สำหรับผู้ที่อ่านReviewนี้ ครั้งแรก ถ้าอยากติดตามตั้งแต่เริ่มต้น เชิญได้ที่
ตอนที่ แรก
http://ppantip.com/topic/32259579
ตอนที่สอง
http://ppantip.com/topic/32262301
ต่อจากการเดินทาง ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ กันต่อ นะครับ
ผมเคยเป็นเหมือนทุกคน...
ว่าจะหาข้อมูลได้ที่ไหน ที่เราจะทำ
เราจะรู้ได้ไง ว่าสิ่งที่เขากล่าวรูปร่างหน้าตายังไง และต้องทำยังไง ตอนไหน และเมื่อไหร่
แต่ทุกคำถามของเรา ต้องการความกล้า...กล้าที่จะยอมรับ กล้าที่จะเปลี่ยน และกล้าที่จะผิดหวังหากคำตอบมันใช่คำว่าสำเร็จ
นั่นคือชีวิตผมที่ผ่านมา...
ผมมีเงินมากมายใช่ไหม ไม่เลย! เงินเดือนหมื่นกว่าบาท
ผมมีเวลามาก หรือเปล่า! ก็เปล่าเลย...อาศัยเอาวันที่ทำโอที มารวมกัน แล้วขอหัวหน้างาน ไป
แล้วครอบครัวล่ะ...ผมมีแค่แฟน หากมีลูก ผมก็คงเอาไปด้วย! ให้เขาสนุกกับเรา และปลูกฝังการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
เอาล่ะครับ....เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผมอยากให้เห็นเอกสารแต่ละตัว ที่ผมเอ่ยมาว่าหน้าตาประมาณไหน อันไหนที่มันเสี่ยงต่อการเอาไป ทำตัวปลอมได้ ผมขอเบลอนะครับ
ในรูปก็จะมี....
1.ใบแปลทะเบียนภาษาอังกฤษ จากกรมขนส่ง(ผมขอแนะนำวิธีนี้ ครับ...)
2.ใบประกันภัย ต่างแดน เพื่อยื่นขอป้ายวงกลม ICP
3.ป้ายวงกลม ICP ที่ต้องไป ยื่นขอ ที่ฝั่งมาเลเซีย
พร้อมเอกสารที่ยื่นขอ คือ ใบแปลทะเบียนรถ พาสปอร์ต และ ใบประกันภัย (พร้อมแปะสติ๊กเกอร์สากล ดำ-ขาว ที่รถด้วย)
4.พาสปอร์ต ประจำตัว ใช้ทั้ง ยื่นเข้าออก ประเทศที่เราจะไป และยื่นคู่กับการดำเนินเอกสารและบัตรต่างๆ(พกติดตัวเหมือนบัตรประชาชนนั่นแหละ)
5.บัตร Autopass ที่ สามารถชำระเงินสด ค่าผ่านทาง ประกันภัย และยืนยันตัวตน การนำรถเข้าออก ประเทศสิงคโปร์
6.บัตร Ezlink (หน้าบัตรอาจจะเปลี่ยนแปลง) ใช้พกติดตัว เวลาขึ้นลง ขนส่งมวลชน หรือชำระที่จอดรถ พร้อมยังจ่ายค่าสินค้าบางร้านได้! สิงคโปร์เท่านั้น
****
หากท่านใดไม่ชอบอ่านข้อความยาวๆ นี้ ให้เริ่มต้นอ่าน จากรูปถัดไป ได้เลยครับ...****
ผมกับแฟนก็ผ่านไปได้ด้วยดีกับการเที่ยว กัวลาลัมเปอร์กับ สิงคโปร์
ตอนนี้ ขอกล่าวเรื่องที่ผมลืมซื้อ Autopass จาก ด่านสิงคโปร์ตั้งแต่ตอนเข้า
