กรณีกาแฟมงคล เป็น ศึกระดับประเทศที่มีชื่อเสียงอีกครั้ง ที่จะถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย
ในกรณี เกี่ยวกับ trademark หรือ สิทธิในเครื่องหมายการค้า
ศึกชิงแบรoด์ กาแฟมงคลได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากคลิป แถลงของคุณโอปอลได้เปิดตัวขึ้น
ตามมาด้วยการตอบโต้ของทางฝั่งคู่กรณี ซึ่งอ้างว่าจดทะเบียนในปี 51
ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10204259858076091&set=a.1352509412264.92388.1217258657&type=1&theater
ตามด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ปนเสียดสีว่า ร้านเปิด มาตั้งแต่ปี 48-49 มาจดอะไรปี 51
และไม่มีการแถลงข้อเท็จจริงที่มีน้ำหนัก อีกเลยจากฝั่ง คู่กรณี นอกจากเรียกคะแนนสงสาร ยิ่งทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
เรื่องใครดีใครได้ สิทธิในเครื่องหมายการค้านี้ก็เรื่องหนึ่ง ศาลท่านย่อมต้องตัดสินตามประจักษ์พยานและข้อกฏหมาย
หรืออาจจบตั้งแต่ขั้นตอนการต่อรอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมคุณโอปอลลเปิดเกมด้วยการเปลี่ยนแบรนด์ ตรงนี้น่าสนใจมากๆ
โดยปกติแล้ว เจ้าของแบรนด์ หรือ ผู้อ้างว่ามีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ก้าวเดินที่ได้เปรียบจริงๆจะไม่ยอมหยุดใช้แบรนด์เด็ดขาด
เพราะกว่าจะสร้างได้นั้นต้องใช้เวลาอย่างมาก แบรนด์ใครใครก็รักใครก็ห่วง แต่การถอยออกอย่างชัดเจนนี้ มันทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ
ทีนี้เรามาลองดูกฏหมายที่เกี่ยวข้องกันบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มาตรา ๖๑ ผู้มีส่วนได้เสียหรือนายทะเบียนอาจร้องขอต่อคณะกรรมการให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดได้ หากแสดงได้ว่าเครื่องหมายการค้านั้นในขณะที่จดทะเบียน
(๑) มิได้เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะตามมาตรา ๗
(๒) เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๘
(๓) เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกันหรือต่างจำพวกกันที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน หรือ
(๔) เป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วจนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกันหรือต่างจำพวกกันที่มีลักษณะอย่างเดียวกัน
..
มาตรา ๖๗ ภายในห้าปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใดตามมาตรา ๔๐ ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอต่อศาลให้สั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ หากแสดงได้ว่าตนมีสิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นดีกว่าผู้ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น
ถ้าผู้ร้องแสดงได้แต่เพียงว่า ตนมีสิทธิดีกว่าเฉพาะสินค้าบางอย่างในจำพวกของสินค้าที่ได้จดทะเบียนไว้ ให้ศาลมีคำสั่งจำกัดสิทธิแห่งการจดทะเบียนให้อยู่เฉพาะสินค้าที่ผู้ร้องไม่ได้แสดงว่าตนมีสิทธิดีกว่า
จะเห็นได้ว่า ในทางกฏหมาย ซึ่งเลยห้าปีมาหน่อยๆแล้ว ทำให้ทีมโอปอจะเสียเปรียบเล็กน้อยในเรื่องของกำหนดเวลา
แต่ภาพรวมของสถานการณ์ในตอนนี้นั้นดูเหมือน ทางทีมโอปอลจะได้เปรียบทางข้อเท็จจริงของแบรนด์ ความชอบธรรม - ที่จะเป็นเจ้าของ
เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ข่าวนี้แพร่หลาย
สังคมส่วนใหญ่ เลือกข้างแล้วเพราะคู่กรณีนั้น ยืนกระต่ายขาเดียวเพียง"แค่ฝั่งตัวเองจดทะเบียนก่อน" ยิ่งทำให้ สังคมโจมตี และกดดันอย่างหนัก
กระดานกฏหมายอาจเสียเปรียบ แต่นี่เป็นเรื่องการค้า การเป็นเจ้าของแบนรด์อย่างเดียว ไม่ได้ติดสินแพ้ชนะ ในธุรกิจเครือข่ายที่ตัวเองสร้างมา
ตราบใดที่เอาลูกค้าจากแบรนด์คู่ขัดแย้งที่แตกออกไปกลับมาเป็นของเราได้
กลยุทธ์ การยอมเปลี่ยนแบรนด์ ที่อ้างว่าเพื่อป้องกันความสับสน- ผมจึงมองว่า อาจมีนัยยะเท่ากับ เป็นการทำลายแบรนด์ กาแฟมงคล ด้วย กระแสสังคมอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้คนแยกออกแล้วว่าแบรนด์ไหนของใคร และ แบรนด์ไหนเป็นผู้ร้ายในทาง สังคม -- ผู้คนโจมตีถูกตำแหน่ง
แบนร้านค้า ถูกเป้าหมาย โยนแก้วทิ้งถูกฝาถูกตัว
แม้ทีมโอปอลลจะแพ้ทางกฏหมาย แต่ถูกจริยธรรม บวกกับ กลยุทธ์ล้มแบรนด์จากการถอยหนึ่งก้าวนี้ เกมนี้ ทีมโอปอลชนะโดยสมบูรณ์
ทั้งกระดาน นับถือทีมที่ปรึกษาที่ตัดสินใจให้เปลี่ยนแบรนด์จริงๆ หลังจากนี้ ไม่สำคัญอีกแล้วว่าใคร ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ๆนี้ และถ้าคุณ
โอปอลได้มันกลับมามันจะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า
ถ้าไม่ได้คืนก็ทำลายทิ้ง - แต่ถ้าได้กลับมา คุ้มค่าที่ต่อสู้
ด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ การใช้วิธีนี้ คงถึงที่สุดแล้วจริงๆ
.........
