เท่าที่รู้มา กองสลาก ขายสลาก ให้กับพวกมูลนิธิต่างๆ แล้วให้มูลนิธิ เอาไปขายต่อให้พวก ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว แล้วค่อยไปถึงมือผู้ขายรายย่อย ราคามันก็ต้องแพงเป็นธรรมดา
ผมอยากรู้ว่า การแก้ปัญหามันยากเย็นมากอย่างนั้นเลยเหรอ เพียงแค่ขั้นตอนการตัดยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ออกไป
สิ่งที่ผมสงสัยคือ ต้นทุนค่าขนส่งล็อตเตอรี่มันแพงมากเหรอ ขนล็อตเตอรี่ซัก 50000-100000 ใบ หรือมากกว่านั้น มันต้องใช้รถบรรทุกซัก 3 คันเลยหรือเปล่า ถึงทำให้ต้นทุนล็อตเตอรี่มันแพงขึ้นมามากมาย หรือว่ากลุ่ม ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เอากำไรเกินควร
สำหรับมุมมองผมนะ วิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาขาย คือ
1. กำหนดให้กองสลาก จัดตั้งศูนย์จำหน่ายสลาก เอง ตามจังหวัดต่างๆ คล้ายๆ กับพวกสถานธนานุเคราะห์ (โรงรับจำนำของรัฐ) เพียงแต่เป็นหน่วยงานของกองสลากที่จำหน่ายเอง ไปเปิดทุกจังหวัด แล้วจำหน่ายสลากให้กับรายย่อยเอง อาจจะระบุไปเลยว่า บุคคล 1 คน สามารถซื้อสลากได้ไม่เกินกี่ใบ ขั้นต่ำคือ 20 ใบ สูงสุดไม่เกิน 100-200 ใบ โดยจดไปเลยว่าเป็นใคร ผู้ค้ารายย่อย คนพิการ (ทำทะเบียนคนพิการ)
ถ้ากลุ่มทุนอยากได้สลากจำนวนมาก ก็อาจจะห้องหาบุคคลไปกว้านซื้อ ซึ่งก็ต้องมีกฎหมายควบคุมตรงนี้ หากมีพยานหลักฐานเอาผิดว่ามีการใช้บุคคลอื่นไปกว้านซื้อจริง ก็มีความผิดทั้งคนกว้านซื้อ กับคนที่เป็นนายหน้าไปซื้อให้ด้วย
โดยรวมผมมองว่าการจัดตั้งหน่วยขายสลากประจำจังหวัด มันไม่ได้ยากเย็น และใช้เงินทุนมากมายเท่าไร เทียบกับรายได้ที่กองสลากได้ไป แถมยังเป็นการลดทอนอำนาจผู้ค้ารายใหญ่ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว อีกทางด้วย และทำให้ผู้ค้ารายย่อยได้ลืมตาอ้าปากมากขึ้น ประชาชนได้ของในราคาหน้าสลาก
2. ออกกฎหมายบังคับใช้ บุคคลหรือหน่อยงานใดขายสลากเกินกว่าที่กำหนด 80 บาท มีความผิดทางกฎหมาย หลักฐานก็อาจจะเป็นคลิปวีดีโอ คลิปเสียง หรือมีพยานบุคคล หลักฐานชัดเจน
3. ระบุให้ชัดเจนว่าจะแบ่งสัดส่วนเท่าไรให้กับ มูลนิธิ และหน่วยขายสลากของแต่ละจังหวัด (ที่จัดตั้งขึ้น) เช่น ระบุไปเลยสัดส่วนสลากทั้งหมด 30% ให้มูลนิธิ และอีก 70% ให้กับหน่วยขายกองสลากของแต่ละจังหวัด โดยอาจจะแยกให้ชัดเจนว่าจะส่งสลากไปขายแต่ละจังหวัดเป็นจำนวนกี่ใบ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของจังหวัดนั้นๆ และผู้ที่มาลงทะเบียน (เช่น คนพิการ) อีกด้วย
หรือหาก จะยังคงขายให้มูลนิธิ เช่นเดิม แล้วให้มูลนิธิปล่อยให้กับผู้ค้ารายใหญ่ ก็ให้ปล่อยตามเดิม แต่ผู้ค้ารายใหญ่ ก็ต้องเอาไปจำหน่ายต่อได้ไม่เกิน 80 บาท หากมีผู้ค้ารายย่อยร้องเรียน มีพยานหลักฐาน ก็จับติดคุก และปรับหนักๆ ไปเลย
เพราะกลุ่มทุน ผู้ค้ารายใหญ่ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ต่างๆ นี่แหละ ที่ทำให้ปัญหาราคาขาย 80 บาท มีปัญหา
ประเด็นมันอยู่ที่ จะทำลายกลุ่มทุน โดยใช้กฎหมายควบคุม และเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของกองสลาก ได้หรือเปล่า ทำได้ประชาชนก็ได้ประโยชน์ หากทำไม่ได้ ปัญหานี้ก็เรื้อรัง กลุ่มทุนก็กินกำไรกันไปไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะถึงยังไงผู้ค้ารายย่อย กับคนซื้อหวย มันก็ยังคงซื้ออยู่วันยังค่ำ
ผมไม่ได้บอกให้ไปจับกลุ่มทุน ยี่ปั๊ว ซาปั๊วอะไรหรอกนะครับ แต่ทางกองสลาก กับกฎหมาย ต้องควบคุม ให้เกิดความเป็นธรรมแก่คนจำหน่ายสลากให้เท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายใหญ่ ไม่ใช่เอากำไรเกินควร กดขี่ผู้ค้าขายย่อย แล้วเอามาขายเกินราคาเดือดร้อนประชาชน
