พอดียังไม่เห็นใครเข้ามาตั้งกระทู้ เลยมาตั้งให้...
http://www.thairath.co.th/content/433936
เปิดใจ 'บก.ลายจุด' ช่วงชีวิตในค่ายทหาร ลั่นหยุดนัดกินแมคฯ
บก.ลายจุด ลั่น จากนี้ไปขอทำตามข้อตกลงศาลทหาร อย่างเคร่งครัด ไม่เคลื่อนไหว ยุยง-ปลุกปั่น หรือ เป็นปรปักษ์กับรัฐเด็ดขาด เผย ระหว่างอยู่ในค่าย ทหารปฏิบัติต่อตนเป็นอย่างดี ให้เกียรติทุกอย่าง ยัน ไม่มีการข่มขู่ทำร้าย รับ ไม่ชอบให้ใช้คำว่า"ปรับทัศนคติ"
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มต้านรัฐประหาร หรือ บก.ลายจุด กล่าวกับ "ไทยรัฐออนไลน์" หลังถูกปล่อยตัวจากการควบคุม ภายใต้กฎอัยหารศึก โดยยอมรับว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตนต้องดำเนินการตามเงื่อนไข ที่ได้ตกลงไว้กับศาลทหาร ซึ่งตนเองถูกฟ้อง ม.116 เรื่องการยุยงปลุกปั่น ดังนั้น จะต้องไม่กระทำผิดในเงื่อนไขเดิม คือ การยุยง ปลุกปั่น ที่ทำให้เกิดการเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ รวมถึงการนัดหมาย เช่น ไปกินแมคโดนัลด์ คงจะไปไม่ได้แล้ว และตนไม่สามารถนัดหมายไปกินอะไรแบบนั้นได้แล้ว
ทั้งนี้ มองว่า การต้านรัฐประหารคงคลายไปแล้ว รวมถึงช่วงเวลาการยึดอำนาจ ได้เลยไปแล้ว และต้องยอมรับว่า คสช. ได้ทำการยึดอำนาจสำเร็จแล้ว ขณะนี้ต้องมองไปข้างหน้าว่า กระบวนการฟื้นฟูประชาธิปไตย จะทำอย่างไร หรือ จะผ่อนคลายบรรยากาศที่ผ่านมาได้อย่างไร พร้อมช่วยประคับประคองให้ประชาธิปไตยเดินหน้า ฟื้นฟูให้ราบรื่นได้อย่างไร และช่วยกันสร้างบรรยากาศของประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้ง คสช. และประชาชนทั่วไป ต้องช่วยประคับประคอง หาจุดที่ดีที่สุดร่วมกัน ส่วนตนคงจะไม่ย้อนกลับไปพูดคุยและไม่กลับไปต้านรัฐประหารอีก เนื่องจากตนเลยจุดนั้นมาแล้ว
นายสมบัติ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องปรับทัศนคติที่หลายฝ่ายพูดถึง สำหรับส่วนตัวตนเองแล้ว ยอมรับว่า ไม่ชอบใช้คำนี้สักเท่าใดนัก แต่ยอมรับว่า ช่วงนิ่งๆ และมีโอกาสได้พูดคุยกันในค่ายทหาร ร่วมกับนายทหารใหญ่ๆ หลายท่าน นับเป็นเป็นบรรยากาศที่ดี ได้พูดคุยกันแบบผู้ใหญ่ ไม่มีการข่มขู่ หรือแตะเนื้อต้องตัวแต่อย่างใด เป็นการเปิดใจคุยกันเพื่อเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ แม้อีกฝ่ายอาจจะเรียกว่า"ปรับทัศนคติ"แต่สำหรับตนยอมรับว่าวิธีการดังกล่าว ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เช่น เข้าใจมติที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างความจำเป็นที่ต้องทำรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม ในความเข้าใจเดิมที่ตนมี ขอยืนยันว่า ก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการเช่นนี้ ยังคงอยู่ เพียงแต่ว่าเราเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้น เช่น กรณีที่ว่า ฝ่ายทหารทำไมต้องทำเช่นนี้ มิติจึงกว้างขึ้น เข้าใจมากขึ้น
ขณะตนเอง ยืนยันว่า ไม่อยากใช้คำว่า"ปรับทัศนคติ"ซึ่งคำดูเหมือนเราเป็นเด็กเกเร ติดยาเสพติด ตนไม่ขอรับคำนี้ และคำนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่จะบอกว่า ทหารมาปรับทรรศนะตน ให้ยอมรับการทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตนยอมรับไม่ได้
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเอาเฉพาะเรื่องการพูดคุยกันในค่ายทหารขณะที่ถูกควบคุมตัว ตามคำสั่ง คสช. สำหรับตนเองนั้น ขอยืนยันว่า ได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติจากเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ทว่ากับคนอื่น ตนไม่ทราบ ย้ำ ไม่มีการข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกายใดๆ กับตน แม้แต่แตะเนื้อต้องตัวก็ยังไม่มีเลย เป็นการคุยกัน เพียงแต่ว่า การพูดคุยนั้นเป็นการคุยกันภายใต้สภาพแวดล้อมจำกัด ตนอยู่ในที่พักที่ไม่ทราบว่า อยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นการควบคุมตัวเข้ามาโดยใช้กฎอัยการศึก
