ผมขออนุญาติพูดในประเด็นสตาร์บักส์และ สตาร์บังในความเห็นของผมนะครับ
ผมเองไมได้เรียนกฏหมายมา เพียงแต่เป็นระชาชนและ ลองเปิดกฏหมายเกี่ยวกับ การลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า
ตามความเข้าใจของผม
การเลียนแบบนั้น ตามกฏหมายมาตรา 109 มีเพื่อปกป้องผู้บริโภค ไม่ให้สับสน หรือ โดนหลอก
จากการทำเครื่องการค้าคล้ายๆกัน นั่นคือ มาตรานี้จะบังคับใช้ต่อเมื่อมีการลอกเลียนเพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
ว่าเป็นร้านเดียวกันนั่นละ
ทำให้ทางสตาร์บักส์เอง ต้องยัด ประเด็น เจตนานี้ต่อ สตาร์บังให้ได้ เพื่อใหเข้ามาตรานี้ดังเนื้อหาของทางสตาร์บักส์ ที่ฟ้องร้องคือ
มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์"
มันก็มีสองประเด็น
1.ลอกเลียน
2.ประเด็นหลอกลวงผู้บริโภค
ผมจะพูดในประเด็นที่ 2 ก่อน
ใน 100 คน เพื่อนๆคิดว่า มีใครบ้างที่เดินเข้าไปซื้อ น้ำบ๊วย และ น้ำแดง โซดา เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นสตาร์บักส์สักกี่คนครับ?
ตัวธุรกิจแม้จะเป็นกาแฟเหมือนกัน แต่ผลิตภัณฑ์ทั้ง 100% ไม่เหมือนกัน กาแฟชง น้ำบ๊วย แดงโซดา
ตรงนี้มีความสำคัญมาก และเป็นเครื่องยืนยันว่า ตอนนี้ลุกค้าเดินเข้าไปซื้อสินค้า กับ บังนั้น
ลูกค้าเข้าไปโดยรับรุ้ในตัวแบรนด์ 100% ไม่ได้ซื้อเพราะความสับสน
ซึ่งหมายถึงประชาชนไม่ได้เข้าใจผิด ยิ่งทำให้การฟ้องในมาตรา 109 นั้นเป็นการฟ้องที่ไม่สมเหตุสมผล
ตัวสินค้า หน้าร้านที่ให้บริการ ลักษณะร้านที่ให้บริการ ชื่อเสียงการรรับรุ้ต่อสังคม
ล้วนแยกออก หรือ ลอยตัวออกระหว่าง สตาร์บักส์ และ สตาร์บัง
ดังนั้น การใช้ข้ออ้างของฝั่งสตาร์บักส์ต่อกรณีการหลอกหลวงนั้น เป็นการยัดเยียดที่เกินจริง นั่นคือเหตุผลประการแรก
ซึ่งเชื่อมโยงต่อเรื่องค่าเสียหาย
หมายความว่า เมื่อประชาชนรับรุ้ว่า สตาร์บักส์ และ สตาร์บังเป็นคนละแบรนด์กัน
และ ซื้อสินค้า โดยยังคงความรับรุ้นั้นไว้
รายได้ทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นรายได้ที่สุจริต เพราะไม่ได้อาศัยความเข้าใจผิด
แต่สตาร์บักส์กับเรียกร้องค่าเสียหาย 300,000 กับ เดือนละ 30,000
เรียกร้องจากค่าอะไรหรือครับ ? ค่าขายน้ำมะนาวโซดา ที่สตาร์บักส์ไม่ได้ขายและ เป็น รายได้ โดยสุจริตของทางสตาร์บังอย่างนั้นหรือ ?