ซึ่งมันทำให้ลำบากเวลาผมจะขี่รถออกจากสิงคโปรไม่ได้ เพราะมีไม่มีบัตรนี้
เพราะเหมือนว่าเราเอารถเข้ามาเหมือนผิดกฏหมาย(ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือการลักขโมย เราแทบไม่ได้มีอะไรเป็นหลักฐาน เลย)
ก็นอนคิดยู่สองคืน ว่าจะทำยังไง เพราะหาข้อมูลไม่ได้เลยว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน
สุดท้ายตัดสินใจว่าจะไปที่ด่านสิงคโปร..ทางที่เราเข้าประเทศในตอนแรก อีกครั้ง
เช้ารุ่งขึ้น ก็เลยนั่งรถเมล์ และรถใต้ดินไปที่ด่าน(ที่นั่นเขาจะเรียกกันว่า Checkpoint)
ซึ่งระหว่างเดินทาง ก็มโน ไปว่า ถ้าโดนปรับขึ้นมา คงฮา ไม่ออก...แต่อย่างว่า
เราเจตนาดีที่จะขอซื้อAutopass ถ้ามันเกิดเป็นเรื่องใหญ่คงต้อง ติดต่อสถานฑูตไทย
พอถึงด่านข้ามแดน...ผมก็เดินเรื่อยๆ พอใกล้จะถึงด่าน ก็สอบถาม จนท.ที่กำลังออกมาซื้อกับข้าวมั้ง
(เห็นถือกล่อง2-3กล่อง)ก็ถามแก...ว่ายังงี้ๆ จะต้องทำไง แกบอกว่าเดินลงไป และเดินไปตามถนนสายนี้
จะเจอ ออฟฟิศที่นั่นน่าจะช่วยได้ ผมยิ้มแก้มปริเลย...
อ่อลืมบอกไป ตอนก่อนผมจะเจอ จนท.ผมเดินประมาณเกือบ1กิโลเมตร(ไปกลับก็น่าจะเกือบๆ3กิโลเมตร)
โดยระยะทางนี้ คือทางเดินในตัวอาคารด่านเข้า-ออกเมืองของสิงคโปร์เขาครับ ใครมาจากมาเลฯ หรือสิงคโปรออกมาเลฯ
น่าจะคุ้นเคยกันดี ว่ายาวขนาดไหน และมีโครงสร้างยังไง...ยิ่งส่วนที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟ
จะมีกำแพงลวดหนามกันคนโดดจากรถไฟแล้ววิ่งเข้าประเทศด้วย
และบรรยากาศภายใน เหมือนเดินในสถานีอวกาศเลยครับ(พูดเหมือนว่าเคยไปเนาะ สถานีอวกาศ)
พอเดินตามที่แก บอก...เจอ ออฟฟิศครับ เจอจริงๆแต่เป็นออฟฟิศเล็กๆเท่า ออฟฟิศแลกเงินธนาคารบ้านเรา
ผมก็มองซ้าย มองขวา ว่าใช่ปล่าวฟ่ะ? ก็เดินเข้าไปใกล้ๆ เริ่มเห็นตัวหนังสือแปะตู้ว่า Autopass
ผมหัวเราะในใจ ฮ่าๆๆฮ่าๆๆ...ก็เลยบอกเขาว่า ขอซื้อ Autopass ใบหนึ่งครับ
ป้าก็นั่งหน้า งงๆ.... สุดท้ายคุยกันจนรู้ว่า ที่นี่ ไม่มีขาย เติมเงินได้อย่างเดียว...
เอาแล้วไง ไม่จบ...แต่ก็แนะนำ พร้อมเขียนใส่กระดาษว่าให้ไปที่ ที่หนึ่ง โดยต้องนำรถไปด้วย
นั่นก็คือ LTA (Land Transport Authority) เขาน่าจะช่วยได้(อีกแล้ว) จากรุ่งเช้าจนเวลานี้จะ9:00am
ผมก็เลยคิดว่ากลับโรงแรมก่อน แล้วพอจะกลับ ก็จะไปแวะซื้อบัตร แล้วข้ามแดนกลับไปเลย...