ขบวนการควบคุมตัวในฐานะพลเรือน ไม่คุ้นชินกับการกระทำเช่นนี้ ระหว่างอยู่ที่นั่น ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี และเป็นการปฏิบัติที่ให้เกียรติ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ตนก็ยังไม่ทราบว่า ถูกควบคุมตัวไปที่ใด เนื่องจากถูกปิดตาถึงห้องพัก และหน้าต่างถูกปิดหมดทุกบานเช่นกัน จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลย ทั้งช่วงที่ถูกนำตัวจากค่ายออกไปศาลทหาร หรือจากศาลทหารกลับมาที่ค่าย เจ้าหน้าที่ก็จะปิดตาตลอด
บก.ลายจุด กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า จะไม่ทำการยุยงปลุกปั่นตามเงื่อนไขของศาลทหาร ไม่เดินทางออกนอกประเทศ ตอนนี้ พยายามใช้ชีวิตปกติให้ได้ แต่ตอนนี้ รู้สึกเกร็งและกังวล เวลาจะเขียนข้อความ หรือ เวลาไปรับประทานอาหารกับใคร ซึ่งตนไม่ทราบว่า ตนสามารถรับประทานอาหารกับใครได้บ้าง เช่น แกนนำเสื้อแดง หรือ บุคคลสำคัญอื่นๆ
"ที่ผ่านมา นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง เข้าไปเยี่ยมตน และชักชวนรับประทานอาหารด้วยกัน ซึ่งตนยังกังวลว่า จะสามารถไปรับประทานอาหารร่วมกับ นพ.เหวง ได้หรือไม่ เขาจะอนุญาต หรือไม่ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของศาลก็ตาม ตนก็ยังเกรงว่า จะสร้างความกังวลให้กับทหาร หรือไม่ ส่วนตัวยังคิดว่า ตนมีสิทธิ แต่สถานการณ์เช่นนี้ ก็ยอมรับว่า ทำให้ตนกังวลเป็นอย่างมาก" บก.ลายจุด กล่าว.
ไม่มีอะไร แค่เข้ามาบอกว่าชอบข่าวนี้ บก ลายจุด
http://www.thairath.co.th/content/433936
เปิดใจ 'บก.ลายจุด' ช่วงชีวิตในค่ายทหาร ลั่นหยุดนัดกินแมคฯ
บก.ลายจุด ลั่น จากนี้ไปขอทำตามข้อตกลงศาลทหาร อย่างเคร่งครัด ไม่เคลื่อนไหว ยุยง-ปลุกปั่น หรือ เป็นปรปักษ์กับรัฐเด็ดขาด เผย ระหว่างอยู่ในค่าย ทหารปฏิบัติต่อตนเป็นอย่างดี ให้เกียรติทุกอย่าง ยัน ไม่มีการข่มขู่ทำร้าย รับ ไม่ชอบให้ใช้คำว่า"ปรับทัศนคติ"
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มต้านรัฐประหาร หรือ บก.ลายจุด กล่าวกับ "ไทยรัฐออนไลน์" หลังถูกปล่อยตัวจากการควบคุม ภายใต้กฎอัยหารศึก โดยยอมรับว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ตนต้องดำเนินการตามเงื่อนไข ที่ได้ตกลงไว้กับศาลทหาร ซึ่งตนเองถูกฟ้อง ม.116 เรื่องการยุยงปลุกปั่น ดังนั้น จะต้องไม่กระทำผิดในเงื่อนไขเดิม คือ การยุยง ปลุกปั่น ที่ทำให้เกิดการเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ รวมถึงการนัดหมาย เช่น ไปกินแมคโดนัลด์ คงจะไปไม่ได้แล้ว และตนไม่สามารถนัดหมายไปกินอะไรแบบนั้นได้แล้ว
ทั้งนี้ มองว่า การต้านรัฐประหารคงคลายไปแล้ว รวมถึงช่วงเวลาการยึดอำนาจ ได้เลยไปแล้ว และต้องยอมรับว่า คสช. ได้ทำการยึดอำนาจสำเร็จแล้ว ขณะนี้ต้องมองไปข้างหน้าว่า กระบวนการฟื้นฟูประชาธิปไตย จะทำอย่างไร หรือ จะผ่อนคลายบรรยากาศที่ผ่านมาได้อย่างไร พร้อมช่วยประคับประคองให้ประชาธิปไตยเดินหน้า ฟื้นฟูให้ราบรื่นได้อย่างไร และช่วยกันสร้างบรรยากาศของประชาธิปไตยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้ง คสช. และประชาชนทั่วไป ต้องช่วยประคับประคอง หาจุดที่ดีที่สุดร่วมกัน ส่วนตนคงจะไม่ย้อนกลับไปพูดคุยและไม่กลับไปต้านรัฐประหารอีก เนื่องจากตนเลยจุดนั้นมาแล้ว
