เรื่องเกิดขึ้นประมาณกุมภาปีนี้ หลังจากเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ที่ยังคงติดต่อกัน (จบ ป ตรี มา 4 ปีแล้ว) บ่นๆ มาทางไลน์กรุ๊ป ว่าเครียดเรื่องงาน อยากหางานใหม่ เพราะงานหนัก ปัญหาเจ้านาย รวมทั้งตอนนี้บริษัทที่ทำอยู่ประสบปัญหาขาดทุนจนทำให้แต่ละสัปดาห์ต้องประกาศหยุด 1 หรือ 2 วัน แล้วจ่าย 75%
หลังจากฟังปัญหาดังกล่าว ด้วยความที่เราพอรู้จากที่ทำงานเก่าว่ากำลังเปิดรับสมัครตำแหน่งเก่าที่เราเคยทำ (Engineer) เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่า สนใจหรือเปล่า เดี๋ยวจะลองฝากกับเจ้านายเก่าเราให้ เพราะค่อนข้างสนิทกับนายเก่าพอสมควร ซึ่งเพื่อนก็สนใจ เราเลยให้เพื่อนส่ง resume' แล้วยื่นให้นายเก่าไป
หลังจากนั้นเราก็ไลน์ไปคุยกับนายเก่า ประมาณโฆษณาเพื่อนว่า ทำงานเก่ง ขยัน อดทน ซึ่งดูว่านายเก่าเราก็ค่อนข้างสนใจ เลยส่งเรื่องให้ HR นัดสัมภาษณ์ ในอาทิตย์ถัดไป ซึ่งเพื่อนเราพอรู้ก็ให้เราช่วยถามนายเก่าให้ว่าจะถามประมาณไหน เราก็ถามให้ นายเก่าเราก็บอกแนวว่าตอบประมาณไหน เพราะในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ จะมีนายเก่าเรา กับนายของนายเราซึ่งเป็น mrg (นายเราเป็น asst.mrg) ซึ่งจากการคุยในไลน์นายเราก็พูดว่านายเราคงไม่มีปัญญา รับแน่ อาจจะติดที่นายใหญ่ว่าจะรับหรือเปล่า
ซึ่งก่อนวันสัมภาษณ์เพื่อนเราคนนี้ก็มาพักที่หอเรา และให้เรานำทาง เพราะไม่คุ้นที่ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเพื่อนเราก็โทรให้เราไปถามนายเก่าทันที่ว่ารับหรือเปล่า เพราะจะได้เตรียมตัวเคลียร์งาน ซึ่งเราก็ติดต่อให้ นายเราบอกรับแล้ว กำลังส่งเรื่องให้ HR และรอให้ HR ตรวจประวัติและโทรไปยืนยัน ซึ่งพอผ่านไปสักสองวัน HR ยังไม่โทรไป เพื่อนเราก็เลยโทรให้เราสอบถามไปทางนั้นให้หน่อย เพราะอยากมั่นใจ เราก็โทรไปหาธุรการเก่าที่แผนกว่าส่งเรื่องไปหรือยัง ทางนั้นบอกส่ง HRแล้ว พอผ่านไปอีกวันสองวัน เพื่อนเร่งให้เราสอบถามไปอีก ว่าทำไมยังไม่ติดต่อมา ขอให้เราถามให้หน่อย เราด็ถามให้ ซึ่งธุรการเราก็ไปถาม HR พบว่าคนที่ดูแลเรื่องนี้ลาพักร้อน ซึ่งอีกวันสองวัน HR ก็โทรไปยืนยันแล้วให้เพื่อนไปตรวจรายกาย