เวลานั้น ก็ใกล้จะถึงเวลา เช็คเอ้าท์ โรงแรม แล้วด้วย จะนั่ง รถTAXI ก็แพง...จริงๆ
ผมเลยต้องกลับโดยวิธีเดิม คือ นั่งรถเมล์ ต่อ รถไฟฟ้า
พอถึง โรงแรม ก็เริ่มเซ็ทของขึ้น PCXพอเสร็จ ก็มานั่งดูแผนที่ว่าจะไปที่นั่นยังไง สรุปว่า เจอครับ
เจอค่ายกลERP(ถ้าไม่เข้าใจ ไปอ่านตอนสอง ครับ) ตั้งเต็มเลย ในเส้นทางที่เราจะผ่านทั้งนั้น อารมณ์ประมาณว่า
ตอนเข้ามาค่ายกลไม่ทำงาน แต่พอจะออก ค่ายกลทำงานแบบ Full Option ทั้ง ERP กับทางพิเศษ..และCCTV
เพราะทางที่เราจะไป ที่ LTA นั้น เป็นเส้นทางผ่านถนนเข้า-ออกตัวเมืองหลักๆทั้งนั้น(ถ้ายอมโดนปรับ คงหลายหมื่น)
สุดท้าย เป็นกุศล..ดลพี่มาพบเจ้า(ประโยคนี้ หาเพลงเปิดคลอ ด้วยครับ)
ผมเจอ โชเฟอร์คนนึง มาหาแฟนที่ทำงานโรงแรมที่ผมพักพอดี ก็เลยสอบถามเส้นทางว่า ผมจะไปยังไงได้บ้าง
เขาอารมณ์ดีมาก และให้ความช่วยเหลือแบบระดับห้าดาว บอกทางไปที ยิงมุขใส่ผมไปที.....ก็ เฮฮาปาร์ตี้กันไป
ก็สรุปว่า ที่บ้านพักเขา ไปเส้นเดียวกันพอดี ให้ขับตาม แล้วไปแยกทางกันใกล้ๆ เดี๋ยวเขาจะพา ทะลุไปเอง Wow!
จากนั้น ก็ขึ้นรถแล้วขับตาม จนสุดท้ายเราก็แยกกันระหว่างทาง ผมต้องขอบคุณเขาจริงๆ
ก่อนขึ้นรถที่จะขับตามนั้น ผมหยิบให้เขา20SGDเขาปฏิเสธ แล้วก็ยิ้มรับไว้แทน!
เอาล่ะ พอแยกกัน เพื่อให้ผมไป ที่LTAต่อ...ผมก็ขับไปตามแผนที่จนเจอ โดย LTA ก็คือ ออฟฟิศดูแลงานทะเบียน
(ถ้าเป็นบ้านเราน่าจะ กรม หรือกระทรวงประมาณนั้น)พอเข้าไปก็คุยให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ได้ทำบัตร Autopassนี่ซะที
ซึ่งมันไม่มีขาย ครับ...ต้องไปทำอย่างที่ผมทำ หรือซื้อตอนเข้าด่านครั้งแรกมาเลย....อย่า พลาดเหมือนผมนะ!
และก็ชำระเงิน ค่าบัตร ค่าภาษี ค่าเติมบัตร และค่าประกันภัย ประมาณ 2พันกว่าบาทเป็นเงินไทย!
ซึ่งอายุบัตรหมดปี 2020นู่น ซึ่งแปลว่า มาได้อีก อ่ะแจ่มเลย!...คราวนี้ก็จบจริงๆกับ AUTOPASS
คุณคนนี้ คือโชเฟอร์ใจดีมากๆ...ที่ทำให้ผมไป จัดการเรื่องบัตร Autopass ได้
พอเสร็จจากได้บัตร Autopass
ก็เอาบัตรอีกใบคือ Ezlink ไปคืนเพื่อแลกเงินกลับ ที่สถานีMRTใกล้ๆ
เอาล่ะ เราต้องลาสิงคโปรกันแล้ว...แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าจะออกจากด่าน
ที่ไม่ง่ายเพราะ ต้องเจอรถติดก่อนเข้าด่าน ไงครับ
ที่นี่ เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับรถมอเตอร์ไซค์หรือ รถยนต์(ได้สอบถามระหว่างติดแหง่ก)
ถ้าใครจะออกจากสิงคโปร์เวลาช่วงนี้(เลิกงาน) แนะนำว่าดูน้ำมันในถังว่าถึงครึ่งไหม ส่วนตัวผมพอเพียง รอดไป
สุดท้ายก็รอดข้ามมาเลเซียจนได้ เย้!
