เกมรุกใหม่ ปตท. ยึดตลาดค้าปลีก
Submitted by Suporn Saetang on Mon, 06/30/2014 - 14:46
จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ปตท. เปิดเกมรุกใหม่ตามนโยบายการขยายธุรกิจกลุ่มนอนออยล์ (Non-oil) เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกชนิดล้ำหน้าคู่แข่งหลายขุม โดยเฉพาะการจับมือร่วมทุนกับกลุ่ม เค.อี.แลนด์ ผุดคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะ คริสตัล พีทีที” สร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถเพิ่มส่วนต่างกำไรแบบพุ่งพรวดกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยอดขายน้ำมันและรายได้กลุ่มนอนออยล์นับสิบโปรเจกต์
ที่สำคัญ ปตท. วางแผนขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ในฐานะแลนด์ลอร์ดที่มีที่ดินทั่วประเทศและเงินลงทุนเต็มหน้าตัก
ถ้านับจากปี 2550 หลังบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมัน “เจ็ท” และร้านค้าสะดวกซื้อ “จิฟฟี่” จากบริษัท ConocoPhillips สหรัฐอเมริกา โดยจัดตั้งบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM เป็นผู้บริหารแยกออกจากปั๊ม ปตท. ของบริษัทแม่ รวมถึงบุกขยายธุรกิจกลุ่มนอนออยล์อย่างจริงจังต่อยอดจากแบรนด์ “จิฟฟี่”
ปัจจุบัน PTTRM ดูแลปั๊ม ปตท. รวม 150 แห่ง และธุรกิจนอนออยล์อีก 7 กลุ่ม เริ่มจากกลุ่มร้านค้าสะดวกซื้อ (Convenience Store) “จิฟฟี่ (Jiffy)” แบ่งรูปแบบ 4 สไตล์ คือ Trendy Style เน้นความทันสมัย โทนร้านสีน้ำเงินตัดเหลือง, Cozy Style เน้นความเรียบง่ายแต่โดดเด่น โทนร้านสีขาวตัดดำ, Lively Style เน้นความมีชีวิตชีวา โทนร้านสีพาสเทล และ Freshy Style เน้นความสนุกสนาน หลากหลายสีสัน ล่าสุดเปิดอยู่ในปั๊มทั้ง 150 แห่ง แยกสไตล์ตามทำเลเป้าหมาย
2. กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งถือเป็นตัวทดลองตลาด โดยเริ่มจากจิฟฟี่ ซูเปอร์เฟรช มาร์เก็ต สาขาแรกในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ย่านบางแค รูปแบบมินิซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่ 500 ตารางเมตร มีสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด และสินค้าพร้อมทานแบรนด์ “Jiffy’s Choice” มีร้านกาแฟ Cafe’ Amazon และร้านขายยา
จนกระทั่งมีการปรับโฉมและรุกเต็มรูปแบบในเดอะคริสตัล พีทีที ภายใต้ชื่อ จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต (Jiffy Plus Supermarket) พื้นที่มากกว่า 1,000 ตร.ม. โดยวางคอนเซ็ปต์ “Daily freshness, Finely selected” จำนวนสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เช่น อาหารสด ผักผลไม้ อาหารแช่แข็ง อาหารทะเล ขนมขบเคี้ยว สินค้านำเข้าต่างๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน มีบริการแปรรูปอาหารสด รวมถึงอาหารพร้อมทานแบรนด์ Jiffy’s Choice ชาไข่มุก Pearly Tea (เพิร์ลลี) และร้านกาแฟ Cafe’ Amazon
3. กลุ่มร้านอาหาร “จิฟฟี่ คิทเช่น” และบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ Jiffy Catering โดยตัวจิฟฟี่ คิทเช่น เน้นบริการอาหารแบบปรุงใหม่และยึดทำเลเส้นทางการเดินทางหลัก ปัจจุบันเปิด 4 แห่งในปั๊มสาขาฉะเชิงเทรา-บางไผ่, สมุทรสาคร พระราม 2 กม. 35, สระบุรี-แก่งคอย 1 และพัฒนาเปิดโมเดลต้นแบบ ร้านอาหาร Jiffy Bistro เน้นจำหน่ายอาหารนานาชาติ เพื่อเจาะตลาดบนมากขึ้น
4. ร้านกาแฟ Cafe’Amazon ซึ่ง PTTRM ถือเป็นแฟรนไชซีของบริษัทแม่ ปตท. ดูแลร้านสาขาในปั๊ม ปตท.-จิฟฟี่
5. แฟรนไชส์ร้านชาไข่มุกจากไต้หวัน ซึ่งชูจุดขายชงสดแก้วต่อแก้ว จำนวน 30 เมนู ล่าสุดเปิดในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. และย่านชุมชนต่างๆ มากกว่า 150 สาขา
6. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ “Jiffy’s Choice” เครื่องดื่มตรา “จิฟฟี่” และน้ำแร่ธรรมชาติ 100% ตรา ดิ อเมซอน แหล่งเขาแก้ว สุราษฎร์ธานี ซึ่งล่าสุด PTTRM เตรียมลงทุนเปิดโรงงานผลิตน้ำดื่ม จากเดิมจ้างบริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มรายอื่น
สุดท้ายเป็นศูนย์บริการยานยนต์รูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ PTT FIT Auto เน้นการบริการ One Stop Service โดยดึงบริษัท Autobacs และ Wizard เข้ามาเสริมจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญ เพื่อบุกตลาดในประเทศไทยและขยายสู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ทั้งนี้ PTTRM เร่งขยายธุรกิจนอนออยล์ทุกกลุ่ม เบื้องต้นจะเปิดคอนวีเนียนสโตร์ “จิฟฟี่” อีก 20 แห่ง จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 แห่ง ร้านชาไข่มุก 100 สาขา และ PTT FIT Auto อีก100 สาขา โดยใช้คอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะ คริสตัล พีทีที” เป็นหน้าร้านโชว์ธุรกิจต้นแบบทุกตัว เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคและนักลงทุน
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดอะ คริสตัล พีทีที เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แบบ One Stop Service เพราะมีร้านค้าหลากหลาย มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แนวคิด “The Greenergy Station” ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Station-EV) เตรียมพร้อมให้บริการชาร์จพลังงานให้กับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน และมีร้าน Jiffy Plus Supermarket ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้ามาในธุรกิจค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบของกลุ่ม ปตท.
สำหรับโครงการ เดอะคริสตัล พีทีที ชัยพฤกษ์ ใช้เงินลงทุนกว่า 800ล้านบาท เงินลงทุนสองฝ่าย 50:50 โดยใช้ที่ดินของ ปตท. ทั้งหมด 15 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้าง 20,000 ตร.ม. และพื้นที่ร้านค้า 10,000 ตร.ม.
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ครอบครัวระดับ B ขึ้นไป ทั้งผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง รัศมี 12 กิโลเมตร ประมาณ 750,000 คน จากหมู่บ้านเกือบ 40 หมู่บ้าน สำนักงาน โรงเรียนนานาชาติ ISB หน่วยราชการและโรงงานต่างๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เดินทางตามเส้นทางหลวงสายสำคัญ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงมาก เพราะถนนชัยพฤกษ์เชื่อมโยงไปยังเส้นทางภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตก
จักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM กล่าวว่า โครงการคอมมูนิตี้มอลล์เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่กระตุ้นยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก จากปกติยอดขายน้ำมันเฉลี่ยต่อแห่ง 3-4 แสนลิตรต่อเดือน จะเพิ่มขึ้นทันทีเป็น 1 ล้านลิตรต่อเดือน
เมื่อเทียบกับรายได้ของ PTTRM เมื่อปี 2556 รวม 46,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจน้ำมัน 40,000 ล้านบาท และนอนออยล์ 6,000 ล้านบาท แต่ธุรกิจนอนออยล์ โดยเฉพาะค้าปลีกสร้างผลกำไรสูงเกือบ 40-50% ขณะที่ธุรกิจน้ำมันสร้างกำไรไม่ถึง 30% นั่นทำให้ PTTRM ต้องเร่งขยายฐานธุรกิจค้าปลีกและตั้งเป้าดันรายได้กลุ่มนอนออยล์เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
