เช้าวันทำงานวันหนึ่งขณะที่ผมเดินทางมาถึงออฟฟิตก็พบกับหัวหน้าที่ยืนรอลิฟท์อยู่ เมื่อเห็นผมหัวหน้าก็พูดขึ้นว่า เดี๋ยวเสาร์นี้คุณไปงานที่ต่างจังหวัดหน่อยนะ ส่วนหมายกำหนดการนั้นอยู่บนโต๊ะทำงาน เมื่อประตูลิฟท์เปิดเราทั้ง 2 คน ก็ก้าวเข้าไปในลิฟท์อย่างอัตโนมัติ ไม่นานลิฟท์ก็ส่งยังชั้น 6 ผมเดินตามหลังหัวหน้าเข้าไปยังห้องทำงานอย่างสงบเสงี่ยม
จากนั้นผู้เป็นลูกพี่ก็ยื่นหมายกำหนดการที่ทางบริษัทปลายทางส่งมาอยากให้ไปร่วมทำข่าว ผมยื่นมือขวาข้างถนัดหยิบกระดาษนั้นมาอ่านมาก็รู้ว่าวันเสาร์ที่จะถึงต้องไปทำข่าวที่พัทยา 2 วัน 1 คืน ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก คิดเพียงอย่างเดียวว่าก็ดีแฮะ ได้ไปทำงานต่างหวัดถือว่าซะว่าพักผ่อนในตัว
วันเสาร์ผมเดินทางออกจากบ้านที่เมืองนนท์ มาถึงลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต และเพ่งมองไปยังข้อมือขวาที่สวมนาฬิกาอยู่ ทำให้รู้ว่าเป็นเวลา 8 โมง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ โทรไปยังเบอร์ที่ให้ไว้ในกระดาษที่ส่งมายังออฟฟิตเพื่อสอบถามว่ารออยู่ตรงไหน และพูดคุยกับปลายสายและเดินมาเจอเจ้าของเสียงหวานนุ่ม มาถึงก็พบว่าผมมาถึงเป็นคนที่ 2 ทางพีอาร์ ได้ให้เข้าไปในนั่งรอในรถ ซึ่งมีนักข่าวมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว 1 คน
ไม่นานนักนักข่าวก็ทยอยมากันอีก 3 คน พีอาร์ก็บอกว่าครบแล้วออกเดินทางกันได้ เมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอดรถผมก็หลับตาลงทันที บางคนพูดคุยกับพีอาร์ ตามประสาคนคุ้นเคย จนถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่ทางเจ้าของงานได้จัดเตรียมไว้ให้พัก ทุกคนเดินไปที่ล็อบบี้ของเพื่อรับกุญแจห้อง ตอนแรกคิดว่าจะได้นอนห้องละ 2 คน เหมือนอย่างเคย แต่ผิดคาดครั้งนี้ได้นอนคนละห้องผมได้นอนห้อง 908
จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็เอาสัมภาระไปเก็บในห้องพักของตัวเอง ผมเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักก็พบเตียงนุ่มๆ ขนาดใหญ่กลางห้อง ระเบียงมองเห็นวิวของเมืองพัทยา ห้องน้ำกว้างมีอ่างอาบน้ำไว้ให้นอนแช่ผ่อนคลาย ตอนนั้นผมคิดเล่นๆ ว่า ถ้ากลับมาจากทำงานจะนอนแช่น้ำและเปิดเพลงฟังเบาๆ คงจะมีความสุขน่าดู ความจริงแล้วตอนนั้นผมทำได้เพียงแค่ล้างหน้าเท่านั้น ก่อนที่จะลงไปยังล็อบบี้ด้านล่าง เพื่อไปกินข้าวและไปทำข่าวที่ถูกเชิญมา
ผมกลับมาโรงแรมอีกครั้งตอนประมาณ 6 โมงเย็น เพื่ออาบน้ำและออกไปกินข้าวเย็นพร้อมดูแสงสียามค่ำคืน พอได้เวลาพีอาร์ก็พาพวกเรากลับมายังโรงแรม ถึงห้องผมอาบน้ำอีกครั้งและแต่งชุดที่สบายที่สุดคือสวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงฟุตบอลก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่นานก็หลับไป
ขณะที่หลับอยู่นั้นฝันเห็นผู้หญิงสวมชุดสีขาวผมยาวรุงรังปกคลุมใบหน้า ลักษณะเหมือนตัวเปียกน้ำมายืนอยู่ท้ายเตียง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโทนต่ำและเยือกเย็นขึ้นมาว่า “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ผมสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ที่มืดสลัว แต่ก็ยังมองเห็นสิ่งของภายในห้อง ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หยิบนาฬิกาข้อมือที่วางบนโต๊ะโคมไฟที่อยู่ข้างหัวเตียงบอกเวลาตี 3