สงสัยว่าทำไม ล็อตเตอรี่ ขาย 80 บาทไม่ได้ ไม่ตั้งใจทำ หรือว่าทำไม่ได้
ผมอยากรู้ว่า การแก้ปัญหามันยากเย็นมากอย่างนั้นเลยเหรอ เพียงแค่ขั้นตอนการตัดยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ออกไป
สิ่งที่ผมสงสัยคือ ต้นทุนค่าขนส่งล็อตเตอรี่มันแพงมากเหรอ ขนล็อตเตอรี่ซัก 50000-100000 ใบ หรือมากกว่านั้น มันต้องใช้รถบรรทุกซัก 3 คันเลยหรือเปล่า ถึงทำให้ต้นทุนล็อตเตอรี่มันแพงขึ้นมามากมาย หรือว่ากลุ่ม ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เอากำไรเกินควร
สำหรับมุมมองผมนะ วิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาขาย คือ
1. กำหนดให้กองสลาก จัดตั้งศูนย์จำหน่ายสลาก เอง ตามจังหวัดต่างๆ คล้ายๆ กับพวกสถานธนานุเคราะห์ (โรงรับจำนำของรัฐ) เพียงแต่เป็นหน่วยงานของกองสลากที่จำหน่ายเอง ไปเปิดทุกจังหวัด แล้วจำหน่ายสลากให้กับรายย่อยเอง อาจจะระบุไปเลยว่า บุคคล 1 คน สามารถซื้อสลากได้ไม่เกินกี่ใบ ขั้นต่ำคือ 20 ใบ สูงสุดไม่เกิน 100-200 ใบ โดยจดไปเลยว่าเป็นใคร ผู้ค้ารายย่อย คนพิการ (ทำทะเบียนคนพิการ)
ถ้ากลุ่มทุนอยากได้สลากจำนวนมาก ก็อาจจะห้องหาบุคคลไปกว้านซื้อ ซึ่งก็ต้องมีกฎหมายควบคุมตรงนี้ หากมีพยานหลักฐานเอาผิดว่ามีการใช้บุคคลอื่นไปกว้านซื้อจริง ก็มีความผิดทั้งคนกว้านซื้อ กับคนที่เป็นนายหน้าไปซื้อให้ด้วย
โดยรวมผมมองว่าการจัดตั้งหน่วยขายสลากประจำจังหวัด มันไม่ได้ยากเย็น และใช้เงินทุนมากมายเท่าไร เทียบกับรายได้ที่กองสลากได้ไป แถมยังเป็นการลดทอนอำนาจผู้ค้ารายใหญ่ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว อีกทางด้วย และทำให้ผู้ค้ารายย่อยได้ลืมตาอ้าปากมากขึ้น ประชาชนได้ของในราคาหน้าสลาก
2. ออกกฎหมายบังคับใช้ บุคคลหรือหน่อยงานใดขายสลากเกินกว่าที่กำหนด 80 บาท มีความผิดทางกฎหมาย หลักฐานก็อาจจะเป็นคลิปวีดีโอ คลิปเสียง หรือมีพยานบุคคล หลักฐานชัดเจน
3. ระบุให้ชัดเจนว่าจะแบ่งสัดส่วนเท่าไรให้กับ มูลนิธิ และหน่วยขายสลากของแต่ละจังหวัด (ที่จัดตั้งขึ้น) เช่น ระบุไปเลยสัดส่วนสลากทั้งหมด 30% ให้มูลนิธิ และอีก 70% ให้กับหน่วยขายกองสลากของแต่ละจังหวัด โดยอาจจะแยกให้ชัดเจนว่าจะส่งสลากไปขายแต่ละจังหวัดเป็นจำนวนกี่ใบ ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของจังหวัดนั้นๆ และผู้ที่มาลงทะเบียน (เช่น คนพิการ) อีกด้วย
หรือหาก จะยังคงขายให้มูลนิธิ เช่นเดิม แล้วให้มูลนิธิปล่อยให้กับผู้ค้ารายใหญ่ ก็ให้ปล่อยตามเดิม แต่ผู้ค้ารายใหญ่ ก็ต้องเอาไปจำหน่ายต่อได้ไม่เกิน 80 บาท หากมีผู้ค้ารายย่อยร้องเรียน มีพยานหลักฐาน ก็จับติดคุก และปรับหนักๆ ไปเลย
เพราะกลุ่มทุน ผู้ค้ารายใหญ่ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ต่างๆ นี่แหละ ที่ทำให้ปัญหาราคาขาย 80 บาท มีปัญหา
ประเด็นมันอยู่ที่ จะทำลายกลุ่มทุน โดยใช้กฎหมายควบคุม และเปลี่ยนแปลงการบริหารงานของกองสลาก ได้หรือเปล่า ทำได้ประชาชนก็ได้ประโยชน์ หากทำไม่ได้ ปัญหานี้ก็เรื้อรัง กลุ่มทุนก็กินกำไรกันไปไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะถึงยังไงผู้ค้ารายย่อย กับคนซื้อหวย มันก็ยังคงซื้ออยู่วันยังค่ำ
ผมไม่ได้บอกให้ไปจับกลุ่มทุน ยี่ปั๊ว ซาปั๊วอะไรหรอกนะครับ แต่ทางกองสลาก กับกฎหมาย ต้องควบคุม ให้เกิดความเป็นธรรมแก่คนจำหน่ายสลากให้เท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายใหญ่ ไม่ใช่เอากำไรเกินควร กดขี่ผู้ค้าขายย่อย แล้วเอามาขายเกินราคาเดือดร้อนประชาชน