ขณะที่กลุ่ม เค.อี.แลนด์ นอกจากโปรเจกต์ในมือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งโครงการ “เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์” ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ จำกัด มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท
โครงการคอนโดมิเนียมริมถนนเกษตร-นวมินทร์ 1,200 ยูนิต มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท โครงการขยายเดอะคริสตัล เฟส 3 เพิ่มโรงภาพยนตร์และฟิตเนส เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท และโครงการขยายพื้นที่ซีดีซีในส่วนลานจอดรถและออฟฟิศสำนักงาน เพื่อแข่งขันกับกลุ่มซีอาร์ซีที่จะเข้ามาเปิดศูนย์การค้า “เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสท์ วิลล์” เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราในปี 2558
กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด ยังวางทิศทางการรุกธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผนึกกับพันธมิตรธุรกิจ เน้นทำเลที่มีศักยภาพย่านชุมชนและจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่ง เดอะคริสตัล พีทีที ถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือและรอผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภค เพื่อผุดโครงการใหม่ในอนาคต เพราะ ปตท. ปักหมุดที่ดินหลายแปลงและไม่ใช่เฉพาะในไทย แต่ไกลออกไปยังต่างประเทศด้วย
ยุทธศาสตร์การขยายแนวรบค้าปลีกของ ปตท. จึงไม่ใช่แค่การกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำมัน แต่กำลังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ไม่ใช่แค่ยักษ์พลังงาน แต่ยังเป็นยักษ์ค้าปลีกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
เกมรุกใหม่ ปตท. ยึดตลาดค้าปลีก โดย ผู้จัดการ
Submitted by Suporn Saetang on Mon, 06/30/2014 - 14:46
จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงาน ปตท. เปิดเกมรุกใหม่ตามนโยบายการขยายธุรกิจกลุ่มนอนออยล์ (Non-oil) เข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกชนิดล้ำหน้าคู่แข่งหลายขุม โดยเฉพาะการจับมือร่วมทุนกับกลุ่ม เค.อี.แลนด์ ผุดคอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะ คริสตัล พีทีที” สร้างโมเดลธุรกิจที่สามารถเพิ่มส่วนต่างกำไรแบบพุ่งพรวดกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยอดขายน้ำมันและรายได้กลุ่มนอนออยล์นับสิบโปรเจกต์
ที่สำคัญ ปตท. วางแผนขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ในฐานะแลนด์ลอร์ดที่มีที่ดินทั่วประเทศและเงินลงทุนเต็มหน้าตัก
ถ้านับจากปี 2550 หลังบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซื้อกิจการสถานีบริการน้ำมัน “เจ็ท” และร้านค้าสะดวกซื้อ “จิฟฟี่” จากบริษัท ConocoPhillips สหรัฐอเมริกา โดยจัดตั้งบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM เป็นผู้บริหารแยกออกจากปั๊ม ปตท. ของบริษัทแม่ รวมถึงบุกขยายธุรกิจกลุ่มนอนออยล์อย่างจริงจังต่อยอดจากแบรนด์ “จิฟฟี่”
ปัจจุบัน PTTRM ดูแลปั๊ม ปตท. รวม 150 แห่ง และธุรกิจนอนออยล์อีก 7 กลุ่ม เริ่มจากกลุ่มร้านค้าสะดวกซื้อ (Convenience Store) “จิฟฟี่ (Jiffy)” แบ่งรูปแบบ 4 สไตล์ คือ Trendy Style เน้นความทันสมัย โทนร้านสีน้ำเงินตัดเหลือง, Cozy Style เน้นความเรียบง่ายแต่โดดเด่น โทนร้านสีขาวตัดดำ, Lively Style เน้นความมีชีวิตชีวา โทนร้านสีพาสเทล และ Freshy Style เน้นความสนุกสนาน หลากหลายสีสัน ล่าสุดเปิดอยู่ในปั๊มทั้ง 150 แห่ง แยกสไตล์ตามทำเลเป้าหมาย
2. กลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งถือเป็นตัวทดลองตลาด โดยเริ่มจากจิฟฟี่ ซูเปอร์เฟรช มาร์เก็ต สาขาแรกในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ย่านบางแค รูปแบบมินิซูเปอร์มาร์เก็ต พื้นที่ 500 ตารางเมตร มีสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด และสินค้าพร้อมทานแบรนด์ “Jiffy’s Choice” มีร้านกาแฟ Cafe’ Amazon และร้านขายยา
จนกระทั่งมีการปรับโฉมและรุกเต็มรูปแบบในเดอะคริสตัล พีทีที ภายใต้ชื่อ จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต (Jiffy Plus Supermarket) พื้นที่มากกว่า 1,000 ตร.ม. โดยวางคอนเซ็ปต์ “Daily freshness, Finely selected” จำนวนสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เช่น อาหารสด ผักผลไม้ อาหารแช่แข็ง อาหารทะเล ขนมขบเคี้ยว สินค้านำเข้าต่างๆ อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน มีบริการแปรรูปอาหารสด รวมถึงอาหารพร้อมทานแบรนด์ Jiffy’s Choice ชาไข่มุก Pearly Tea (เพิร์ลลี) และร้านกาแฟ Cafe’ Amazon
3. กลุ่มร้านอาหาร “จิฟฟี่ คิทเช่น” และบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ Jiffy Catering โดยตัวจิฟฟี่ คิทเช่น เน้นบริการอาหารแบบปรุงใหม่และยึดทำเลเส้นทางการเดินทางหลัก ปัจจุบันเปิด 4 แห่งในปั๊มสาขาฉะเชิงเทรา-บางไผ่, สมุทรสาคร พระราม 2 กม. 35, สระบุรี-แก่งคอย 1 และพัฒนาเปิดโมเดลต้นแบบ ร้านอาหาร Jiffy Bistro เน้นจำหน่ายอาหารนานาชาติ เพื่อเจาะตลาดบนมากขึ้น
4. ร้านกาแฟ Cafe’Amazon ซึ่ง PTTRM ถือเป็นแฟรนไชซีของบริษัทแม่ ปตท. ดูแลร้านสาขาในปั๊ม ปตท.-จิฟฟี่
5. แฟรนไชส์ร้านชาไข่มุกจากไต้หวัน ซึ่งชูจุดขายชงสดแก้วต่อแก้ว จำนวน 30 เมนู ล่าสุดเปิดในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. และย่านชุมชนต่างๆ มากกว่า 150 สาขา
6. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ “Jiffy’s Choice” เครื่องดื่มตรา “จิฟฟี่” และน้ำแร่ธรรมชาติ 100% ตรา ดิ อเมซอน แหล่งเขาแก้ว สุราษฎร์ธานี ซึ่งล่าสุด PTTRM เตรียมลงทุนเปิดโรงงานผลิตน้ำดื่ม จากเดิมจ้างบริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มรายอื่น
สุดท้ายเป็นศูนย์บริการยานยนต์รูปแบบใหม่ภายใต้แบรนด์ PTT FIT Auto เน้นการบริการ One Stop Service โดยดึงบริษัท Autobacs และ Wizard เข้ามาเสริมจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญ เพื่อบุกตลาดในประเทศไทยและขยายสู่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย
ทั้งนี้ PTTRM เร่งขยายธุรกิจนอนออยล์ทุกกลุ่ม เบื้องต้นจะเปิดคอนวีเนียนสโตร์ “จิฟฟี่” อีก 20 แห่ง จิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต 5 แห่ง ร้านชาไข่มุก 100 สาขา และ PTT FIT Auto อีก100 สาขา โดยใช้คอมมูนิตี้มอลล์ “เดอะ คริสตัล พีทีที” เป็นหน้าร้านโชว์ธุรกิจต้นแบบทุกตัว เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคและนักลงทุน
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดอะ คริสตัล พีทีที เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แบบ One Stop Service เพราะมีร้านค้าหลากหลาย มีสถานีบริการน้ำมันภายใต้แนวคิด “The Greenergy Station” ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Station-EV) เตรียมพร้อมให้บริการชาร์จพลังงานให้กับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อน และมีร้าน Jiffy Plus Supermarket ซึ่งถือเป็นการก้าวเข้ามาในธุรกิจค้าปลีกอย่างเต็มรูปแบบของกลุ่ม ปตท.
