จากกระแสของ Cookie Run ที่มาแรงมีให้เล่นกันบนสมาร์ทโฟนผ่าน iOS และ Android ด้วยระบบของเกมที่เน้นการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นๆที่เป็นเพื่อนใน LINE และการเก็บเลเวลหรือเก็บไอเท็มต่างๆ ซึ่งผู้เล่นต้องใช้เวลาในการเล่นอย่างมากและเล่นได้ต่อเนื่องเพราะคะแนนที่เราเก็บรีเซ็ตทุกๆอาทิตย์เพื่อแข่งขันกับเพื่อนๆไปตลอด จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับผู้เล่นที่มีสมาร์ทโฟนในประเทศไทย
Cookie Run เกมยอดฮิตใน Play Store ตลอดมาหลายเดือน
ผมเองก็เคยเล่นมาก่อน ก็สนุกจริงๆ เพราะจุดประสงค์ของเกมต้องการให้เราได้พยายามเอาชนะเพื่อนที่คะแนนสูงไปเรื่อยๆตลอด เกมจึงเหมือนไม่ยอมสิ้นสุดทั้งๆที่วิ่งไปก็ตายวนไปวนมา ด้วยความนิยมจึงมีสื่ออย่างมากมายทำสื่อที่เกี่ยวกับตัวเกมไม่ว่าจะเป็นเทคนิค การโกง สูตร แนะนำไอเท็มตัวละคร และอื่นๆอีกมากมาย จะเห็นได้เยอะตามใน Facebook Youtube
สุดท้ายผมก็เลิกไป เลิกไปประมาณ 3 เดือนแล้ว น่าจะเลเวลประมาณ 40 ได้เพราะเล่นปั้มเปื่อยๆเนื่องจากไม่มีอะไรทำและเป็นยุคที่สมาร์ทโฟนมีบทบาทมากขึ้นในชีวิต ออกไปข้างนอกว่างๆก็ต้องสักหน่อย
เป็นท่าจับสมาร์ทโฟนพื้นฐานมากๆที่เราจะเห็นได้ทั่วๆไป ไม่ต้องคิดเลยว่าเกมอะไร
หลังจากเลิกเล่นแบบลาขาดไปเลย ผมก็เลิกรับข่าวสารจากเพจใน Facebook ปิดการตั้งค่ารับหัวใจจากเพื่อนด้วย เมื่อก่อนถ้ามีเสียง LINE ดังขึ้นนี่ไม่ใช่ธุระอะไรเลย Cookie Run เท่านั้น "เอาอีกละ!" กดรับมาจนหัวใจล้นเกินมา 300 หัวใจบางคนเป็นพัน ทำกันไปได้เนอะ
เล่นทั้งทีต้องสักห้าสิบล้าน หัวใจอีกเป็นหมื่นๆ สามล้านผมก็เหนื่อยแล้ว เล่นกันแบบไม่ต้องทำมาหากินไปเลยยย!
หลังจากที่ผมลืมมันไปนานพอควร จนวันนึงแหละครับกลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลายๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้วละ "แม่ช็อก! ลูกซื้อเพชรคุกกี้รัน เจอบิล2แสน!" "‘คุกกี้รัน’ทำพิษหนี้ท่วม" "แม่ช็อกเจอบิล2แสน ลูกชายวัย12ใช้มือถือ สั่งซื้อของเอาคะแนน" ฮะ! อะไรนะ?