เป็นการวิเคราะห์ขำๆนะครับ ส่วนตัวเชียร์ให้คุณโอปอลชนะ เพราะผมเองก็เชื่อลึกๆว่า คุณเป็นเจ้าของที่แท้จริง
วิเคราะห์ ขำๆ กรณี กาแฟมงคล
ในกรณี เกี่ยวกับ trademark หรือ สิทธิในเครื่องหมายการค้า
ศึกชิงแบรoด์ กาแฟมงคลได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากคลิป แถลงของคุณโอปอลได้เปิดตัวขึ้น
ตามมาด้วยการตอบโต้ของทางฝั่งคู่กรณี ซึ่งอ้างว่าจดทะเบียนในปี 51
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10204259858076091&set=a.1352509412264.92388.1217258657&type=1&theater
ตามด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ปนเสียดสีว่า ร้านเปิด มาตั้งแต่ปี 48-49 มาจดอะไรปี 51
และไม่มีการแถลงข้อเท็จจริงที่มีน้ำหนัก อีกเลยจากฝั่ง คู่กรณี นอกจากเรียกคะแนนสงสาร ยิ่งทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
เรื่องใครดีใครได้ สิทธิในเครื่องหมายการค้านี้ก็เรื่องหนึ่ง ศาลท่านย่อมต้องตัดสินตามประจักษ์พยานและข้อกฏหมาย
หรืออาจจบตั้งแต่ขั้นตอนการต่อรอง
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมคุณโอปอลลเปิดเกมด้วยการเปลี่ยนแบรนด์ ตรงนี้น่าสนใจมากๆ
โดยปกติแล้ว เจ้าของแบรนด์ หรือ ผู้อ้างว่ามีส่วนได้ส่วนเสียส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ก้าวเดินที่ได้เปรียบจริงๆจะไม่ยอมหยุดใช้แบรนด์เด็ดขาด
เพราะกว่าจะสร้างได้นั้นต้องใช้เวลาอย่างมาก แบรนด์ใครใครก็รักใครก็ห่วง แต่การถอยออกอย่างชัดเจนนี้ มันทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ
ทีนี้เรามาลองดูกฏหมายที่เกี่ยวข้องกันบ้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จะเห็นได้ว่า ในทางกฏหมาย ซึ่งเลยห้าปีมาหน่อยๆแล้ว ทำให้ทีมโอปอจะเสียเปรียบเล็กน้อยในเรื่องของกำหนดเวลา
แต่ภาพรวมของสถานการณ์ในตอนนี้นั้นดูเหมือน ทางทีมโอปอลจะได้เปรียบทางข้อเท็จจริงของแบรนด์ ความชอบธรรม - ที่จะเป็นเจ้าของ
เป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ข่าวนี้แพร่หลาย
สังคมส่วนใหญ่ เลือกข้างแล้วเพราะคู่กรณีนั้น ยืนกระต่ายขาเดียวเพียง"แค่ฝั่งตัวเองจดทะเบียนก่อน" ยิ่งทำให้ สังคมโจมตี และกดดันอย่างหนัก
กระดานกฏหมายอาจเสียเปรียบ แต่นี่เป็นเรื่องการค้า การเป็นเจ้าของแบนรด์อย่างเดียว ไม่ได้ติดสินแพ้ชนะ ในธุรกิจเครือข่ายที่ตัวเองสร้างมา
ตราบใดที่เอาลูกค้าจากแบรนด์คู่ขัดแย้งที่แตกออกไปกลับมาเป็นของเราได้
กลยุทธ์ การยอมเปลี่ยนแบรนด์ ที่อ้างว่าเพื่อป้องกันความสับสน- ผมจึงมองว่า อาจมีนัยยะเท่ากับ เป็นการทำลายแบรนด์ กาแฟมงคล ด้วย กระแสสังคมอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้คนแยกออกแล้วว่าแบรนด์ไหนของใคร และ แบรนด์ไหนเป็นผู้ร้ายในทาง สังคม -- ผู้คนโจมตีถูกตำแหน่ง
แบนร้านค้า ถูกเป้าหมาย โยนแก้วทิ้งถูกฝาถูกตัว
แม้ทีมโอปอลลจะแพ้ทางกฏหมาย แต่ถูกจริยธรรม บวกกับ กลยุทธ์ล้มแบรนด์จากการถอยหนึ่งก้าวนี้ เกมนี้ ทีมโอปอลชนะโดยสมบูรณ์
ทั้งกระดาน นับถือทีมที่ปรึกษาที่ตัดสินใจให้เปลี่ยนแบรนด์จริงๆ หลังจากนี้ ไม่สำคัญอีกแล้วว่าใคร ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ๆนี้ และถ้าคุณ
โอปอลได้มันกลับมามันจะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า
ถ้าไม่ได้คืนก็ทำลายทิ้ง - แต่ถ้าได้กลับมา คุ้มค่าที่ต่อสู้
ด้วยข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ การใช้วิธีนี้ คงถึงที่สุดแล้วจริงๆ
.........
เป็นการวิเคราะห์ขำๆนะครับ ส่วนตัวเชียร์ให้คุณโอปอลชนะ เพราะผมเองก็เชื่อลึกๆว่า คุณเป็นเจ้าของที่แท้จริง