้เห็นข่าวทีมชาติญี่ปุ่น อุจจี้ อุจิดะ อัตสึโตะที่ไปเล่นที่ลีคต่างชาติอย่างบุนเดสลีก้า เขียนเสื้อให้กำลังใจผู้ประสบภัย(นอกจากอุจจี้ก็ยังมีนากาโทโมะแล้วก็โอกาซากิด้วย แต่เราจำอุจจี้ได้ชัดเจนที่สุด)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถ้าตอนนี้อยู่ๆมาดูคลิปก็อาจจะเฉยๆ แต่สำหรับเราที่อยู่ที่ญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ดูข่าวแล้วร้องไห้แบบหยุดไม่ได้เลย ในวันนั้นคนที่ไปดึงอุจจี้ พาไปยืนต่อหน้าแฟนๆ แล้วก็ยืนอยู่ข้างอุจจี้ก็คือกัปตันของชาลเก้ในปีนั้น มานูเอล นอยเออร์! เข้าไปดูข่าวในยูทูป แฟนที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็ประทับใจกับความเป็นสุภาพบุรุษของนอยเออร์มาก


ตอนแรกเราก็คิดว่าเรื่องมันมีแค่นั้นแหละ คือแข่งบอลชนะ แล้วก็ใส่เสื้อที่เขียนเมสเสจเฉยๆ แต่เรื่องในวันนั้น อุจจี้มาให้รายละเอียดทีหลังว่า จริงๆเจ้าตัวเขียนเสื้อไว้แล้วแต่ไม่แน่ใจว่าจะเอาออกมาดีมั้ย แล้วนอยเออร์มาเห็นเข้าพอดีตอนอยู่ในรถบัส ก็เลยถามว่า "นั่นเป็นเมสเสจที่นายเขียนให้ญี่ปุ่นหรอ จะใส่ออกกล้องใช่มั้ย" อุจจี้ยังลังเลอยู่ก็เลยบอกไปว่า "ถ้าชนะก็กะว่าจะใส่ แต่ถ้าไม่ชนะก็ไม่ใส่" นอยเออร์ก็เลยตอบไปว่า "ถ้างั้นเราจะชนะ ฉันจะรักษาประตูให้ได้ เพราะงั้น วันนี้เราจะชนะ"

ผลปรากฏว่าชาลเก้ขึ้นนำก่อน แต่แฟรงค์เฟิร์ตเกิดตีเสมอได้ซะงั้น แล้วก็ยังเสมอกัน1:1ไปถึงช่วงท้ายเกม จนถึงนาทีที่39ครึ่งหลัง นอยเออร์เปิดยาวจากประตูไปเข้าเท้าเพื่อน แล้วก็ทำให้ทำประตูได้ แถมเป็นประตูที่GKเป็นคนแอสซิสต์ด้วย จบเกมชาลเก้ชนะ 2:1 ไปตามที่นอยเออร์สัญญาไว้

แต่อุจจี้ก็ยังลังเลอยู่ดี เพราะเห็นเพื่อนกำลังดีใจอยู่กับกลุ่มแฟนๆ ถึงจะใส่เสื้อแล้วแต่ก็ยังยืนแยกออกมาอยู่ห่างๆ ตอนนั้นนอยเออร์ก็เลยเป็นคนไปดึงอุจจี้มายืนอยู่หน้ากล้องแล้วก็แฟนๆชาลเก้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อันนี้รายการโกอิ้งเมื่อปีที่แล้ว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อันนี้ก่อนเวิร์ลคัพ

กระแสความนิยมนอยเออร์ในญี่ปุ่นนี่บอกได้เลยว่าพุ่งปรี๊ด ฮา ชอบตอนอุจจี้กระโดดกอดนอยเออร์แล้วนอยเออร์หันมากอดตอบมาก ให้ความรู้สึกเหมือนน้องแมวกระโดดเกาะน้องหมาตัวโต>w<

หลังจากนั้นพอกล้องถ่ายแล้ว ภาพตามที่เห็นก็เลยมีการแพร่ภาพที่ต่างประเทศ NHKก็เลยไปเอาภาพจากต่างประเทศมาออกอากาศไปทั่วประเทศ (ช่วงนั้นอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ทุกช่องรับสัญญาณจากNHKไปแพร่ภาพ) แล้วก็เป็นที่ประทับใจมากจนเอาไปทำcmให้กำลังใจ ออกอากาศถี่ๆอยู่ครึ่งปี เราดูจนเป็นแฟนทีมชาลเก้ อุจจี้ และ นอยเออร์ไปโดยปริยาย ฮา พอนอยเออร์ย้ายไปบาเยิร์น เราก็เลยเชียร์ทั้งบาเยิร์นและชาลเก้(แต่ตอนแข่งกันก็จะเชียร์ชาลเก้อ่ะนะ)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

มันเป็นเรื่องที่เหมือนการ์ตูนมากเลย แต่ก็คือเรื่องจริงนะคะ จากปากคำของอุจจี้ ฮา
...ผู้ชายที่ชื่อ มานูเอล นอยเออร์ ถึงจะเหวอบ้าง แอบเกรียนบ้าง เก๊กบ้างไรบ้าง แต่หลายๆอย่างที่เค้าทำ ทำให้รู้สึกว่าเค้าเป็นคนดีมากๆ เป็นสุภาพบุรุษสุดๆ (จริงๆมีอีกหลายเรื่องที่เธอดูพระเอกมาก จากปากคำของอุจจี้ แต่ถ้าเล่าตรงนี้กลัวมันจะวายเกิน ฮา)


อันนี้แถม  จากวันนั้นผ่านมาแล้วสามปี แต่มิตรภาพของนักเตะสองคนที่เราชอบมากยังคงแข็งแรงดี ล่าสุดดูได้จากตอนนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บอลโลก ตอนก่อนแข่งกับแอลจีเรีย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
นักข่าวประเทศอื่นพี่เค้าไม่สนใจเลยค่ะ ฮา

เคยอ่านทวิตนักข่าวญี่ปุ่นคนนึงไปทำข่าวที่บาเยิร์น แบบว่า ตะโกนเรียกทั้ง "นอยเออร์" ทั้ง "มานูเอล" พี่เค้าไม่หัน พอเรียก "นอยเออร์ซัง"เนี่ย หันนะคะ ฮา อยากไปดูบุนเดสซักครั้ง จะลองตะโกนเรียกบ้าง>w<
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่