ซึ่งการที่เพื่อนย้ายที่ทำงานครั้งนี้ ต้องย้ายที่พักด้วย เพราะบ้านกับที่ทำงานใหม่อยู่คนละจังหวัด (เพื่อนอยู่กับแม่) เพื่อนเราเลยขอมาอยู่ด้วย เพราะคงเรื่องประหยัดด้วย เราก็ไม่มรปัญหา กะว่ามาก็คงไม่เก็บค่าเช่า แต่คงให้เพื่อนรับผิดชอบค่าน้ำไฟ เพื่อนก็บอกให้เราไปปั๊มกุญแจ ทำคีย์การ์ดให้ เราก็ทำมาเรียบร้อย ระหว่างนั้น เพื่อนเราก็ขอให้เราแนะนำเพื่อนที่ บ ใหม่ให้ เราก็สร้างกลุ่มให้คุยกันเสร็จสรรพ
กำหนดเข้าทำงานที่ใหม่อีกราวๆ วันที่ 15-17 มีนา ซึ่งระหว่างนั้นที่ทำงานเพื่อนก็ประมาณจะรั้งๆ ตัวไว้ เพื่อนก็มีไลน์มาบอกนิดหน่อย เราก็ถามว่าตกลงจะมาไหม เพื่อนบอกย้ายแน่นอนไม่เปลี่ยนใจแล้ว หลังจากนั่นอยู่ๆ เพื่อนก็เงียบไปสอง สามวัน ไม่ติดต่อ ไม่ขนของมา เราก็เริ่มคิดว่ามันแปลกๆ พอดีกับมีทริปเที่ยว เสาร์-อาทิตย์ ที่ 6-7 มีนา ที่จองทัวร์ล่วงหน้ากับเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งเพื่อนคนนี้ กะเพื่อนสนิทอีกสองคน รวมเป็น 4 คน ซึ่งพอเจอปุ๊บ เราเห็นท่าที่เพื่อนที่ต้องการย้ายงาน ต่อไปเราขอเรียกว่า A ดูแปลกๆ เราเลยพูดออกไปว่า อย่าบอกว่าจะเปลี่ยนใจนะ เพื่อนเราก็บอกว่าหัวหน้าใหญ่ที่ บ จะจอเรียกคุย แล้ว A ก็ไม่พูดอะไรอีก ด้วยความที่เราไม่อยากให้ทริปล่ม เราเลยไม่พูดอะไรต่อ แต่เรารอเพื่อนมาคุย มาบอกให้เราฟังด้วยตัวเอง พอเพื่อนไม่พูดเราก็ไม่ถาม
จนวันอาทิตย์เราขอแยกตัวกลับไปหอ เพื่อนก็ไม่พูดอะไร ซึ่งตอนจะลากลับเรายังคุยกับเพื่อนในกลุ่มที่เหลืออีก 2 คนว่าอาจตะไปร่วมนั่งสมาธิ ในสัปดาห์หน้า เรากลับมาวันจันทร์นายเก่าก็ไลน์มาถามเรื่องเพื่อน ว่าจะมาวันไหน เราก็บอกไปว่าน่าจะ 15-17 แหละ พี่ที้ทำงานเก่าก็ถามมาเราก็ตอบตามนั่น ส่วนเพื่อนเราตั้งแต่กลับจากเที่ยวก็ไปติดต่อมา จนกระทั้งพุธเย็น เราก็เลยตัดสินใจถาม ว่าตกลงมาไหม เพื่อนก็เกริ่นนู้น นี้ ตกลงบอกว่าคงไม่มา แล้ว
เรายอมรับว่าเราไม่พอใจ ตรงที่ตอนคุณอยากมาคุณก็เร่งฉันทุกอย่าง แต่พอเปลี่ยนใจ ไม่คิดจะบอก ทำไมถึงไม่ไลน์ไม่อะไรมาคุยกันก่อน ก็เลยถามย้ำว่า ตกลงไม่มาแน่ใช่ไหม เพื่อน บอกใช่ พอดีเรากำลังขับรถเลย พิมพ์ไปในไลน์ว่า งั้นจบกัน (ความหมายสำหรับเราตอนนั้น คือ แค่นี้ก่อนจะขับรถ แต่เราขี้เกียตพิมพ์) ปรากฏว่าหลังคำนั้น เพื่อนเราก็ใส่ เราเลยประมาณว่า เรื่องแค่นี้เลิกคบเลยเหรอ ก็เพราะแกเป็นแบบนี้ นิสัยแบบนี้เลยไม่บอกไง แล้วก็พิมพ์นิสัยเสียๆ เรามา เราอึ้งคำว่า นิสัยจนเพื่อนละอา เราอ่านจบบอกเลยควันออกหู ไม่คิดจะอธิบายคำที่พิมพ์ว่าจบกันแค่นี้ คืออะไร
เราก็ cap คำพูกมัน ส่งไปไลน์กลุ่มแล้วบอกว่ส ถ้าเพื่อนคนในละอาเรามาก บอกด้วยนะ จะเลิกคบเรา เราก็ไม่ว่า (ยอมรับว่าตอนนั้นโกรธจนพาล) ซึ่งเพื่อนในกลุ่มก็งงๆ และตกใจ เพื่อนๆ บอกให้ใจเย็น
A ก็ส่งไลน์มาหาเราบอกทำแบบนี้ทำไม ไปอาละวาทในกรุ๊ปทำไม แล้วบอกก็ว่าเรามา ประมาณเรานิสัยไม่ดี A เป็นเพื่อนเลยอยากเตือน ในสมองเราตอนนั้นคิดว่า อ่อ สรุปเรื่องทั้งหมด ฉันผิด แกถูก ไม่ผิดสักอย่างชินะ เรื่องทั้งหมดเป็นที่นิสัยฉัน
สุดท้าย A พูดกับเราประมาณว่ายกเพื่อนในกรุ๊ปไง จะออกจากกรุ๊ปเอง แล้วก็ลบชื่อตัวเองจากกรุ๊ปไลน์ เราก็บอกเกี่ยวอะไร แล้วก็เชิญ a เอากลุ่ม แต่ a ก็ไม่เข้า
จนถึงวันเสาร์ เราเห็น facebook ของเพื่อนในกลุ่มคือ B กับ C ที่ตอนแรกว่าจะไปนั่งสมาธิที่วัด ไปเที่ยวบ้านของA ซึ่งไม่ชวนเราทั้งๆ ที่เราอยู่ไปไกลจาก a และเป็นทางผ่าน เราก็เลยว่าเพื่อนคงเลือกข้าง และเราตัดสินใจว่าจะออกเอง เลยลบตัวเองออกจากกรุ๊ป (ปล แต่เรายังคุยกับDเพื่อนอีกคนในกรุ๊ปอยู่)
ซึ่งหลังจากผ่านไปสองอาทิตย์เราก็สังเกตว่า A ไม่กดไลน์อะไรที่เราโพสในเฟส และในไลน์ ทั้งๆที่ปกติจะกดไลน์ตลอด พอๆ กับเราไม่เห็นโพสของA ในเฟส เราเลยกดดู profile ไลน์ของ A ปรากฏว่าดูไม่ได้ เราเลยฝาก D ดูให้ซึ่ง D ก็ดูได้ปกติ เราก็เลยสงสัยว่า A คงบล๊อกหรือเลือกที่จะกีดกันเรา ซึ่งตอนนั้นเราไม่แคร์ แต่ด้วยความที่เราไปค้ำประกันรถยนต์ให้ A และยังเหลืองวดผ่อนชำระ 60 เดือน เราเลยบอก a ไปว่าขอถอนค้ำรถนะ พอดีเราติดปัญหาต้องไปค้ำให้ประกันอาเรา ซึ่ง A ก็ตอบมาแบบ ทำงงๆ ว่าค้ำแล้วค้ำอีกได้นะ เราบอกว่าขอถอนนะ (เราตอบไปดี) ทางนั้นก็ถามว่าแกเป็นอะไรไป จะถอนทำไป เราติดนั้นนี้ แล้ว a