ขนมอบวิ่งได้เป็นเรื่องเลย! เนื่องจากการที่เด็กเปิดการบริการจาก AIS สามารถซื้อของหรือเติมเกมใน Play Store โดยการรวมค่าใช้จ่ายลงในบิลโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะมีระบบการแจ้งเตือนก็ตามแต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กอายุ 12 เลยรู้เท่าไม่ถึงการงั้นหรือ!? ซึ่งตามข้อมูลเด็กก็รู้มากจาก "สื่อ" ที่เด็กพยายามหาวิธีได้เพชรมาฟรี (คงหมายถึงการโกง) แต่กลับกันกลายเป็นการซื้อเพชร ซึ่งเด็กเป็นคนเข้าใจผิดหรือว่าตั้งใจกันแน่? เด็กอาจจะรู้ว่าเสียเงินแต่ก็ไม่คิดว่าเยอะขนาดนี้ก็เป็นได้ เพราะมูลค่ามันอาจจะเขียนเป็นหน่วย USD จึงเหมือนแค่สิบบาทยี่สิบบาท ยังไงก็ตามบิลก็ได้พุ่งไปถึง 2 แสนเลย
ผมนี่อึ้งไปเลย! ซึ่งทาง AIS เหมือนออกตัวมารับผิดชอบตามในข่าว
http://www.thairath.co.th/content/431490 ทาง AIS ตั้งใจจะรับผิดชอบในความผิดพลาดหรือว่าแค่ช่วยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการ? ถ้าทางค่ายรับผิดชอบเท่ากับ AIS ผิดสินะ? และปัญหานี้ทางค่ายอื่นๆ DTAC หรือ True ก็ออกมาต่างคนต่างบอกว่ายังไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้เลย อย่างทาง DTAC จะมีระบบป้องกันการใช้งานเกินตามที่กำหนดไว้
กลายเป็นเรื่องน่าจับตามอง กระทั่ง "กสทช.แนะโดน'บิลช็อก'อย่าจ่าย ให้ยกเลิกบริการ" นั้นก็หมายความว่า เกิดผมซื้อและเติมเกมผ่าน Play Store ไปสักแสนเหมือนเด็กคนนี้ ช็อก! ผมก็คงไม่ต้องจ่ายและยกเลิกบริการไปเลยสินะครับ? และจากข้อมูลที่กล่าวมานั้นยังสามารถสู้คดีได้อีกด้วย! แต่พูดถึงก็แสดงว่าระบบการสื่อสารในประเทศไทยยังมีช่องโหว่อย่างมาก เพราะขนาดเด็กตัวเล็กอายุ 12 ปียังศึกษาแค่ระดับชั้น ม.1 ยังสามารถใช้เงินจากอุปกรณ์เล็กๆได้ถึง 2 แสนกันเลยทีเดียว ตามปกติแล้วเด็กส่วนใหญ่ไม่น่าจะสามารถทำนิติกรรมลักษณะแบบนี้ได้ ได้เงินไปกินขนมวันละร้อยก็เยอะแล้ว
จะซื้อสักเท่าไหร่ดี? $79.99 นี่ผมซื้อเกมฟอร์มยักษ์จากค่ายเกมดังๆได้หลายเกมเลยนะครับ หมดเงินไป 2,500 บาทได้เล่นตัวขนมอบวิ่งเทพๆได้ด้วยละ! สนุกแบบคุ้มสุดๆไปเลย
และเมื่อล่าสุดก็ "ทางบริษัทยินดีเจรจาเพื่อรับผิดชอบทั้งหมด หากเป็นการซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ" เหอะๆ ทาง AIS ก็ออกตัวรับผิดชอบสินะ เกิดเราเผลอกดไปเป็นแสนๆก็ขอร่วมด้วยดีกว่า! "ผมไม่ได้ตั้งใจ" ...และอยู่ดีๆเรื่องมันก็
- ช็อกอีก! หลานซื้อเพชรคุกกี้รัน เจอบิล 1.6 แสน
- โผล่อีก! บิล 7 หมื่นคุกกี้รันอุดรฯ
- ค่าโทร. 2 แสน!
- เกมดูดเงินอีก 3ราย-8แสน
- โผล่อีก! 9 ขวบเหยื่อเกมมือถือ แม่ช็อกเห็นบิล 1 แสน
และสุดท้ายก็
- เอไอเอส ยืนยัน ลูกค้าบิลช็อก 'คุกกี้รัน' ยกหนี้ให้ทุกราย
ทำไมปัญหามันถึงประดังเข้ามาพร้อมกันนะ?
เอารูปนี้ไปลงที่อื่นให้ Credit ด้วย!
และก็มีหลายๆเสียงในโลกโซเชียลอย่างล้นลาม รวมถึงผมเองก็รู้สึกอยากแสดงความเห็นบ้าง ขนาดแค่ "เกม" เท่านั้นมันทำให้รู้สึกว่าประเทศไทยเสื่อมไปเลยนะ รู้เลยว่าการสื่อสารมีช่องโหว่อย่างมาก เด็กๆไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่สามารถใช้เงินเพียงแค่กระดิกปลายนิ้วได้ถึงหลักแสน ผมกว่าจะเติมเกมหรือซื้อเกมได้เนี่ยต้องผ่านตู้ ATM ระบบเติมเงิน หรือใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตตลอด ซึ่งปกติก็จะมีพวกคำเตือนหรือข้อตกลงเสมอ ถึงแม้ว่าแทบจะไม่อ่าน แต่ก็ระวังเสมอ เงินๆทองๆถือเป็นเรื่องสำคัญ
กุเติมไปเป็นพันๆ!
