ขอแชร์ประสบการณ์แพ้ท้องเจียนตายกับบริการของโรงพยาบาลประกันสังคมที่เป็น รพ เอกชน ในภูเก็ต ให้อ่านกันหน่อยนะ....

เรื่องมีอยู่ว่า ท้องสองก็แอบเหนียวนะ ไม่อยากออกตังค์เยอะ เลยกะว่าไปใช้บริการ รพ.ประกันสังคมสะหน่อย หลังจากที่ไม่เคยใช้บริการมานานมากๆๆๆๆๆ ก็เจอบริการสุดแสนประทับใจไปหลายดอกอยู่

ครั้งแรก... ไปแบบหมดเรี่ยวหมดแรง เดินแทบไม่ไหว เพราะกินอะไรไม่ได้ อ๊วกออกมาหมด ลงจากรถตรงหน้าห้องฉุกเฉิน พนักงานรถเข็ญนั่งมองเฉยไม่คิดจะถามไถ่ จะเอารถเข็ญมั้ย ตัดใจเดินตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน ยื่นบัตรกำลังจะบอกอาการ จนท บอกว่า ให้ไปยื่นที่เคาร์เตอร์ปกติเลย เพราะที่นี่ก็มีเคสเยอะแล้ว ...?????? เอาไปก็ไป ไม่ไหวจะเถียง สุดท้ายต้องไปยื่นที่เคาร์เตอร์ด้านหน้า แล้วบอก จนท ว่า รอคิวแบบปกติไม่ไหวนะ ไม่มีแรงแม้แต่จะยืนละ พยาบาลจึงให้ไปจุดตรวจเร่งด่วน คุณหมอบริการดี พูดดี สั่งให้น้ำเกลือกับยาแก้อาเจียนแบบฉีด สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่ห้องฉุกเฉินอยู่ดี เพื่อนอนให้น้ำเกลือ ดูอาการ ระหว่างนั้นถามพยาบาลที่ใส่น้ำเกลือให้ว่า ยาแก้อาเจียนเนี่ยมันฉีดได้บ่อยมั้ยค่ะ ป้าพยาบาลบอกว่า ฉีดบ่อยมันก็ไม่ดีหรอก คนสมัยก่อนเค้าแพ้เค้าก็ทนเอาทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครเค้ามาฉีดยากันหรอก (คาดว่าจากคำพูดของป้า แกคงไม่เคยมีผัวหรือมีประสบการณ์แพ้ท้อง หรือมีลูกแน่นอน) อยากพูดไรพูดไปค่ะ ไม่มีแรงเถียง

ครั้งที่สอง... ไปด้วยอาการเดียวกับครั้งแรก แต่คราวนี้หนักกว่ารอบแรกเท่าตัว พนักงานรถเข็ญไม่สนใจเหมือนเดิม ฝืนหอบสังขารไปที่เคาร์เตอ แจ้งพยาบาล คราวนี้พยาบาลโทรให้พนักงานเอารถเข็ญมาให้แล้วลัดคิวให้พบหมอสูแบบด่วนไม่ต้องรอคิว ระหว่างรอเข้สห้องหมอ พยาบาลที่มาดูแลก็พูดสอนๆๆ ให้พยายามกิน ตื่นนอนมาถึงก็ต้องกินขนมปังนะ มันจะไม่คลื่นไส้ บราๆๆๆ จนต้องบอกเทอว่า ที่พี่พูดมาทั้งหมดนะ นู๋ทำหมดทุกวิธีแล้วค่ะ แต่มันไม่ได้ผล เทอเริ่มมีอารมณ์ บอกว่า พยาบาลก็มีหน้าที่บอกนะ ถ้าคนไข้ไม่ฟัง ไม่สนใจ ไม่ห่วงลูกก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้นะ เหวี่ยงสุดฤทธิ์ พร้อมบอก อ๊วกออกไป ก็ต้องกินเข้าไปใหม่ (จากคำพูดก็คาดได้ว่าคุณเทอคงมีแต่ความรู้ในหนังสือที่เรียนมา คงจะไม่มีประสบการณ์แพ้ท้อง อ๊วกมากๆ ก็เลยไม่รู้ว่าคนเราถ้ามันอ๊วกมากๆ มันจะไม่สามารถยัดอะไรเข้าปากไปได้ง่ายอย่างที่พูดหรอก) ก็ปล่อยให้เทอได้ทำหน้าที่ของเทอต่อไป จนได้พบหมอ คำแรกที่หมอทัก หนูเป็นหนักขนาดนี้ทำไมไม่เข้าห้องฉุกเฉินเลยค่ะ (อย่าให้พูดค่ะมันยาว) หมอคุยดีมาก ดูแลดีมาก จนตัดสินใจจะฝากกับหมอคนนี้แหละ หมอให้ใบนัดมาฝากท้องเรียบร้อย แล้วส่งไปนอนให้น้ำเกลืออีกรอบ

