ฐานเศรษฐกิจ 29 มิ.ย-2 ก.ค. 2557


บัญชีดำค้ามนุษย์ USA-EU. ลดสัมพันธ์ไทย จุดกระแสไม่ง้อ ระบุไทยต้องเล่นเกมให้เป็น แนะทุกฝ่ายหันคบค้าพันธมิตรอาเซียนมากขึ้น
เผยตัวเลขชี้ชัด 4 ใน 5 คู่ค้าอันดับแรกของไทยอยู่ในเอเชีย ภาคเอกชนประสานเสียงยังไม่กระทบส่งออก 2 ตลาด บิ๊กCP. ออกโรงแจงกระทบน้อย
ลูกค้าเข้าใจเริ่มสั่งของใหม่ ด้านแบงค์ระบุยังไม่มีสัญญาณเงินทุนไหลออก บัวแก้วเตรียมจัดทีมชุดใหญ่เดินสายแจง

แนะหันพึ่งพาตลาดเอเชียมากขึ้น

นายสุนทร ว่องศุภกิจ ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน เปิดเผยต่อฐานเศรษฐกิจว่า ที่ผ่านมาอเมริกาถือเป็นพี่ใหญ่โลก ชอบสวมบทตำรวจโลกเห็ใครทำไรไม่ดีก็ขู่ไปเรื่อย
สำหรับปัญหาของไทย ไม่น่าหนักใจมากเพราะมั่นใจว่าจีนจะให้ความช่วยเหลือไทยมากขึ้น จึงไม่น่าห่วงเพราะถ้าไทยปรับตัวได้เร็ว ก็มีจีน อาเซียนและอินเดีย
ยังไม่รวมนิวซีแลนด์  ออสเตรเลีย เมื่อรวมกันแล้วตลาดกลุ่มนั้นมีประชาการมากกว่า 3 พันล้านคน เป็นสัดส่วนกำลังซื้อเกินครึ่งของตลาดโลก ที่ไทยสามารถพึ่งพาได้
   ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะต้องรักษาชาติให้มากขึ้น ที่ผ่านมาเรามีการคอรัปชั่นมากทำให้ความรู้สึกของต่างชาติมองไทยแย่ลง ดังนั้น เมื่อ คสช. เข้ามาในสายตาคนไทยกว่า
80% ถือว่าได้รับการยอมรับที่ดีกว่าที่ผ่านมา ก็น่าจะผลักดันนโยบายต่างๆให้เดินหน้าต่อไป  ประธานสภาธุรกิจไทย-จีน กล่าวย้ำ

ชุผนึกแน่นจีน-ญี่ปุ่น
ในความหมายไม่ต่างกันจาก รศ.ดร. สมภพ มานะรังสรรค์ อธิบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อไทยกำลังเผชิญปัญหาแบบนี้ ในแง่พันธมิตร
อย่างจีนต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมากกขึ้นอยู่แล้ว เนื่องจากจีนมียุทธศาสตร์สร้างแนวร่วมกับประเทศอาเซียน ขณะที่อเมริกาเองก็มองจีนเป็นคู่แข่งทาง
ยุทธศาสตร์ เรื่องนี้ไทยต้องเล่นเกมให้เป็น
ดังนั้นต่อให้ไม่มีอเมริกาและอียู. ไทยก็ต้องมาให้ความสนใจจีนและญี่ปุ่น เพียงแต่จากนี้ต้องให้ความสำคัญในเชิงรับมากขึ้น โดยไทยต้องให้ความสำคัญต่อการขยายโอกาส
ทางการค้ากับจีน โดยดูว่าสินค้าอะไรเป็นที่ต้องของตลาดจีน เนื่องจากเวลานี้จีนได้ลดการพึ่งพาการส่งออกและหันมาขับเคลื่อนจากการบริโภคภายในมากขึ้น
     ส่วนญี่ปุ่น ไทยจะต้องให้ความสำคัญในการดึงทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาให้มากขึ้นเพื่อใช้ไทยเป็นประตูเชื่อมโยงประเทศในกลุ่ม CLWV
ดังนั้นภายใน 1ปี รบ.รักษาการณ์ โดย คสช. ที่ยังคงทำงานสามารถให้ความสำคัญกับจีน ญี่ปุ่นในเชิงรุก โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ก็จะช่วยประเทศไทยผ่านพ้นได้

กต. จัดทีมเดินสายแจง
ด้านนายทรงศักดิ์  สายเชื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซฟิกใต้ กระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่าในเร็วนี้ กต.ประกอบด้วยตัวแทนจากภาคราชการ อาทิ
กระทรวงแรงงาน   กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพัฒนาสังคม รวมถึงภาคเอกชนเพื่อไปชี้แจงข้อเท็จจริงแก่ผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น NFI. และเอกชนใน USA. และ EU
โดยส่วนของอียูมีแผนไปชี้แจงที่ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และประเทศแถบแสกนดิเนเวีย



ปล.อ่านเพิ่มในฐานเศรษฐกิจนะครับ พอเอามาแต่ใจความสำคัญแค่นี้  เมื่อย
ภาคเอกชนบอกไม่ง้อต่างชาติ แต่ กต.จะเดินทางไปชี้แจงต่างชาติ เอ่าาา ก็ไม่รู้สินะ