ก็ถามว่าเรื่องนั้นเหรอ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฯลฯ เราก็ยืนยันว่าขอถอน เพื่อนก็บอกแล้วชั้นจะให้ใครค้ำ คนที่ทำงานเงินเดือนไม่ถึง เราก็แนะนำเพื่อนที่ A สนิทไปก็ A ก็บอกถามแล้ว แต่เค้าบอกกู้ซื้อคอนโดค้ำให้ใครไม่ได้ เราก็ตอบกลับไปว่า ก็ตอนฉันค้ำให้แก ฉันก็กู้ซื้อคอนโดนเห็นยะงคำ้ได้ (เรื่องค้ำรถยนต์เพื่อนเราก็เร่งเราให้ค้ำเหมือนกัน) A ก็บอกเราว่า ก็มันตอบมาแบบนี้แล้วจะให้เราพูดยังไง
หลังจากกนั้น สอง สาม อาทิตย์ครั้ง เราก็ทวงไปที A ก็มีเหตุผลไม่เคยซ้ำมาพูดกับเรา จนเราก็รู้สึกตัวเองเป็นนางร้าย ใจดำไปเลย
เราเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ D ซึ่ง D ก็พูดว่า A ก็เป็นอย่างนี้ตลอดแหละ เวลามีปัญหามาหาพวกเรา พอมีความสุข ไม่ค่อยจะได้เจอ
ที่นี้เรื่องที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับ B,C ก็คือเค้าไปเที่ยวที่ๆ หนึ่งแล้วไม่ชวนเราทั้งๆ ที่ตอนปีใหม่เราเคยบอกว่าจะไปให้ชวนด้วย เท่านั้นไม่พอ เดือนเมษาเค้าไปเชียงใหม่ก็ไม่ชวนเรา เดือนมิถุนาซึ่งจองเครื่องบินล่วงหน้าข้ามปีที่ไปเชียงใหม่ กับ a,B และ Cก็ไปมีใครไป นอกจากเรา โดยมี B ไลน์มาบอกว่าไปไม่ได้เพราะ เพิ่งย้ายงานลาไม่ได้ ส่วน a กับ Bเงียบ สำหรับเราเหตุการณ์นี่ก็บอกเป็นนัยๆ แล้วว่าเราควรตัดใจ
เราเลยคุยกับ A อีกครั้งว่าขอถอนนะ เราติดปัญหา เพราะปลายปีเราจะรีไฟแนนซ์คอนโด กลัวจะกู้ไม่ผ่าน (อันนี้จะรีไฟแนนซ์จริงๆ ) ทาง A ก็อาจนั้นนี่เช่นเดิมเราก็ยืนยัน A เลยพูดมาว่า "แกจะว่าไรมาก รู้ไหมตอนนี้ฉันเครียดๆ อยู่จะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว " เราอึ้งเลยนะ คือA เคยถามเราไหมว่าเรามีปัญหาอะไร เปล่าไม่เคยถาม ขนาดยืมตังเราไปสามสี่เดือนไม่คืน มาเราทวง A บอกไม่มีคำเดียว ผันไม่ก่อน แต่ ไม่เคยถามเราสักคำว่า แกมีเงินอยู่เปล่า ติดอะไรไหม
เราเลยตัดใจทั้งเรื่องถอนกู้ ว่าคงปล่อยไป และเรื่อง คำว่าเพื่อน คงจบ บอกตรงๆ ว่าเราคงคบเพื่อนแบบนี้ไม่ไหว (จริงๆ แล้วทางนั้นน่าจะตัดเราไปนานแล้ว )