สำหรับโครงการ เดอะคริสตัล พีทีที ชัยพฤกษ์ ใช้เงินลงทุนกว่า 800ล้านบาท เงินลงทุนสองฝ่าย 50:50 โดยใช้ที่ดินของ ปตท. ทั้งหมด 15 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้าง 20,000 ตร.ม. และพื้นที่ร้านค้า 10,000 ตร.ม.
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ครอบครัวระดับ B ขึ้นไป ทั้งผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง รัศมี 12 กิโลเมตร ประมาณ 750,000 คน จากหมู่บ้านเกือบ 40 หมู่บ้าน สำนักงาน โรงเรียนนานาชาติ ISB หน่วยราชการและโรงงานต่างๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เดินทางตามเส้นทางหลวงสายสำคัญ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงมาก เพราะถนนชัยพฤกษ์เชื่อมโยงไปยังเส้นทางภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันตก
จักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM กล่าวว่า โครงการคอมมูนิตี้มอลล์เป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่กระตุ้นยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก จากปกติยอดขายน้ำมันเฉลี่ยต่อแห่ง 3-4 แสนลิตรต่อเดือน จะเพิ่มขึ้นทันทีเป็น 1 ล้านลิตรต่อเดือน
เมื่อเทียบกับรายได้ของ PTTRM เมื่อปี 2556 รวม 46,000 ล้านบาท มาจากธุรกิจน้ำมัน 40,000 ล้านบาท และนอนออยล์ 6,000 ล้านบาท แต่ธุรกิจนอนออยล์ โดยเฉพาะค้าปลีกสร้างผลกำไรสูงเกือบ 40-50% ขณะที่ธุรกิจน้ำมันสร้างกำไรไม่ถึง 30% นั่นทำให้ PTTRM ต้องเร่งขยายฐานธุรกิจค้าปลีกและตั้งเป้าดันรายได้กลุ่มนอนออยล์เพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี
ขณะที่กลุ่ม เค.อี.แลนด์ นอกจากโปรเจกต์ในมือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ทั้งโครงการ “เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์” ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ จำกัด มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท
โครงการคอนโดมิเนียมริมถนนเกษตร-นวมินทร์ 1,200 ยูนิต มูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท โครงการขยายเดอะคริสตัล เฟส 3 เพิ่มโรงภาพยนตร์และฟิตเนส เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท และโครงการขยายพื้นที่ซีดีซีในส่วนลานจอดรถและออฟฟิศสำนักงาน เพื่อแข่งขันกับกลุ่มซีอาร์ซีที่จะเข้ามาเปิดศูนย์การค้า “เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสท์ วิลล์” เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราในปี 2558
กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด ยังวางทิศทางการรุกธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผนึกกับพันธมิตรธุรกิจ เน้นทำเลที่มีศักยภาพย่านชุมชนและจังหวัดแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ซึ่ง เดอะคริสตัล พีทีที ถือเป็นก้าวแรกของความร่วมมือและรอผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภค เพื่อผุดโครงการใหม่ในอนาคต เพราะ ปตท. ปักหมุดที่ดินหลายแปลงและไม่ใช่เฉพาะในไทย แต่ไกลออกไปยังต่างประเทศด้วย
ยุทธศาสตร์การขยายแนวรบค้าปลีกของ ปตท. จึงไม่ใช่แค่การกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำมัน แต่กำลังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ไม่ใช่แค่ยักษ์พลังงาน แต่ยังเป็นยักษ์ค้าปลีกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง