หมื่นทิพชวนรำลึก "Outbreak (1995) วิกฤติไวรัสสูบนรก" (นึกถึงเรื่องนี้ทันที เมื่อได้ข่าวเชื้ออีโบล่า)



กิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งของผมคือขุดเอาหนังเก่าๆ ที่ชื่นชอบในอดีตมาดูเพื่อรำลึกความหลัง ขณะเดียวกันก็เพื่อพิสูจน์ด้วยว่าหนังที่เราว่าชอบว่าดีในตอนนั้น พอมาถึงตอนนี้ดีกรีความปลื้มจะยังคงเดิมอยู่หรือไม่

และส่วนใหญ่ก็พบว่า หนังเรื่องไหนที่เราโปรดเมื่อเป็นสิบปีก่อน พอเอามาดูใหม่ ความรู้สึกชื่นชอบก็ยังไม่หายไปไหน อาจมีชอบน้อยลงบ้าง มากขึ้นบ้าง แต่รวมๆ แล้วก็ยังคงยกให้เป็นหนังโปรดในดวงใจต่อไป

หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนี้ครับ Outbreak

จำได้ว่าหนังเรื่องนี้ฉายในช่วงที่ทั้งโลกกำลังตื่นตระหนักเกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบล่าที่ถือว่ามีความร้ายแรงถึงชีวิต ซึ่งช่วงนี้โลกก็กลับมาตื่นตระหนกเพราะเชื้อตัวนี้อีกครั้ง (และได้ข่าวว่ามันมีการกลายพันธุ์ด้วย)

สำหรับในหนังก็ว่าด้วยเชื้อร้ายที่ชื่อ "โมทาบ้า" ที่ถือกำเนิดที่ซาร์อี (หรือแซร์ ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็นคองโกไปเรียบร้อยแล้ว) เชื้อที่ว่านี้ติดต่อกันได้ทางการสัมผัส และผู้ที่ติดเชื้อจะตายอย่างช้าๆ ในเวลาไม่นาน เนื่องจากเหล่าไวรัสจะแพร่ขยายพันธุ์และกัดกินทุกเซลล์ในร่างกาย

ทีนี้พระเอกของเรา ผู้พันแซม แดเนี่ยลส์ (Dustin Hoffman) ก็ได้พบกับฤทธิ์ของไวรัสตัวนี้ เขาจึงพยายามแจ้งกับผู้บังคับบัญชาอย่างท่านนายพลบิลลี่ ฟอร์ด (Morgan Freeman) ให้มีการสั่งเตรียมพร้อมเอาไว้ และเดินหน้าศึกษาไวรัสตัวนี้อย่างเต็มที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มันแพร่ระบาด หรือหากมันแพร่ระบาดขึ้นมาจริงๆ ก็จะได้หายาแก้ไวรัสตัวนี้ได้ทัน แต่ท่านนายพลกลับนิ่งเฉย ไม่รับรู้และไม่อนุมัติใดๆ (ท่ามกลางความสงสัยของแซม) และคิดว่าไวรัสตัวนี้ไม่มีทางมาถึงแผ่นดินอเมริกาได้... แต่ท่านนายพลคิดผิดอย่างแรง

แล้วเจ้าไวรัสโมทาบ้าก็มาถึงอเมริกา ทำให้ผู้พันแซมต้องร่วมมือกับร็อบบี้ (Rene Russo) ภรรยาเก่าในการยับยั้งหายะครั้งนี้ให้ทัน ก่อนมันจะแพร่ไปคร่าชีวิตคนอเมริกันทุกคน

ผมไม่แน่ใจว่าดูเรื่องนี้ไปกี่รอบแล้วนะครับ ทั้งตอนออกวีดีโอ (ไม่ได้ไปดูในโรงครับ) แล้วก็ดูซ้ำ เวลา HBO เอามาฉายก็ดู รวมรอบล่าสุด น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 รอบได้ แต่กระนั้นความชอบก็ยังคงอยู่ครับ เป็นหนังแอ็กชันผสมทริลเลอร์ที่ดูสนุก อาจมีช่วงที่เดินเรื่องช้าไปบ้าง แต่ก็จัดว่าน้อยครับ โดยรวมหนังก็ถือว่าตื่นเต้น น่าติดตาม ช่วงท้ายก็ลุ้นกันหลายต่อมาก นอกจากนี้หนังยังมีช่วงดราม่าและช่วงที่ชวนสยองแทรกลงมาอย่างพอเหมาะ



ก็ต้องขอชมผู้กำกับ Wolfgang Petersen ด้วยล่ะครับที่คุมหนังได้อยู่มือ และระยะนั้นงานของพี่แกก็มีแต่เจ๋งๆ ทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะ In the Line of Fire แล้วก็มี Air Force One เรียกว่าหนังแอ็กชันผสมความระทึกนี่ต้องยกให้เขาจริงๆ ครับ (เสียดายที่มาเสียรังวัดไปกับ Poseidon จนหายจากวงการหนังไปนับ 10 ปีแล้ว)

ดาราก็ระดับคุณภาพครับ ทั้ง Hoffman, Freeman, Russo แล้วก็ยังมี Kevin Spacey ในบท เคซี่ย์ เพื่อนสนิทของแซม, Cuba Gooding Jr. รับบท ซอลท์ ผู้ช่วยของแซม, Donald Sutherland กับบทนายพลโดนัลด์ แม็กคลินท็อก ที่เล่นได้เลือดเย็นสมบทบาทสุดยอด และ Patrick Dempsey ในบทจิมโบ้ สก็อต หนึ่งในคนที่ทำให้เชื้อร้ายเข้ามาสู่อเมริกา (โดยไม่เจตนา)

ดาราดี ผู้กำกับดี เนื้อเรื่องน่าสนใจ การเดินเรื่องก็น่าติดตามไม่เลว ดนตรีประกอบโดย James Newton Howard ก็เร้าใจได้โล่ห์ ยิ่งช่วงไคลแม็กซ์นี่มันทำให้ลึ่นได้มากจริงๆ

หนังมีครบทั้งความระทึกตื่นเต้น และสาระชวนคิดดีๆ ครับ อย่างการมาของไวรัสโมทาบ้านั้น จริงๆ แล้วเหตุนี้จะไม่เกิดถ้าคนเราไม่เบียดเบียนธรรมชาติ ไม่โลภ เพราะว่าตามจริงแล้วของในป่าเราไม่รู้หรอกครับว่ามันจะมีเชื้ออะไรมากน้อยแค่ไหน ยิ่งของในป่าลึกยิ่งต้องระวัง

แต่หากเราดันทุรังจะเอาของในป่าลึกออกมาให้ได้เพื่อทำเงินให้ตนเอง ก็เผื่อใจไว้เถอะครับว่าอาจมีอะไรบางอย่างติดเจ้าของนั้นของมาด้วย ผมไม่ได้หมายถึงอาถรรพ์อะไรนะครับ หมายถึงเชื้อโรคที่เราไม่รู้จักนี่แหละ จริงๆ ก็ชวนให้คิดเหมือนกันว่าสมัยก่อนที่เรามักได้ยินข่าวอาถรรพ์ของจากในป่า หรือของจากขุมทรัพย์อะไรก็ตาม ว่าคนได้มาแล้วต้องตายไป จริงเชื้อร้ายก็เป็นอีกหนึ่งความเป็นไปได้เหมือนกัน

หากมองในมุมนี้ อดคิดไม่ได้ครับว่าบางครั้งธรรมชาติอาจมีเชื้อโรคร้ายกาจเอาไว้เพื่อกำราบมนุษย์ หรือไว้เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่า "อย่าได้ล้างผลาญครอบครองมากเกินไปเลย มนุษย์ทั้งหลาย"



ขณะเดียวกันที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังแนวนี้ในสมัยนั้นก็คือเรื่องประมาณว่า "ทหารรู้บางสิ่งโดยที่ไม่บอกใคร" และ "การบ้าผลิตอาวุธเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ" อย่างในเรื่องนี้ไวรัสก็สามารถทำเป็นอาวุธได้... แต่หากกว่าจะได้อาวุธนั้นมาเพื่อใช้ปกป้องคนอเมริกัน ทว่ากลับต้องแลกมาด้วยชีวิตและเลือดคนอเมริกันมากมาย... อาวุธแบบนี้ยังถือว่าดีน่าใช้ได้อีกหรือ

ในยุคหนึ่ง การเป็นที่หนึ่งเหนือใคร การช่วงชิงเพื่อให้ได้มาอาจเป็นแนวทางที่ "เชื่อกันว่า" นั่นแหละจะนำความสงบมาสู่คนหมู่มาก... แต่ประวัติศาสตร์ได้สอนเราแล้วว่า การอยู่ร่วมกันให้ได้ ช่วยเหลือให้ได้ นั่นต่างหากคือหนทางที่จะนำพาให้รอด

สำหรับขั้นตอนการสร้างหนังเรื่องนี้นั้น จริงๆ ปีที่หนังฉายน่ะแทบจะเป็นปีที่ฮอลลีวู้ดมีหนังไวรัส 2 เรื่องชนกันเลยนะครับ เรื่องแรกที่มีการประกาศว่าจะสร้างและมีเนื้อหาว่าด้วยไวรัสก็คือ "Hot Zone" ที่ผู้สร้างคือ 20th Century Fox ได้มีการวางตัวให้ Ridley Scott มากำกับ และ Robert Redford กับ Jodie Foster แสดงนำ

แต่ระหว่างการเตรียมงานก็พบว่ามีอุปสรรคมากมายครับ ขณะเดียวกันทางผู้อำนวยการสร้าง Arnold Kopelson ก็มีไอเดียอยากทำหนังไวรัสแบบนี้เหมือนกัน เลยจ้างให้ Ted Tally เขียนบทให้ ซึ่งบางร่างแรกเป็นที่ชื่นชอบของ Kopelson ครับ และตามความตั้งใจเดิมนั้น คนจะมารับบทนำคือ Harrison Ford แต่เขาก็ปฏิเสธไป

ระหว่างที่โปรเจคท์ Outbreak กำลังลุ่มๆ ดอนๆ นั้นเอง ปรากฏว่า Dustin Hoffman และ Wolfgang Petersen โผล่เข้ามาเสนอตัว รายแรกจะแสดง และรายหลังจะกำกับ ซึ่ง Kopelson ยินดีอยู่แล้วครับ จึงได้ทำเรื่องเสนอไปที่ Warner Bros เพื่อขอทุน และทางนั้นก็อนุมัติไฟเขียวมาให้

ทีนี้พอ Outbreak สู่ขั้นตอนการสร้าง ทาง Hot Zone ก็ร้อนๆ หนาวๆ ครับ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปทั้งผู้กำกับและนักแสดงต่างพากันโบกมือลา จนไม่เหลือใคร ในที่สุดค่าย Fox ก็ตัดสินใจยุบโปรเจคท์นี้ ปล่อยให้ค่าย Warner Bros. ประสบความสำเร็จไปพอตัวจากหนังเรื่องนี้... ยอมรับว่าลึกๆ แล้วอยากรู้เหมือนกันว่า Hot Zone ถ้าทำออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร

แต่สำหรับเรื่อง Outbreak นี้ ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ดูได้ "อย่างเพลิน อย่างมันส์ และอย่างลุ้น"

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=10000tip&month=02-2013&date=24&group=18&gblog=463
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่