นายสมบัติ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องปรับทัศนคติที่หลายฝ่ายพูดถึง สำหรับส่วนตัวตนเองแล้ว ยอมรับว่า ไม่ชอบใช้คำนี้สักเท่าใดนัก แต่ยอมรับว่า ช่วงนิ่งๆ และมีโอกาสได้พูดคุยกันในค่ายทหาร ร่วมกับนายทหารใหญ่ๆ หลายท่าน นับเป็นเป็นบรรยากาศที่ดี ได้พูดคุยกันแบบผู้ใหญ่ ไม่มีการข่มขู่ หรือแตะเนื้อต้องตัวแต่อย่างใด เป็นการเปิดใจคุยกันเพื่อเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ แม้อีกฝ่ายอาจจะเรียกว่า"ปรับทัศนคติ"แต่สำหรับตนยอมรับว่าวิธีการดังกล่าว ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น เช่น เข้าใจมติที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างความจำเป็นที่ต้องทำรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม ในความเข้าใจเดิมที่ตนมี ขอยืนยันว่า ก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการเช่นนี้ ยังคงอยู่ เพียงแต่ว่าเราเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งมากขึ้น เช่น กรณีที่ว่า ฝ่ายทหารทำไมต้องทำเช่นนี้ มิติจึงกว้างขึ้น เข้าใจมากขึ้น
ขณะตนเอง ยืนยันว่า ไม่อยากใช้คำว่า"ปรับทัศนคติ"ซึ่งคำดูเหมือนเราเป็นเด็กเกเร ติดยาเสพติด ตนไม่ขอรับคำนี้ และคำนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่จะบอกว่า ทหารมาปรับทรรศนะตน ให้ยอมรับการทำรัฐประหารเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตนยอมรับไม่ได้
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเอาเฉพาะเรื่องการพูดคุยกันในค่ายทหารขณะที่ถูกควบคุมตัว ตามคำสั่ง คสช. สำหรับตนเองนั้น ขอยืนยันว่า ได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติจากเจ้าหน้าที่ทหาร แต่ทว่ากับคนอื่น ตนไม่ทราบ ย้ำ ไม่มีการข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกายใดๆ กับตน แม้แต่แตะเนื้อต้องตัวก็ยังไม่มีเลย เป็นการคุยกัน เพียงแต่ว่า การพูดคุยนั้นเป็นการคุยกันภายใต้สภาพแวดล้อมจำกัด ตนอยู่ในที่พักที่ไม่ทราบว่า อยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นการควบคุมตัวเข้ามาโดยใช้กฎอัยการศึก
ขบวนการควบคุมตัวในฐานะพลเรือน ไม่คุ้นชินกับการกระทำเช่นนี้ ระหว่างอยู่ที่นั่น ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี และเป็นการปฏิบัติที่ให้เกียรติ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ตนก็ยังไม่ทราบว่า ถูกควบคุมตัวไปที่ใด เนื่องจากถูกปิดตาถึงห้องพัก และหน้าต่างถูกปิดหมดทุกบานเช่นกัน จึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นข้างนอกได้เลย ทั้งช่วงที่ถูกนำตัวจากค่ายออกไปศาลทหาร หรือจากศาลทหารกลับมาที่ค่าย เจ้าหน้าที่ก็จะปิดตาตลอด
บก.ลายจุด กล่าวอีกว่า ยืนยันว่า จะไม่ทำการยุยงปลุกปั่นตามเงื่อนไขของศาลทหาร ไม่เดินทางออกนอกประเทศ ตอนนี้ พยายามใช้ชีวิตปกติให้ได้ แต่ตอนนี้ รู้สึกเกร็งและกังวล เวลาจะเขียนข้อความ หรือ เวลาไปรับประทานอาหารกับใคร ซึ่งตนไม่ทราบว่า ตนสามารถรับประทานอาหารกับใครได้บ้าง เช่น แกนนำเสื้อแดง หรือ บุคคลสำคัญอื่นๆ
"ที่ผ่านมา นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำเสื้อแดง เข้าไปเยี่ยมตน และชักชวนรับประทานอาหารด้วยกัน ซึ่งตนยังกังวลว่า จะสามารถไปรับประทานอาหารร่วมกับ นพ.เหวง ได้หรือไม่ เขาจะอนุญาต หรือไม่ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขของศาลก็ตาม ตนก็ยังเกรงว่า จะสร้างความกังวลให้กับทหาร หรือไม่ ส่วนตัวยังคิดว่า ตนมีสิทธิ แต่สถานการณ์เช่นนี้ ก็ยอมรับว่า ทำให้ตนกังวลเป็นอย่างมาก" บก.ลายจุด กล่าว.