เสริมนิดนึง...ขั้นตอนการผ่านด่านเพื่อข้ามกลับมานั้น จะเป็นแบบนี้
-พอถึง ตอนที่เราต้องวิ่งเข้าช่อง ให้ถอดหมวกกันน็อค รอๆไว้เลย เพื่อแสดงใบหน้า
-เตรียมพาสปอร์ต และพร้อมที่จะเสียบบัตร AUTOPASS เข้าไปในเครื่องเพื่อบันทึก (อย่าลืมกดปุ่มรูปรถมอ'ไซค์ด้วยนะ)
โดยเครื่องจะอยู่ใกล้ๆช่องสนทนา ระหว่างเรากับ จนท.
-พอ ประทับตรา วันที่เดินทางออกจาก สิงคโปร เสร็จ..ก็ขับออกมาจากตู้ จอดแอบข้างเลนได้เพื่อ ใส่หมวก เช็คเอกสาร ได้นะครับ
-จากนั้น ขี่ออกมาตามทาง เราก็จะวิ่งบนสะพาน ผ่านบนทะเลเพื่อเข้าสู่ ด่านเข้าประเทศมาเลเซีย อีกที ครับ
-พอเข้าด่านมาเลเซีย เราก็ยื่นพาสปอร์ต แล้วก็รอ...จนเสร็จ ก็ขี่ออกไปได้เลย...พร้อมกลับเข้า ถนนE2อีกครั้ง
....คราวนี้ แฟนผม ออเดอร์มาเลยว่า..จะไปต่อที่ มะละกาคืนนึง และต่อด้วย ปีนังไอส์แลนด์(จ็อชทาว์น)อีกคืน....
คราวนี้ก็ขี่ไปด้วย และได้ลองน้ำมันชนิดต่างๆกับ PCXไปด้วย และให้แฟนลองขี่ทางไกลๆไปด้วย(แฟนซ้อนท้ายชอบหลับ)
ก็สนุกดีครับ...ระหว่างทาง โจฮันบารุ ไป มะละกา ขี่นานๆ จนคิดว่าเลยทางเข้าไปแล้ว...พอไปถามทาง เขาบอกมันยังไม่ถึงครับ เหอะๆ
และแล้ว ก็มาถึง ปีนัง ไอส์แลนด์ (George Town)จ้า...แต่ หมอกลงพอดี.... ไอน้ำเกาะเลนส์กล้อง...ดันมารู้ทีหลัง
ถ้าเราไม่เลี้ยวซ้าย...แล้ว ตรงไปก็ คือทางไป Alo star ก็ใกล้กับด่านกลับประเทศไทยแล้ว
สามารถจอดตรงนี้ได้ เพื่อเตรียมเงิน เป็นค่าข้ามสะพานไป ยังปีนัง ไอส์แลนด์ หรือ จ๊อชทาว์น
ขออภัย...ภาพขุ่นๆ ตรงนี้จะเป็นตู้เก็บเงินจะมีพนักงานอยู่ในตู้ กับ ช่องที่เป็นตู้ แตะบัตรเติมเงิน
บรรยากาศระหว่างข้ามสะพานในทะเล
ถึงตัวเมืองแล้ว
ต้องรีบหาทานด่วน ณ จุด จุดนั้น
ขอไปต่อ อีกกระทู้นะครับ....ใกล้จบแล้ว!!!
Review[ตอน3]...กับ PCX 150i All New 2014 ที่เดินทางข้ามประเทศ คันเดียว น่าจะจบตอนนี้!!!
ตอนที่ แรก http://ppantip.com/topic/32259579
ตอนที่สอง http://ppantip.com/topic/32262301
ต่อจากการเดินทาง ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ กันต่อ นะครับ
ผมเคยเป็นเหมือนทุกคน...
