ตอนนี้ดิฉันอยู่อเมริกาแต่งงานกับชาวอเมริกัน ตอนนี้ถือกรีนการ์ด 10 และอยู่ในระหว่างยื่นเรื่องขอวีซ่าให้ลูกชายเพื่อที่จะพามาอยู่ด้วย แต่ด้วยความเลว ความไม่รักดี หรือด้วยความคึกคะนอง ลูกชายโดนจับในคดีเป็นผู้ต้องหาเสพยาบ้า (เสพอย่างเดียว) ไม่ได้ค้า จากนั้นทางบ้านก้ประกันตัวออกมา และคุมประพฤติให้ไปรายงายตัวตามที่กำหนด เหลือรายงานตัวอีก 2 ครั้ง คดีความจะเสร็จสิ้นในเดือน พ.ย. 2557 นี้
หัวอกคนเป็นแม่สารพัดความเครียด กลุ้มใจสารพัด เดิมทีก็ได้ทำใจแล้วว่ายังงัยก็คงไม่ได้ เวลาผ่านไปทางหน่วยงานวีซ่าแจ้งเรื่องมาว่า Approved แล้ว ให้แจ้งให้จ่ายเงินในขั้นตอนที่ 2 จากนั้นเท่าที่ทราบมาก็จะมีการจ่ายอีกครั้งก่อนที่จะส่งเรื่องไปที่ประเทศไทยเพื่อแจ้งวันสัมภาษณ์
ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับความเครียดกลับมาอีกครั้ง นั่งครุ่นคิด 2 วันก่อนนึกได้เลยโทรไปสถานีตำรวจเพื่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกประวัติต่าง ๆ พอได้ทราบคำอธิบายต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่สารวัตรสอบสวนยศ พตท. ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกครั้งทำให้มีความหวัง
ความได้ว่า ผู้มีคดีเสพยาเสพติด (เสพอย่างเดียวไม่มีอื่นใดเกี่ยวข้อง) ตามประมวลกฎหมายเขาเรียกว่าผู้ป่วย ซึ่งจะต้องเข้ารับการบำบัด โดยการคุมประพฤติและเข้ารายงายตัวตามที่ศาลกำหนด จากนั้นเมื่อเรื่องเสร็จสิ้นแล้วอัยการจะส่งเรื่องรายกลับไปที่สถานีตำรวจต้นทางที่จับกุม จากนั้น จนท.ตำรวจในหน่วยงาน สภต. นั้นจะส่งรายงานการบำบัดรักษาไปยัง สตช. กทม. เพื่อทำการลบประวัติ ปลดปล่อยให้ผู้ต้องหา (ผู้ป่วย) พ้นมลทินและเป็นอิสระในการดเนินชีวิต
อนึ่ง จากเท่าที่เคยได้รู้ ได้ยิน เขาพูดต่อ ๆ กันมา บุคคลใดที่เคยมีประวัติการจับกุม พิมพ์ลายนิ้วมือเข้าสู่ระบบแล้ว ประวัตินั้นไม่สามารถลบได้ตลอดชีวิต ตรงจุดนี้นายตำรวจท่านนั้นได้อธิบายว่าตรงนี้เราเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่คดีเสพยาบ้า ตรงจุดนี้เขาเป็นผู้ป่วย เขาต้องเข้ารับการบำบัด เขาไม่ได้เป็นอาชญากร ตรงจุดนี้จะมีกฎหมายเฉพาะเพื่อคืนเสรีภาพให้ผู้ป่วยหลังเข้ารับการบำบัด ดังนั้นประวัตินี้จะถูกลบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 แต่จะลบเมื่อไร นานเท่าไร ตรงนี้ไม่มีระบุไว้ และนายตำรวจท่านนั้นก็บอกว่าไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดเรื่องของระยะเวลา
ฟังมาถึงตรงนี้คนเป็นแม่ดีใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 (ไม่เคยถูกรางวัล 1 ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไรเลยโม้ตรงนี้ได้ อิอิ ไม่ว่ากันนะคะ คลายเครียด)
ทว่ามาถึงตรงนี้แล้ว ความเครียดผ่อนคลายไปได้ในระดับนึง แต่ความกังวลก็ยังคงมี ดังนี้
1. สมุมติว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจบสิ้น พ้นกำหนดทษแล้ว ประวัติถูกลบแล้ว ตรงจุดนี้เมื่อเราไปขอในรับรองประวัติ ในรายงานจะมีบันทึกหมายเหตุ ใด ๆ เกี่ยวกับการจับกุมมั้ย เช่น นาย/นาง/นส. เคยถูกจับ บลา ๆ ๆ ตบท้ายด้วยคำว่าคดีจบ พ้นโทษ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน ฯลฯ ทำนองนี้
2. ต่อจาก ข้อ 1 ตรงนี้(ถ้ามี) ตามข้อที่ 1 ส่วนตัวก็คิดว่าน่าจะยาก เพราะอเมริกาก็อย่างที่รู้ ๆ กันมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ .....แล้วถ้าไม่มีหละ ทุกอย่างเคลียร์ใสไร้มลทิน (ที่จริงน่าจะจบและไม่มีคำถามเนาะ) แล้วยัยนี่ทำไมยังถามต่อหละ ก็ยังมีอีกแหละค่ะเพราะด้วยความกังวลใจสารพัด....เพราะ เพราะ เพราะ ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์เพื่ออกวีซ่า เราจะต้องกรอกแบบฟอร์มประวัติออนไลน์ ซึ่งในฟอร์มนั้นจะมีคำถามอยู่นึงข้อคือ ท่านเคยต้องโทษคดหรือมีประวัติการจับกุมใด ๆ หรือไม่ จุดนี้ ถ้าสมมุติใบรับรองตำรวจเคลียร์ เราจะตอบคำถามนี้อย่างไร Yes/No และถ้าตอบ Yes ตามความจริง ตรงนี้จะมีผลต่อการขอวีซ่ามั้ย
รบกวนท่านที่รู้ หรือมีข้อมูลในทำนองดังกล่าวตอบและแชร์ประสบการณ์ด้วยนะค่ะ หรือถ้าท่านใดมีข้อแนะนำใด ๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านสำเร็จลุล่วงไปได้ดิฉันยินดีน้อมรับฟังทุกคำแนะนำคะ ทั้งหน้าไมค์ และหลังไมค์ หัวอกคนเป็นแม่เนาะถ้าท่านยังไม่มีลูก ยากที่จะรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนี้ ร้อนรนกระวนกระวายกังวลใจสารพัด พิมพ์ผิดตกตรงไหน ไม่เข้าใจ ณ จุดได้ สอบถามเพิ่มเติ่มได้ค่ะ ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมา 2 คืนแล้วคะ คืนที่แล้วนอน 4 ชม. และยังต้องเลี้ยงลูกอีกคนเหนื่อย เพลีย อาจจะเบลอ ๆ บ้าง
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบให้ให้ข้อมูลมา ณ โอกาสนี้ค่ะ
มีประวัติเป็นผู้ป่วยเสพยาเสพติด (ยาบ้า) ถ้าคดีจบแล้ว ขอวีซ่าไปอเมริกาจะผ่านมั้ย
หัวอกคนเป็นแม่สารพัดความเครียด กลุ้มใจสารพัด เดิมทีก็ได้ทำใจแล้วว่ายังงัยก็คงไม่ได้ เวลาผ่านไปทางหน่วยงานวีซ่าแจ้งเรื่องมาว่า Approved แล้ว ให้แจ้งให้จ่ายเงินในขั้นตอนที่ 2 จากนั้นเท่าที่ทราบมาก็จะมีการจ่ายอีกครั้งก่อนที่จะส่งเรื่องไปที่ประเทศไทยเพื่อแจ้งวันสัมภาษณ์
ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับความเครียดกลับมาอีกครั้ง นั่งครุ่นคิด 2 วันก่อนนึกได้เลยโทรไปสถานีตำรวจเพื่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกประวัติต่าง ๆ พอได้ทราบคำอธิบายต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่สารวัตรสอบสวนยศ พตท. ทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกครั้งทำให้มีความหวัง
ความได้ว่า ผู้มีคดีเสพยาเสพติด (เสพอย่างเดียวไม่มีอื่นใดเกี่ยวข้อง) ตามประมวลกฎหมายเขาเรียกว่าผู้ป่วย ซึ่งจะต้องเข้ารับการบำบัด โดยการคุมประพฤติและเข้ารายงายตัวตามที่ศาลกำหนด จากนั้นเมื่อเรื่องเสร็จสิ้นแล้วอัยการจะส่งเรื่องรายกลับไปที่สถานีตำรวจต้นทางที่จับกุม จากนั้น จนท.ตำรวจในหน่วยงาน สภต. นั้นจะส่งรายงานการบำบัดรักษาไปยัง สตช. กทม. เพื่อทำการลบประวัติ ปลดปล่อยให้ผู้ต้องหา (ผู้ป่วย) พ้นมลทินและเป็นอิสระในการดเนินชีวิต
อนึ่ง จากเท่าที่เคยได้รู้ ได้ยิน เขาพูดต่อ ๆ กันมา บุคคลใดที่เคยมีประวัติการจับกุม พิมพ์ลายนิ้วมือเข้าสู่ระบบแล้ว ประวัตินั้นไม่สามารถลบได้ตลอดชีวิต ตรงจุดนี้นายตำรวจท่านนั้นได้อธิบายว่าตรงนี้เราเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่คดีเสพยาบ้า ตรงจุดนี้เขาเป็นผู้ป่วย เขาต้องเข้ารับการบำบัด เขาไม่ได้เป็นอาชญากร ตรงจุดนี้จะมีกฎหมายเฉพาะเพื่อคืนเสรีภาพให้ผู้ป่วยหลังเข้ารับการบำบัด ดังนั้นประวัตินี้จะถูกลบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 แต่จะลบเมื่อไร นานเท่าไร ตรงนี้ไม่มีระบุไว้ และนายตำรวจท่านนั้นก็บอกว่าไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดเรื่องของระยะเวลา
ฟังมาถึงตรงนี้คนเป็นแม่ดีใจเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 (ไม่เคยถูกรางวัล 1 ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไรเลยโม้ตรงนี้ได้ อิอิ ไม่ว่ากันนะคะ คลายเครียด)
ทว่ามาถึงตรงนี้แล้ว ความเครียดผ่อนคลายไปได้ในระดับนึง แต่ความกังวลก็ยังคงมี ดังนี้
1. สมุมติว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจบสิ้น พ้นกำหนดทษแล้ว ประวัติถูกลบแล้ว ตรงจุดนี้เมื่อเราไปขอในรับรองประวัติ ในรายงานจะมีบันทึกหมายเหตุ ใด ๆ เกี่ยวกับการจับกุมมั้ย เช่น นาย/นาง/นส. เคยถูกจับ บลา ๆ ๆ ตบท้ายด้วยคำว่าคดีจบ พ้นโทษ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีมลทิน ฯลฯ ทำนองนี้
2. ต่อจาก ข้อ 1 ตรงนี้(ถ้ามี) ตามข้อที่ 1 ส่วนตัวก็คิดว่าน่าจะยาก เพราะอเมริกาก็อย่างที่รู้ ๆ กันมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ .....แล้วถ้าไม่มีหละ ทุกอย่างเคลียร์ใสไร้มลทิน (ที่จริงน่าจะจบและไม่มีคำถามเนาะ) แล้วยัยนี่ทำไมยังถามต่อหละ ก็ยังมีอีกแหละค่ะเพราะด้วยความกังวลใจสารพัด....เพราะ เพราะ เพราะ ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์เพื่ออกวีซ่า เราจะต้องกรอกแบบฟอร์มประวัติออนไลน์ ซึ่งในฟอร์มนั้นจะมีคำถามอยู่นึงข้อคือ ท่านเคยต้องโทษคดหรือมีประวัติการจับกุมใด ๆ หรือไม่ จุดนี้ ถ้าสมมุติใบรับรองตำรวจเคลียร์ เราจะตอบคำถามนี้อย่างไร Yes/No และถ้าตอบ Yes ตามความจริง ตรงนี้จะมีผลต่อการขอวีซ่ามั้ย
รบกวนท่านที่รู้ หรือมีข้อมูลในทำนองดังกล่าวตอบและแชร์ประสบการณ์ด้วยนะค่ะ หรือถ้าท่านใดมีข้อแนะนำใด ๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านสำเร็จลุล่วงไปได้ดิฉันยินดีน้อมรับฟังทุกคำแนะนำคะ ทั้งหน้าไมค์ และหลังไมค์ หัวอกคนเป็นแม่เนาะถ้าท่านยังไม่มีลูก ยากที่จะรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนี้ ร้อนรนกระวนกระวายกังวลใจสารพัด พิมพ์ผิดตกตรงไหน ไม่เข้าใจ ณ จุดได้ สอบถามเพิ่มเติ่มได้ค่ะ ไม่ได้นอนเต็มอิ่มมา 2 คืนแล้วคะ คืนที่แล้วนอน 4 ชม. และยังต้องเลี้ยงลูกอีกคนเหนื่อย เพลีย อาจจะเบลอ ๆ บ้าง
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบให้ให้ข้อมูลมา ณ โอกาสนี้ค่ะ