http://tiewkrungthep.weebly.com/35943656362336183604365736233618.html
ผีร้องให้ช่วย
จากนั้นผู้เป็นลูกพี่ก็ยื่นหมายกำหนดการที่ทางบริษัทปลายทางส่งมาอยากให้ไปร่วมทำข่าว ผมยื่นมือขวาข้างถนัดหยิบกระดาษนั้นมาอ่านมาก็รู้ว่าวันเสาร์ที่จะถึงต้องไปทำข่าวที่พัทยา 2 วัน 1 คืน ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก คิดเพียงอย่างเดียวว่าก็ดีแฮะ ได้ไปทำงานต่างหวัดถือว่าซะว่าพักผ่อนในตัว
วันเสาร์ผมเดินทางออกจากบ้านที่เมืองนนท์ มาถึงลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต และเพ่งมองไปยังข้อมือขวาที่สวมนาฬิกาอยู่ ทำให้รู้ว่าเป็นเวลา 8 โมง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ โทรไปยังเบอร์ที่ให้ไว้ในกระดาษที่ส่งมายังออฟฟิตเพื่อสอบถามว่ารออยู่ตรงไหน และพูดคุยกับปลายสายและเดินมาเจอเจ้าของเสียงหวานนุ่ม มาถึงก็พบว่าผมมาถึงเป็นคนที่ 2 ทางพีอาร์ ได้ให้เข้าไปในนั่งรอในรถ ซึ่งมีนักข่าวมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว 1 คน
ไม่นานนักนักข่าวก็ทยอยมากันอีก 3 คน พีอาร์ก็บอกว่าครบแล้วออกเดินทางกันได้ เมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอดรถผมก็หลับตาลงทันที บางคนพูดคุยกับพีอาร์ ตามประสาคนคุ้นเคย จนถึงโรงแรมแห่งหนึ่งที่ทางเจ้าของงานได้จัดเตรียมไว้ให้พัก ทุกคนเดินไปที่ล็อบบี้ของเพื่อรับกุญแจห้อง ตอนแรกคิดว่าจะได้นอนห้องละ 2 คน เหมือนอย่างเคย แต่ผิดคาดครั้งนี้ได้นอนคนละห้องผมได้นอนห้อง 908
จากนั้นพวกเราทั้งหมดก็เอาสัมภาระไปเก็บในห้องพักของตัวเอง ผมเปิดประตูเข้าไปภายในห้องพักก็พบเตียงนุ่มๆ ขนาดใหญ่กลางห้อง ระเบียงมองเห็นวิวของเมืองพัทยา ห้องน้ำกว้างมีอ่างอาบน้ำไว้ให้นอนแช่ผ่อนคลาย ตอนนั้นผมคิดเล่นๆ ว่า ถ้ากลับมาจากทำงานจะนอนแช่น้ำและเปิดเพลงฟังเบาๆ คงจะมีความสุขน่าดู ความจริงแล้วตอนนั้นผมทำได้เพียงแค่ล้างหน้าเท่านั้น ก่อนที่จะลงไปยังล็อบบี้ด้านล่าง เพื่อไปกินข้าวและไปทำข่าวที่ถูกเชิญมา
ผมกลับมาโรงแรมอีกครั้งตอนประมาณ 6 โมงเย็น เพื่ออาบน้ำและออกไปกินข้าวเย็นพร้อมดูแสงสียามค่ำคืน พอได้เวลาพีอาร์ก็พาพวกเรากลับมายังโรงแรม ถึงห้องผมอาบน้ำอีกครั้งและแต่งชุดที่สบายที่สุดคือสวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงฟุตบอลก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงไม่นานก็หลับไป
ขณะที่หลับอยู่นั้นฝันเห็นผู้หญิงสวมชุดสีขาวผมยาวรุงรังปกคลุมใบหน้า ลักษณะเหมือนตัวเปียกน้ำมายืนอยู่ท้ายเตียง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโทนต่ำและเยือกเย็นขึ้นมาว่า “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย” เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ ผมสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้นมาในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ที่มืดสลัว แต่ก็ยังมองเห็นสิ่งของภายในห้อง ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หยิบนาฬิกาข้อมือที่วางบนโต๊ะโคมไฟที่อยู่ข้างหัวเตียงบอกเวลาตี 3
http://tiewkrungthep.weebly.com/35943656362336183604365736233618.html