ว่าจะหาข้อมูลได้ที่ไหน ที่เราจะทำ
เราจะรู้ได้ไง ว่าสิ่งที่เขากล่าวรูปร่างหน้าตายังไง และต้องทำยังไง ตอนไหน และเมื่อไหร่
แต่ทุกคำถามของเรา ต้องการความกล้า...กล้าที่จะยอมรับ กล้าที่จะเปลี่ยน และกล้าที่จะผิดหวังหากคำตอบมันใช่คำว่าสำเร็จ
นั่นคือชีวิตผมที่ผ่านมา...
ผมมีเงินมากมายใช่ไหม ไม่เลย! เงินเดือนหมื่นกว่าบาท
ผมมีเวลามาก หรือเปล่า! ก็เปล่าเลย...อาศัยเอาวันที่ทำโอที มารวมกัน แล้วขอหัวหน้างาน ไป
แล้วครอบครัวล่ะ...ผมมีแค่แฟน หากมีลูก ผมก็คงเอาไปด้วย! ให้เขาสนุกกับเรา และปลูกฝังการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า
เอาล่ะครับ....เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผมอยากให้เห็นเอกสารแต่ละตัว ที่ผมเอ่ยมาว่าหน้าตาประมาณไหน อันไหนที่มันเสี่ยงต่อการเอาไป ทำตัวปลอมได้ ผมขอเบลอนะครับ
ในรูปก็จะมี....
1.ใบแปลทะเบียนภาษาอังกฤษ จากกรมขนส่ง(ผมขอแนะนำวิธีนี้ ครับ...)
2.ใบประกันภัย ต่างแดน เพื่อยื่นขอป้ายวงกลม ICP
3.ป้ายวงกลม ICP ที่ต้องไป ยื่นขอ ที่ฝั่งมาเลเซีย
พร้อมเอกสารที่ยื่นขอ คือ ใบแปลทะเบียนรถ พาสปอร์ต และ ใบประกันภัย (พร้อมแปะสติ๊กเกอร์สากล ดำ-ขาว ที่รถด้วย)
4.พาสปอร์ต ประจำตัว ใช้ทั้ง ยื่นเข้าออก ประเทศที่เราจะไป และยื่นคู่กับการดำเนินเอกสารและบัตรต่างๆ(พกติดตัวเหมือนบัตรประชาชนนั่นแหละ)
5.บัตร Autopass ที่ สามารถชำระเงินสด ค่าผ่านทาง ประกันภัย และยืนยันตัวตน การนำรถเข้าออก ประเทศสิงคโปร์
6.บัตร Ezlink (หน้าบัตรอาจจะเปลี่ยนแปลง) ใช้พกติดตัว เวลาขึ้นลง ขนส่งมวลชน หรือชำระที่จอดรถ พร้อมยังจ่ายค่าสินค้าบางร้านได้! สิงคโปร์เท่านั้น
****หากท่านใดไม่ชอบอ่านข้อความยาวๆ นี้ ให้เริ่มต้นอ่าน จากรูปถัดไป ได้เลยครับ...****
ผมกับแฟนก็ผ่านไปได้ด้วยดีกับการเที่ยว กัวลาลัมเปอร์กับ สิงคโปร์
ตอนนี้ ขอกล่าวเรื่องที่ผมลืมซื้อ Autopass จาก ด่านสิงคโปร์ตั้งแต่ตอนเข้า
ซึ่งมันทำให้ลำบากเวลาผมจะขี่รถออกจากสิงคโปรไม่ได้ เพราะมีไม่มีบัตรนี้
เพราะเหมือนว่าเราเอารถเข้ามาเหมือนผิดกฏหมาย(ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือการลักขโมย เราแทบไม่ได้มีอะไรเป็นหลักฐาน เลย)
ก็นอนคิดยู่สองคืน ว่าจะทำยังไง เพราะหาข้อมูลไม่ได้เลยว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน
สุดท้ายตัดสินใจว่าจะไปที่ด่านสิงคโปร..ทางที่เราเข้าประเทศในตอนแรก อีกครั้ง
เช้ารุ่งขึ้น ก็เลยนั่งรถเมล์ และรถใต้ดินไปที่ด่าน(ที่นั่นเขาจะเรียกกันว่า Checkpoint)
ซึ่งระหว่างเดินทาง ก็มโน ไปว่า ถ้าโดนปรับขึ้นมา คงฮา ไม่ออก...แต่อย่างว่า
เราเจตนาดีที่จะขอซื้อAutopass ถ้ามันเกิดเป็นเรื่องใหญ่คงต้อง ติดต่อสถานฑูตไทย
พอถึงด่านข้ามแดน...ผมก็เดินเรื่อยๆ พอใกล้จะถึงด่าน ก็สอบถาม จนท.ที่กำลังออกมาซื้อกับข้าวมั้ง
(เห็นถือกล่อง2-3กล่อง)ก็ถามแก...ว่ายังงี้ๆ จะต้องทำไง แกบอกว่าเดินลงไป และเดินไปตามถนนสายนี้
จะเจอ ออฟฟิศที่นั่นน่าจะช่วยได้ ผมยิ้มแก้มปริเลย...
อ่อลืมบอกไป ตอนก่อนผมจะเจอ จนท.ผมเดินประมาณเกือบ1กิโลเมตร(ไปกลับก็น่าจะเกือบๆ3กิโลเมตร)
โดยระยะทางนี้ คือทางเดินในตัวอาคารด่านเข้า-ออกเมืองของสิงคโปร์เขาครับ ใครมาจากมาเลฯ หรือสิงคโปรออกมาเลฯ
น่าจะคุ้นเคยกันดี ว่ายาวขนาดไหน และมีโครงสร้างยังไง...ยิ่งส่วนที่เชื่อมต่อสถานีรถไฟ
จะมีกำแพงลวดหนามกันคนโดดจากรถไฟแล้ววิ่งเข้าประเทศด้วย
และบรรยากาศภายใน เหมือนเดินในสถานีอวกาศเลยครับ(พูดเหมือนว่าเคยไปเนาะ สถานีอวกาศ)
พอเดินตามที่แก บอก...เจอ ออฟฟิศครับ เจอจริงๆแต่เป็นออฟฟิศเล็กๆเท่า ออฟฟิศแลกเงินธนาคารบ้านเรา
ผมก็มองซ้าย มองขวา ว่าใช่ปล่าวฟ่ะ? ก็เดินเข้าไปใกล้ๆ เริ่มเห็นตัวหนังสือแปะตู้ว่า Autopass
ผมหัวเราะในใจ ฮ่าๆๆฮ่าๆๆ...ก็เลยบอกเขาว่า ขอซื้อ Autopass ใบหนึ่งครับ
ป้าก็นั่งหน้า งงๆ.... สุดท้ายคุยกันจนรู้ว่า ที่นี่ ไม่มีขาย เติมเงินได้อย่างเดียว...
เอาแล้วไง ไม่จบ...แต่ก็แนะนำ พร้อมเขียนใส่กระดาษว่าให้ไปที่ ที่หนึ่ง โดยต้องนำรถไปด้วย
นั่นก็คือ LTA (Land Transport Authority) เขาน่าจะช่วยได้(อีกแล้ว) จากรุ่งเช้าจนเวลานี้จะ9:00am
ผมก็เลยคิดว่ากลับโรงแรมก่อน แล้วพอจะกลับ ก็จะไปแวะซื้อบัตร แล้วข้ามแดนกลับไปเลย...