**** พิมพ์เสียยืดยาว เราแค่อยากระบายความอัดอั้น เราก็ยอมรับนะ ว่าเราก็ไม่ได่นิสัยดี ค่อนข้างปากจัด ขี้งอน ประเภทโกรธง่ายหายเร็ว แต่เราเป็นคนที่ช่วยเหลือเพื่อนตลอดนะ ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน ก็ไม่รู้ว่าที่เรื่องมันออกมาแบบนี้เพราะเรามันแย่ ไม่เข่ใจเพื่อนหรทอเปล่า
เลิกคบกับเพื่อน ด้วยสาเหตุไร้สาระ แต่ทนไม่ไหวจริงๆ (ระบาย)
หลังจากฟังปัญหาดังกล่าว ด้วยความที่เราพอรู้จากที่ทำงานเก่าว่ากำลังเปิดรับสมัครตำแหน่งเก่าที่เราเคยทำ (Engineer) เราก็เลยบอกเพื่อนไปว่า สนใจหรือเปล่า เดี๋ยวจะลองฝากกับเจ้านายเก่าเราให้ เพราะค่อนข้างสนิทกับนายเก่าพอสมควร ซึ่งเพื่อนก็สนใจ เราเลยให้เพื่อนส่ง resume' แล้วยื่นให้นายเก่าไป
หลังจากนั้นเราก็ไลน์ไปคุยกับนายเก่า ประมาณโฆษณาเพื่อนว่า ทำงานเก่ง ขยัน อดทน ซึ่งดูว่านายเก่าเราก็ค่อนข้างสนใจ เลยส่งเรื่องให้ HR นัดสัมภาษณ์ ในอาทิตย์ถัดไป ซึ่งเพื่อนเราพอรู้ก็ให้เราช่วยถามนายเก่าให้ว่าจะถามประมาณไหน เราก็ถามให้ นายเก่าเราก็บอกแนวว่าตอบประมาณไหน เพราะในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ จะมีนายเก่าเรา กับนายของนายเราซึ่งเป็น mrg (นายเราเป็น asst.mrg) ซึ่งจากการคุยในไลน์นายเราก็พูดว่านายเราคงไม่มีปัญญา รับแน่ อาจจะติดที่นายใหญ่ว่าจะรับหรือเปล่า
ซึ่งก่อนวันสัมภาษณ์เพื่อนเราคนนี้ก็มาพักที่หอเรา และให้เรานำทาง เพราะไม่คุ้นที่ หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเพื่อนเราก็โทรให้เราไปถามนายเก่าทันที่ว่ารับหรือเปล่า เพราะจะได้เตรียมตัวเคลียร์งาน ซึ่งเราก็ติดต่อให้ นายเราบอกรับแล้ว กำลังส่งเรื่องให้ HR และรอให้ HR ตรวจประวัติและโทรไปยืนยัน ซึ่งพอผ่านไปสักสองวัน HR ยังไม่โทรไป เพื่อนเราก็เลยโทรให้เราสอบถามไปทางนั้นให้หน่อย เพราะอยากมั่นใจ เราก็โทรไปหาธุรการเก่าที่แผนกว่าส่งเรื่องไปหรือยัง ทางนั้นบอกส่ง HRแล้ว พอผ่านไปอีกวันสองวัน เพื่อนเร่งให้เราสอบถามไปอีก ว่าทำไมยังไม่ติดต่อมา ขอให้เราถามให้หน่อย เราด็ถามให้ ซึ่งธุรการเราก็ไปถาม HR พบว่าคนที่ดูแลเรื่องนี้ลาพักร้อน ซึ่งอีกวันสองวัน HR ก็โทรไปยืนยันแล้วให้เพื่อนไปตรวจรายกาย
ซึ่งการที่เพื่อนย้ายที่ทำงานครั้งนี้ ต้องย้ายที่พักด้วย เพราะบ้านกับที่ทำงานใหม่อยู่คนละจังหวัด (เพื่อนอยู่กับแม่) เพื่อนเราเลยขอมาอยู่ด้วย เพราะคงเรื่องประหยัดด้วย เราก็ไม่มรปัญหา กะว่ามาก็คงไม่เก็บค่าเช่า แต่คงให้เพื่อนรับผิดชอบค่าน้ำไฟ เพื่อนก็บอกให้เราไปปั๊มกุญแจ ทำคีย์การ์ดให้ เราก็ทำมาเรียบร้อย ระหว่างนั้น เพื่อนเราก็ขอให้เราแนะนำเพื่อนที่ บ ใหม่ให้ เราก็สร้างกลุ่มให้คุยกันเสร็จสรรพ
กำหนดเข้าทำงานที่ใหม่อีกราวๆ วันที่ 15-17 มีนา ซึ่งระหว่างนั้นที่ทำงานเพื่อนก็ประมาณจะรั้งๆ ตัวไว้ เพื่อนก็มีไลน์มาบอกนิดหน่อย เราก็ถามว่าตกลงจะมาไหม เพื่อนบอกย้ายแน่นอนไม่เปลี่ยนใจแล้ว หลังจากนั่นอยู่ๆ เพื่อนก็เงียบไปสอง สามวัน ไม่ติดต่อ ไม่ขนของมา เราก็เริ่มคิดว่ามันแปลกๆ พอดีกับมีทริปเที่ยว เสาร์-อาทิตย์ ที่ 6-7 มีนา ที่จองทัวร์ล่วงหน้ากับเพื่อนในกลุ่ม ซึ่งเพื่อนคนนี้ กะเพื่อนสนิทอีกสองคน รวมเป็น 4 คน ซึ่งพอเจอปุ๊บ เราเห็นท่าที่เพื่อนที่ต้องการย้ายงาน ต่อไปเราขอเรียกว่า A ดูแปลกๆ เราเลยพูดออกไปว่า อย่าบอกว่าจะเปลี่ยนใจนะ เพื่อนเราก็บอกว่าหัวหน้าใหญ่ที่ บ จะจอเรียกคุย แล้ว A ก็ไม่พูดอะไรอีก ด้วยความที่เราไม่อยากให้ทริปล่ม เราเลยไม่พูดอะไรต่อ แต่เรารอเพื่อนมาคุย มาบอกให้เราฟังด้วยตัวเอง พอเพื่อนไม่พูดเราก็ไม่ถาม
จนวันอาทิตย์เราขอแยกตัวกลับไปหอ เพื่อนก็ไม่พูดอะไร ซึ่งตอนจะลากลับเรายังคุยกับเพื่อนในกลุ่มที่เหลืออีก 2 คนว่าอาจตะไปร่วมนั่งสมาธิ ในสัปดาห์หน้า เรากลับมาวันจันทร์นายเก่าก็ไลน์มาถามเรื่องเพื่อน ว่าจะมาวันไหน เราก็บอกไปว่าน่าจะ 15-17 แหละ พี่ที้ทำงานเก่าก็ถามมาเราก็ตอบตามนั่น ส่วนเพื่อนเราตั้งแต่กลับจากเที่ยวก็ไปติดต่อมา จนกระทั้งพุธเย็น เราก็เลยตัดสินใจถาม ว่าตกลงมาไหม เพื่อนก็เกริ่นนู้น นี้ ตกลงบอกว่าคงไม่มา แล้ว
เรายอมรับว่าเราไม่พอใจ ตรงที่ตอนคุณอยากมาคุณก็เร่งฉันทุกอย่าง แต่พอเปลี่ยนใจ ไม่คิดจะบอก ทำไมถึงไม่ไลน์ไม่อะไรมาคุยกันก่อน ก็เลยถามย้ำว่า ตกลงไม่มาแน่ใช่ไหม เพื่อน บอกใช่ พอดีเรากำลังขับรถเลย พิมพ์ไปในไลน์ว่า งั้นจบกัน (ความหมายสำหรับเราตอนนั้น คือ แค่นี้ก่อนจะขับรถ แต่เราขี้เกียตพิมพ์) ปรากฏว่าหลังคำนั้น เพื่อนเราก็ใส่ เราเลยประมาณว่า เรื่องแค่นี้เลิกคบเลยเหรอ ก็เพราะแกเป็นแบบนี้ นิสัยแบบนี้เลยไม่บอกไง แล้วก็พิมพ์นิสัยเสียๆ เรามา เราอึ้งคำว่า นิสัยจนเพื่อนละอา เราอ่านจบบอกเลยควันออกหู ไม่คิดจะอธิบายคำที่พิมพ์ว่าจบกันแค่นี้ คืออะไร
เราก็ cap คำพูกมัน ส่งไปไลน์กลุ่มแล้วบอกว่ส ถ้าเพื่อนคนในละอาเรามาก บอกด้วยนะ จะเลิกคบเรา เราก็ไม่ว่า (ยอมรับว่าตอนนั้นโกรธจนพาล) ซึ่งเพื่อนในกลุ่มก็งงๆ และตกใจ เพื่อนๆ บอกให้ใจเย็น
A ก็ส่งไลน์มาหาเราบอกทำแบบนี้ทำไม ไปอาละวาทในกรุ๊ปทำไม แล้วบอกก็ว่าเรามา ประมาณเรานิสัยไม่ดี A เป็นเพื่อนเลยอยากเตือน ในสมองเราตอนนั้นคิดว่า อ่อ สรุปเรื่องทั้งหมด ฉันผิด แกถูก ไม่ผิดสักอย่างชินะ เรื่องทั้งหมดเป็นที่นิสัยฉัน
สุดท้าย A พูดกับเราประมาณว่ายกเพื่อนในกรุ๊ปไง จะออกจากกรุ๊ปเอง แล้วก็ลบชื่อตัวเองจากกรุ๊ปไลน์ เราก็บอกเกี่ยวอะไร แล้วก็เชิญ a เอากลุ่ม แต่ a ก็ไม่เข้า
จนถึงวันเสาร์ เราเห็น facebook ของเพื่อนในกลุ่มคือ B กับ C ที่ตอนแรกว่าจะไปนั่งสมาธิที่วัด ไปเที่ยวบ้านของA ซึ่งไม่ชวนเราทั้งๆ ที่เราอยู่ไปไกลจาก a และเป็นทางผ่าน เราก็เลยว่าเพื่อนคงเลือกข้าง และเราตัดสินใจว่าจะออกเอง เลยลบตัวเองออกจากกรุ๊ป (ปล แต่เรายังคุยกับDเพื่อนอีกคนในกรุ๊ปอยู่)
ซึ่งหลังจากผ่านไปสองอาทิตย์เราก็สังเกตว่า A ไม่กดไลน์อะไรที่เราโพสในเฟส และในไลน์ ทั้งๆที่ปกติจะกดไลน์ตลอด พอๆ กับเราไม่เห็นโพสของA ในเฟส เราเลยกดดู profile ไลน์ของ A ปรากฏว่าดูไม่ได้ เราเลยฝาก D ดูให้ซึ่ง D ก็ดูได้ปกติ เราก็เลยสงสัยว่า A คงบล๊อกหรือเลือกที่จะกีดกันเรา ซึ่งตอนนั้นเราไม่แคร์ แต่ด้วยความที่เราไปค้ำประกันรถยนต์ให้ A และยังเหลืองวดผ่อนชำระ 60 เดือน เราเลยบอก a ไปว่าขอถอนค้ำรถนะ พอดีเราติดปัญหาต้องไปค้ำให้ประกันอาเรา ซึ่ง A ก็ตอบมาแบบ ทำงงๆ ว่าค้ำแล้วค้ำอีกได้นะ เราบอกว่าขอถอนนะ (เราตอบไปดี) ทางนั้นก็ถามว่าแกเป็นอะไรไป จะถอนทำไป เราติดนั้นนี้ แล้ว a ก็ถามว่าเรื่องนั้นเหรอ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฯลฯ เราก็ยืนยันว่าขอถอน เพื่อนก็บอกแล้วชั้นจะให้ใครค้ำ คนที่ทำงานเงินเดือนไม่ถึง เราก็แนะนำเพื่อนที่ A สนิทไปก็ A ก็บอกถามแล้ว แต่เค้าบอกกู้ซื้อคอนโดค้ำให้ใครไม่ได้ เราก็ตอบกลับไปว่า ก็ตอนฉันค้ำให้แก ฉันก็กู้ซื้อคอนโดนเห็นยะงคำ้ได้ (เรื่องค้ำรถยนต์เพื่อนเราก็เร่งเราให้ค้ำเหมือนกัน) A ก็บอกเราว่า ก็มันตอบมาแบบนี้แล้วจะให้เราพูดยังไง
หลังจากกนั้น สอง สาม อาทิตย์ครั้ง เราก็ทวงไปที A ก็มีเหตุผลไม่เคยซ้ำมาพูดกับเรา จนเราก็รู้สึกตัวเองเป็นนางร้าย ใจดำไปเลย
เราเอาเรื่องนี้ไปคุยกับ D ซึ่ง D ก็พูดว่า A ก็เป็นอย่างนี้ตลอดแหละ เวลามีปัญหามาหาพวกเรา พอมีความสุข ไม่ค่อยจะได้เจอ
ที่นี้เรื่องที่ทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับ B,C ก็คือเค้าไปเที่ยวที่ๆ หนึ่งแล้วไม่ชวนเราทั้งๆ ที่ตอนปีใหม่เราเคยบอกว่าจะไปให้ชวนด้วย เท่านั้นไม่พอ เดือนเมษาเค้าไปเชียงใหม่ก็ไม่ชวนเรา เดือนมิถุนาซึ่งจองเครื่องบินล่วงหน้าข้ามปีที่ไปเชียงใหม่ กับ a,B และ Cก็ไปมีใครไป นอกจากเรา โดยมี B ไลน์มาบอกว่าไปไม่ได้เพราะ เพิ่งย้ายงานลาไม่ได้ ส่วน a กับ Bเงียบ สำหรับเราเหตุการณ์นี่ก็บอกเป็นนัยๆ แล้วว่าเราควรตัดใจ
เราเลยคุยกับ A อีกครั้งว่าขอถอนนะ เราติดปัญหา เพราะปลายปีเราจะรีไฟแนนซ์คอนโด กลัวจะกู้ไม่ผ่าน (อันนี้จะรีไฟแนนซ์จริงๆ ) ทาง A ก็อาจนั้นนี่เช่นเดิมเราก็ยืนยัน A เลยพูดมาว่า "แกจะว่าไรมาก รู้ไหมตอนนี้ฉันเครียดๆ อยู่จะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว " เราอึ้งเลยนะ คือA เคยถามเราไหมว่าเรามีปัญหาอะไร เปล่าไม่เคยถาม ขนาดยืมตังเราไปสามสี่เดือนไม่คืน มาเราทวง A บอกไม่มีคำเดียว ผันไม่ก่อน แต่ ไม่เคยถามเราสักคำว่า แกมีเงินอยู่เปล่า ติดอะไรไหม
เราเลยตัดใจทั้งเรื่องถอนกู้ ว่าคงปล่อยไป และเรื่อง คำว่าเพื่อน คงจบ บอกตรงๆ ว่าเราคงคบเพื่อนแบบนี้ไม่ไหว (จริงๆ แล้วทางนั้นน่าจะตัดเราไปนานแล้ว )
**** พิมพ์เสียยืดยาว เราแค่อยากระบายความอัดอั้น เราก็ยอมรับนะ ว่าเราก็ไม่ได่นิสัยดี ค่อนข้างปากจัด ขี้งอน ประเภทโกรธง่ายหายเร็ว แต่เราเป็นคนที่ช่วยเหลือเพื่อนตลอดนะ ไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน ก็ไม่รู้ว่าที่เรื่องมันออกมาแบบนี้เพราะเรามันแย่ ไม่เข่ใจเพื่อนหรทอเปล่า