ครั้งที่สาม... หลังจากครั้งที่สองแค่ 2 วัน ต้องกลับไป รพ อีกรอบกลางดึกเพราะอ๊วกจนปวดไปหมดทั้งกระเพาะ ทั้งคอ ตัดสินใจไปห้องฉุกเฉินกลางดึกด้วยความหวังว่า หมอจะจ่ายยาอะไรที่มันจะช่วยบรรเทาอาการปวดกระเพาะบ้าง ไปถึง จนท รถเข็ญเอารถให้คราวนี้ เพราะคงเห็นสภาพละว่ามันยืนไม่ไหว พยาบาลให้ขึ้นเตียง หมอเวรมาดูอาการ บอกอาการไป หมอบอก เดี๋ยวสั่งน้ำเกลือให้นะ ให้ยาแก้อาเจียนด้วย คือจะให้เพื่อ ???? แล้วไอ้อาการปวดท้อง ปวดหลอดอาหารละ ยาแก้อาเจียนมันช่วยเหรอ หมอไปละ ไม่สนใจอีกเลย สักพัก พยาบาลเอาสายน้ำเกลือมาใส่ ให้ยา แค่นั้นแหละ มันเกิดอาการนอนไม่ติด หายใจลำบาก มือเท้าเย็นไปหมด บอกพยาบาล พยาบาลบอกว่าคนไข้คิดไปเอง ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ บอกว่าร้อน เหงื่อแตกหมดแล้ว นางก็บอก จะร้อนได้ไง แอร์ก็เปิดอยู่ ยังคงยืนยันว่าคนไข้คิดเอาเอง พูดด้วยอารมณ์เหมือนเราไม่ได้เป็นอะไรแต่เรียกร้องความสนใจงั้นแหละ แล้วนางก็ไม่สนใจ หายไปเลย ทนนอนอยูแป๊ปนึงมันไม่ไหวแล้ว เพราะมันรู้สึกแบบหายใจลำบาก เรียกหมอซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะห่างจากปลายเตียงแค่ไม่ถึง 2เมตร เอ่อหมอนั่งเล่นมือถือไม่สนใจ เรียกพยาบาล พยาบาลไม่ได้ยิน โชคดีที่พม่าที่มาทำแผลเห็นสภาพ เค้าเลยช่วยสะกิดพยาบาลให้ นางถึงได้มาดู บอกนางไปว่า นอนต่อไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก ให้ถอดสายน้ำเกลือเลย นางบอกว่างั้นต้องจ่ายตังค์เองนะ จ่ายก็จ่าย เพราะอยู่แบบนั้นไม่ได้แน่นอน สรุปว่ากกลับบ้าน มานอนทุรยทุรายอยู่บ้านต่อ เพิ่งมารู้วันหลังว่าไอ้อาการที่เกิดขึ้น มันเป็นอาการแพ้ยาแก้อาเจียน (เพราะวันหลังไปฉีดอีกครั้งที่อื่นแล้วเกิดอาการแบบคืนนั้นเลย ทรมานมากกว่ายาจะหมดฤทธิ์)

คืนนั้นด้วยอคติงี่เง่าของพยาบาลคนนั้นที่นางคิดว่าคนแพ้ท้องไม่ได้เป็นอะไรมาก เรียกร้องความสนใจ ไม่อดทน กับความไม่ใส่ใจของหมอที่ห่วงเกมส์ในมือถือมากกว่าคนไข้ ถามว่า ถ้าอาการแพ้ยามันรุนแรงกว่านั้น ป่านนี้ชีวิตเราจะเป็นยังไง จ่ายเงินทุกเดือนมาหลายปี แต่บริการที่ได้รับมันคืออะไร คนเรามันต้องไปใช้บริการที่ รพ แพงๆเท่านั้นเหรอ มันถึงจะเห็นคุณค่าของชีวิตคน หรือเพราะอาการของเรามันไม่มีเลือดออก กระดูกโผล่ มันเลยดูเหมือนไม่เป็นอะไร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่