ที่นี้ก็เหลือแค่เรื่องเดียวที่พอจะอ้อมแอ้มได้ คือค่าเช่าแบรนด์บนข้ออ้างด้านการลอกเลียนแบบ
จริงที่หลายคนรับรุ้ว่า สตาร์บัง ลอกโลโก้มาจาก สตาร์บักส์
ที่นี้ขอบเขตของลอก กับได้รับอิทธิพลมาจากมันกว้าง
ถึงแม้จะมีการวางแพทเทริน์เหมือนกัน แต่ไอเดียหลายส่วน ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของ สตาร์บังเองเช่น
ตัวบังในแกนกลางเป็นต้น การบอกว่า ห้ามใช้คำว่า สตาร์นำหน้าชื่อ
มันก็เหมือนการผูกขาดแพทเทริน์ ไว้เป็นของตัวเองซึ่งไม่มีกฏหมายรองรับ
คิดดูนะครับว่า ถ้ามีคนตั้งร้าน สตาร์แมว ขายอาหารหมี มีรุปหมีตรงกลางวงกลมมเพราะได้รับอิทธิพลโลโก้ จากหยินหยาง
สตาร์บักส์ฟ้องขึ้นมา เพราะอ้างว่าลอกเลียนเครื่องหมายการค้า
มันก็ไม่จบ คำว่าลอกเลียนแบบมันกว้างมาก คำตัดสินของศาลในเรื่องนี้ส่วนใหญ่จึงมักจบแค่
"มากจนเกินกว่าที่บุคคลจะคิดประดิษฐ์ขึ้นเองโดยมิได้เลียน แบบกัน "
ส่วนตรงกลางนั้น ชัดเจนว่าสตาร์บังเป็นคนออกแบบเอง ซึ่งกินเนื้อที่เกินครึ่ง แบบนี้ ลิขสิทธิ์ตัวโลโก้ย่อมต้องเป็นของสตาร์บัง
มากกว่าที่จะเป็นของสตาร์บัก
แต่ต้องยอมรับว่า การออกแบบโลโก้ของสตาร์บังนั้น ย่อมได้รับอิทธิพลามากจากสตาร์บักส์
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผล ที่สตาร์บักส์จะเรียกร้องรายได้จากการขายสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ขายอย่างกาแฟชง
และ เรียกร้องให้เปลี่ยนโลโก้ ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิที่จะไปขอให้เค้าเปลี่ยนตั้งแต่แรก
ย้อนกลับไปตอนเราเห็นร้านสตาร์บังในอินเตอร์เน็ต
สิ่งแรกที่เรารุ้สึกคืออะไรครับ?
สตาร์บักส์มาเปิด รถเข็น หรือ ไอ้นี่มันฮาดีหวะ ?
ถ้าเป็นอย่างหลังก็เป็นการย้ำว่า ตัวโลโก้ไม่ได้สร้างความเข้าใจผิด และ แม้แต่ธุรกิจก็ไม่ได้สร้างสภาวะหลอกหลวง
สตาร์บังมีชื่อเสียงขึ้นจากอารมณ์ขัน ในการล้อเลียน และมีชื่อเสียงในอินเตอร์เน็ต
และขายสินค้าที่แตกต่าง บนความสุจริต บนโลโก้ที่ออกแบบเองจากอารมณ์ขัน
ไม่มีกฏหมายข้อไหน ที่บอกว่าคุณห้ามทำโลโก้ที่ดูแล้วฮาดี และ พ้องชื่อ โดยไม่ได้ทำให้ลุกค้าสับสน
แล้วจะเอาเหตุผลข้อไหนไปเอาเงินเค้ามาครับ?
เหตุผลที่บอกว่า เตือนไปแล้วไม่ฟัง?
แล้วจะฟังทำไมครับในเมื่อ คนเตือนไม่มีสิทธิเตือนตั้งแต่แรก?
ผมพอเข้าใจว่าทำไม สตาร์บัง ถึงไม่ยอมปล่อยแบนรด์
เพราะเค้ารักแบรนด์ของเค้าแม้จะเป็นเพียงร้านน้ำชาเล็ก
แต่เค้าสร้างมันขึ้นมากับมือจากอารมณ์ขัน และ การออกแบบด้วยตัวเอง
จนมีชื่อเสียงจากการ พูดถึงในอินเตอร์เน็ต
เค้ามีความเป็นเจ้าของเต็มตัว ไม่แปลกที่เค้าจะไม่ยินดีปล่อยแบนรด์นี้ไป
ถึงแม้จุดเริ่มต้นมาจากการล้อเลียน ก็ตาม
สุดท้ายสตาร์บักส์ ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า
คุณกล้า เรียกร้อง เงินสด 300,000 กับเงินต่อเดือน30,000 จากความสำเร็จที่คุณไม่ได้เกี่ยวข้องได้ยังไง
เพราะรุ้สึกที่ตัวเป็นตัวตลกหรือครับ?