เวลานั้น ก็ใกล้จะถึงเวลา เช็คเอ้าท์ โรงแรม แล้วด้วย จะนั่ง รถTAXI ก็แพง...จริงๆ
ผมเลยต้องกลับโดยวิธีเดิม คือ นั่งรถเมล์ ต่อ รถไฟฟ้า
พอถึง โรงแรม ก็เริ่มเซ็ทของขึ้น PCXพอเสร็จ ก็มานั่งดูแผนที่ว่าจะไปที่นั่นยังไง สรุปว่า เจอครับ
เจอค่ายกลERP(ถ้าไม่เข้าใจ ไปอ่านตอนสอง ครับ) ตั้งเต็มเลย ในเส้นทางที่เราจะผ่านทั้งนั้น อารมณ์ประมาณว่า
ตอนเข้ามาค่ายกลไม่ทำงาน แต่พอจะออก ค่ายกลทำงานแบบ Full Option ทั้ง ERP กับทางพิเศษ..และCCTV
เพราะทางที่เราจะไป ที่ LTA นั้น เป็นเส้นทางผ่านถนนเข้า-ออกตัวเมืองหลักๆทั้งนั้น(ถ้ายอมโดนปรับ คงหลายหมื่น)
สุดท้าย เป็นกุศล..ดลพี่มาพบเจ้า(ประโยคนี้ หาเพลงเปิดคลอ ด้วยครับ)
ผมเจอ โชเฟอร์คนนึง มาหาแฟนที่ทำงานโรงแรมที่ผมพักพอดี ก็เลยสอบถามเส้นทางว่า ผมจะไปยังไงได้บ้าง
เขาอารมณ์ดีมาก และให้ความช่วยเหลือแบบระดับห้าดาว บอกทางไปที ยิงมุขใส่ผมไปที.....ก็ เฮฮาปาร์ตี้กันไป
ก็สรุปว่า ที่บ้านพักเขา ไปเส้นเดียวกันพอดี ให้ขับตาม แล้วไปแยกทางกันใกล้ๆ เดี๋ยวเขาจะพา ทะลุไปเอง Wow!
จากนั้น ก็ขึ้นรถแล้วขับตาม จนสุดท้ายเราก็แยกกันระหว่างทาง ผมต้องขอบคุณเขาจริงๆ
ก่อนขึ้นรถที่จะขับตามนั้น ผมหยิบให้เขา20SGDเขาปฏิเสธ แล้วก็ยิ้มรับไว้แทน!
เอาล่ะ พอแยกกัน เพื่อให้ผมไป ที่LTAต่อ...ผมก็ขับไปตามแผนที่จนเจอ โดย LTA ก็คือ ออฟฟิศดูแลงานทะเบียน
(ถ้าเป็นบ้านเราน่าจะ กรม หรือกระทรวงประมาณนั้น)พอเข้าไปก็คุยให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายก็ได้ทำบัตร Autopassนี่ซะที
ซึ่งมันไม่มีขาย ครับ...ต้องไปทำอย่างที่ผมทำ หรือซื้อตอนเข้าด่านครั้งแรกมาเลย....อย่า พลาดเหมือนผมนะ!
และก็ชำระเงิน ค่าบัตร ค่าภาษี ค่าเติมบัตร และค่าประกันภัย ประมาณ 2พันกว่าบาทเป็นเงินไทย!
ซึ่งอายุบัตรหมดปี 2020นู่น ซึ่งแปลว่า มาได้อีก อ่ะแจ่มเลย!...คราวนี้ก็จบจริงๆกับ AUTOPASS
คุณคนนี้ คือโชเฟอร์ใจดีมากๆ...ที่ทำให้ผมไป จัดการเรื่องบัตร Autopass ได้
พอเสร็จจากได้บัตร Autopass
ก็เอาบัตรอีกใบคือ Ezlink ไปคืนเพื่อแลกเงินกลับ ที่สถานีMRTใกล้ๆ
เอาล่ะ เราต้องลาสิงคโปรกันแล้ว...แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้นถ้าจะออกจากด่าน
ที่ไม่ง่ายเพราะ ต้องเจอรถติดก่อนเข้าด่าน ไงครับ
ที่นี่ เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับรถมอเตอร์ไซค์หรือ รถยนต์(ได้สอบถามระหว่างติดแหง่ก)
ถ้าใครจะออกจากสิงคโปร์เวลาช่วงนี้(เลิกงาน) แนะนำว่าดูน้ำมันในถังว่าถึงครึ่งไหม ส่วนตัวผมพอเพียง รอดไป
สุดท้ายก็รอดข้ามมาเลเซียจนได้ เย้!
เสริมนิดนึง...ขั้นตอนการผ่านด่านเพื่อข้ามกลับมานั้น จะเป็นแบบนี้
-พอถึง ตอนที่เราต้องวิ่งเข้าช่อง ให้ถอดหมวกกันน็อค รอๆไว้เลย เพื่อแสดงใบหน้า
-เตรียมพาสปอร์ต และพร้อมที่จะเสียบบัตร AUTOPASS เข้าไปในเครื่องเพื่อบันทึก (อย่าลืมกดปุ่มรูปรถมอ'ไซค์ด้วยนะ)
โดยเครื่องจะอยู่ใกล้ๆช่องสนทนา ระหว่างเรากับ จนท.
-พอ ประทับตรา วันที่เดินทางออกจาก สิงคโปร เสร็จ..ก็ขับออกมาจากตู้ จอดแอบข้างเลนได้เพื่อ ใส่หมวก เช็คเอกสาร ได้นะครับ
-จากนั้น ขี่ออกมาตามทาง เราก็จะวิ่งบนสะพาน ผ่านบนทะเลเพื่อเข้าสู่ ด่านเข้าประเทศมาเลเซีย อีกที ครับ
-พอเข้าด่านมาเลเซีย เราก็ยื่นพาสปอร์ต แล้วก็รอ...จนเสร็จ ก็ขี่ออกไปได้เลย...พร้อมกลับเข้า ถนนE2อีกครั้ง
....คราวนี้ แฟนผม ออเดอร์มาเลยว่า..จะไปต่อที่ มะละกาคืนนึง และต่อด้วย ปีนังไอส์แลนด์(จ็อชทาว์น)อีกคืน....
คราวนี้ก็ขี่ไปด้วย และได้ลองน้ำมันชนิดต่างๆกับ PCXไปด้วย และให้แฟนลองขี่ทางไกลๆไปด้วย(แฟนซ้อนท้ายชอบหลับ)
ก็สนุกดีครับ...ระหว่างทาง โจฮันบารุ ไป มะละกา ขี่นานๆ จนคิดว่าเลยทางเข้าไปแล้ว...พอไปถามทาง เขาบอกมันยังไม่ถึงครับ เหอะๆ
ระหว่างทางพัก ก็เจอปัญหาตอนพักถ่ายรูป คือ ฝาขวดน้ำหลุดออกในกระเป๋า พวกอิเล็กทรอนิกส์ เลยต้องรีบออกมาผึ่งแดด
เอาล่ะเรามาถึง MELAKA(มะละกา แล้ววว)
ให้แฟนยืนเต๊ะท่า
หลังจากนอนที่นั่น คืนนึง แล้วขี่รถเล่นดื่มด่ำบรรยากาศยามเช้าเสร็จ เราก็ลา มะละกา เพื่อเดินทางไป ปีนังต่อ
ส่วนที่เหลือ...ก็ถ่ายเป็น วีดีโอ และขี่เที่ยวในเมือง...จนลา มะละกา ไปต่อ ปีนัง(ไอสืแลนด์) ครับ
ขับไปก็สนุกไป ไม่น่าเบื่อเหมือนที่หลายๆ คนคิดกันครับ
และแล้ว ก็มาถึง ปีนัง ไอส์แลนด์ (George Town)จ้า...แต่ หมอกลงพอดี.... ไอน้ำเกาะเลนส์กล้อง...ดันมารู้ทีหลัง
ถ้าเราไม่เลี้ยวซ้าย...แล้ว ตรงไปก็ คือทางไป Alo star ก็ใกล้กับด่านกลับประเทศไทยแล้ว
สามารถจอดตรงนี้ได้ เพื่อเตรียมเงิน เป็นค่าข้ามสะพานไป ยังปีนัง ไอส์แลนด์ หรือ จ๊อชทาว์น
ขออภัย...ภาพขุ่นๆ ตรงนี้จะเป็นตู้เก็บเงินจะมีพนักงานอยู่ในตู้ กับ ช่องที่เป็นตู้ แตะบัตรเติมเงิน
บรรยากาศระหว่างข้ามสะพานในทะเล
ถึงตัวเมืองแล้ว
ต้องรีบหาทานด่วน ณ จุด จุดนั้น
ขอไปต่อ อีกกระทู้นะครับ....ใกล้จบแล้ว!!!