อย่ายัดเยียด ข้อกล่าวหาที่ไม่สมเหตุสมผล อย่าง เจตนาหลอกหลวงให้สับสนว่าเป็นเครือ่งหมายการค้า
ยกเว้นว่า คุณจะเพิ่มน้ำบ๊วยและน้ำแดงโซดาแก้วละ 25 บาท หรือ กาแฟชง ในร้านของคุณ
คำว่า สตาร์xxx ไม่ได้เป็นสิทธิโดยชอบ ของใครทั้งนั้น
ถ้าอยากสร้างแบนร์ด มีวิธีที่ดีรกว่านี้อีกมาก
มากกว่ามาโชว์พลังและยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง และ ทวงสิทธิในสิ่งที่ไม่สิทธิ
ผมเห็นตามนี้นะครับ
สตาร์บัง ไม่ควรเปลี่ยนโลโก้ และ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน
ผมเองไมได้เรียนกฏหมายมา เพียงแต่เป็นระชาชนและ ลองเปิดกฏหมายเกี่ยวกับ การลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้า
ตามความเข้าใจของผม
การเลียนแบบนั้น ตามกฏหมายมาตรา 109 มีเพื่อปกป้องผู้บริโภค ไม่ให้สับสน หรือ โดนหลอก
จากการทำเครื่องการค้าคล้ายๆกัน นั่นคือ มาตรานี้จะบังคับใช้ต่อเมื่อมีการลอกเลียนเพื่อทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
ว่าเป็นร้านเดียวกันนั่นละ
ทำให้ทางสตาร์บักส์เอง ต้องยัด ประเด็น เจตนานี้ต่อ สตาร์บังให้ได้ เพื่อใหเข้ามาตรานี้ดังเนื้อหาของทางสตาร์บักส์ ที่ฟ้องร้องคือ
มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า "สตาร์บัคส์"
มันก็มีสองประเด็น
1.ลอกเลียน
2.ประเด็นหลอกลวงผู้บริโภค
ผมจะพูดในประเด็นที่ 2 ก่อน
ใน 100 คน เพื่อนๆคิดว่า มีใครบ้างที่เดินเข้าไปซื้อ น้ำบ๊วย และ น้ำแดง โซดา เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นสตาร์บักส์สักกี่คนครับ?
ตัวธุรกิจแม้จะเป็นกาแฟเหมือนกัน แต่ผลิตภัณฑ์ทั้ง 100% ไม่เหมือนกัน กาแฟชง น้ำบ๊วย แดงโซดา
ตรงนี้มีความสำคัญมาก และเป็นเครื่องยืนยันว่า ตอนนี้ลุกค้าเดินเข้าไปซื้อสินค้า กับ บังนั้น
ลูกค้าเข้าไปโดยรับรุ้ในตัวแบรนด์ 100% ไม่ได้ซื้อเพราะความสับสน
ซึ่งหมายถึงประชาชนไม่ได้เข้าใจผิด ยิ่งทำให้การฟ้องในมาตรา 109 นั้นเป็นการฟ้องที่ไม่สมเหตุสมผล
ตัวสินค้า หน้าร้านที่ให้บริการ ลักษณะร้านที่ให้บริการ ชื่อเสียงการรรับรุ้ต่อสังคม
ล้วนแยกออก หรือ ลอยตัวออกระหว่าง สตาร์บักส์ และ สตาร์บัง
ดังนั้น การใช้ข้ออ้างของฝั่งสตาร์บักส์ต่อกรณีการหลอกหลวงนั้น เป็นการยัดเยียดที่เกินจริง นั่นคือเหตุผลประการแรก
ซึ่งเชื่อมโยงต่อเรื่องค่าเสียหาย
หมายความว่า เมื่อประชาชนรับรุ้ว่า สตาร์บักส์ และ สตาร์บังเป็นคนละแบรนด์กัน
และ ซื้อสินค้า โดยยังคงความรับรุ้นั้นไว้
รายได้ทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมเป็นรายได้ที่สุจริต เพราะไม่ได้อาศัยความเข้าใจผิด
แต่สตาร์บักส์กับเรียกร้องค่าเสียหาย 300,000 กับ เดือนละ 30,000
เรียกร้องจากค่าอะไรหรือครับ ? ค่าขายน้ำมะนาวโซดา ที่สตาร์บักส์ไม่ได้ขายและ เป็น รายได้ โดยสุจริตของทางสตาร์บังอย่างนั้นหรือ ?
ที่นี้ก็เหลือแค่เรื่องเดียวที่พอจะอ้อมแอ้มได้ คือค่าเช่าแบรนด์บนข้ออ้างด้านการลอกเลียนแบบ
จริงที่หลายคนรับรุ้ว่า สตาร์บัง ลอกโลโก้มาจาก สตาร์บักส์
ที่นี้ขอบเขตของลอก กับได้รับอิทธิพลมาจากมันกว้าง
ถึงแม้จะมีการวางแพทเทริน์เหมือนกัน แต่ไอเดียหลายส่วน ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของ สตาร์บังเองเช่น
ตัวบังในแกนกลางเป็นต้น การบอกว่า ห้ามใช้คำว่า สตาร์นำหน้าชื่อ
มันก็เหมือนการผูกขาดแพทเทริน์ ไว้เป็นของตัวเองซึ่งไม่มีกฏหมายรองรับ
คิดดูนะครับว่า ถ้ามีคนตั้งร้าน สตาร์แมว ขายอาหารหมี มีรุปหมีตรงกลางวงกลมมเพราะได้รับอิทธิพลโลโก้ จากหยินหยาง
สตาร์บักส์ฟ้องขึ้นมา เพราะอ้างว่าลอกเลียนเครื่องหมายการค้า
มันก็ไม่จบ คำว่าลอกเลียนแบบมันกว้างมาก คำตัดสินของศาลในเรื่องนี้ส่วนใหญ่จึงมักจบแค่
"มากจนเกินกว่าที่บุคคลจะคิดประดิษฐ์ขึ้นเองโดยมิได้เลียน แบบกัน "
ส่วนตรงกลางนั้น ชัดเจนว่าสตาร์บังเป็นคนออกแบบเอง ซึ่งกินเนื้อที่เกินครึ่ง แบบนี้ ลิขสิทธิ์ตัวโลโก้ย่อมต้องเป็นของสตาร์บัง
มากกว่าที่จะเป็นของสตาร์บัก
แต่ต้องยอมรับว่า การออกแบบโลโก้ของสตาร์บังนั้น ย่อมได้รับอิทธิพลามากจากสตาร์บักส์
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผล ที่สตาร์บักส์จะเรียกร้องรายได้จากการขายสินค้าที่ตัวเองไม่ได้ขายอย่างกาแฟชง
และ เรียกร้องให้เปลี่ยนโลโก้ ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิที่จะไปขอให้เค้าเปลี่ยนตั้งแต่แรก
ย้อนกลับไปตอนเราเห็นร้านสตาร์บังในอินเตอร์เน็ต
สิ่งแรกที่เรารุ้สึกคืออะไรครับ?
สตาร์บักส์มาเปิด รถเข็น หรือ ไอ้นี่มันฮาดีหวะ ?
ถ้าเป็นอย่างหลังก็เป็นการย้ำว่า ตัวโลโก้ไม่ได้สร้างความเข้าใจผิด และ แม้แต่ธุรกิจก็ไม่ได้สร้างสภาวะหลอกหลวง
สตาร์บังมีชื่อเสียงขึ้นจากอารมณ์ขัน ในการล้อเลียน และมีชื่อเสียงในอินเตอร์เน็ต
และขายสินค้าที่แตกต่าง บนความสุจริต บนโลโก้ที่ออกแบบเองจากอารมณ์ขัน
ไม่มีกฏหมายข้อไหน ที่บอกว่าคุณห้ามทำโลโก้ที่ดูแล้วฮาดี และ พ้องชื่อ โดยไม่ได้ทำให้ลุกค้าสับสน
แล้วจะเอาเหตุผลข้อไหนไปเอาเงินเค้ามาครับ?
เหตุผลที่บอกว่า เตือนไปแล้วไม่ฟัง?
แล้วจะฟังทำไมครับในเมื่อ คนเตือนไม่มีสิทธิเตือนตั้งแต่แรก?
ผมพอเข้าใจว่าทำไม สตาร์บัง ถึงไม่ยอมปล่อยแบนรด์
เพราะเค้ารักแบรนด์ของเค้าแม้จะเป็นเพียงร้านน้ำชาเล็ก
แต่เค้าสร้างมันขึ้นมากับมือจากอารมณ์ขัน และ การออกแบบด้วยตัวเอง
จนมีชื่อเสียงจากการ พูดถึงในอินเตอร์เน็ต
เค้ามีความเป็นเจ้าของเต็มตัว ไม่แปลกที่เค้าจะไม่ยินดีปล่อยแบนรด์นี้ไป
ถึงแม้จุดเริ่มต้นมาจากการล้อเลียน ก็ตาม
สุดท้ายสตาร์บักส์ ก็ต้องถามตัวเองแล้วว่า
คุณกล้า เรียกร้อง เงินสด 300,000 กับเงินต่อเดือน30,000 จากความสำเร็จที่คุณไม่ได้เกี่ยวข้องได้ยังไง
เพราะรุ้สึกที่ตัวเป็นตัวตลกหรือครับ?
อย่ายัดเยียด ข้อกล่าวหาที่ไม่สมเหตุสมผล อย่าง เจตนาหลอกหลวงให้สับสนว่าเป็นเครือ่งหมายการค้า
ยกเว้นว่า คุณจะเพิ่มน้ำบ๊วยและน้ำแดงโซดาแก้วละ 25 บาท หรือ กาแฟชง ในร้านของคุณ
คำว่า สตาร์xxx ไม่ได้เป็นสิทธิโดยชอบ ของใครทั้งนั้น
ถ้าอยากสร้างแบนร์ด มีวิธีที่ดีรกว่านี้อีกมาก
มากกว่ามาโชว์พลังและยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง และ ทวงสิทธิในสิ่งที่ไม่สิทธิ
ผมเห็นตามนี้นะครับ