ส่วนตัวผมเองก็เลิกเล่นมานานแล้วจนเกิดกรณีนี้จึงกลับไปดู เพื่อนผมที่มันเคยได้หลักแสนทุกวันนี้ได้ 5 ล้านอย่างต่ำ ตอนแรกเคยนึกว่าคนคงจะเลิกเล่นกันหมดแล้ว แต่กลายเป็นว่าเหมือนเยอะกว่าเดิม เพราะทุกวันนี้ถึงกับมีที่งาน Thailand Mobile Expo 2014 เลยทีเดียว VRZO เองก็ถูกสนับสนุนโดยขนมอบอยู่
การตลาดดีแบบนี้คนเล่นเยอะอยู่แล้ว
ว่าแต่คุณละ หลังจากเหตุการณ์จบไปแล้วมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้บ้าง ยังคงเล่นอยู่หรือเปล่า ถ้าเล่นไม่ต้องแนบไอดีมานะ เห็น Commend ตามเพจขนมอบใน Facebook นี่เต็มไปหมดเลย
ความเห็นผม:
- ตามความคิดผมว่าผู้ปกครองผิดที่สุดแล้ว ขึ้นชื่อว่า "ผู้ปกครอง" คนที่ปกครองใครบางคนได้ดีมักจะไม่มีปัญหา นี่ก็เป็นสาเหตุของเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการ เพราะว่าตัวผู้ปกครองเองก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เช่นกัน
- จะว่าเขาเป็นชาวนาก็จริงอยู่ เราอาจจะไม่ควรว่าเขาอะไรมากนัก แต่คนที่เป็นชาวนาต้องดูความจำเป็นถึงการมีสมาร์ทโฟนที่ซื้อมาด้วย เหตุผลการซื้อแบบนี้มีเพียงอย่างเดียวคือความบันเทิงส่วนใหญ่ เพราะถ้าใช้เพื่อการติดต่อจะใช้โทรศัพท์ธรรมดาก็ได้ หรือถ้าต้องการจะมีจริงๆเพราะความอยากจะมีเหมือนกับเขาบ้าง ก็อย่าเลย! เขามีสมาร์ทโฟนเพราะเขาสามารถใช้มันได้ เขาถึงได้ของดีๆมาใช้กันอย่างถูกวิธี แต่ถ้ามีแล้วปล่อยให้เด็กกดเงินได้เป็นแสนโดยผู้ปกครองไม่ป้องกัน ตรวจสอบ เรามีของแบบนี้ไปก็มีแต่ผลเสียใช้กันไม่ถูกวิธี จริงๆแล้วถึงเป็นชาวนาก็ใช้ได้นะ! แค่ศึกษาวิธีการใช้งานให้ถูกวิธีเท่านั้นเราก็จะรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้ทั้งหมด อย่างผมซื้อมาเพื่อความบันเทิงตรงๆก็จริงไม่ได้ใช้ทำงานแต่ผมก็สามารถล้างเครื่องและลงเองใหม่ได้ รู้วิธีใช้หมด (ถึงจะปลดล็อคไม่เป็นก็ตาม)
- AIS มีส่วนผิดบ้างก็จริงเพราะไม่มีการป้องกัน แต่การที่ทาง AIS ออกมารับผิดชอบ เพราะผู้ปกครองที่ละเลย ไม่ตรวจสอบเด็ก ไม่ศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ถูกต้อง มันค่อนข้างผิดหลัก แต่ตามประสาของคนที่ต้องการช่วยเหลือด้วยความที่ไม่รู้ AIS จึงควรจะต้องช่วยเพราะจะหาเงินหลักแสนไม่ใช่เรื่องงาน เพราะหากไม่ช่วยใครละจะใช้ AIS? ปกติแค่เรื่องการเมืองก็ทำเอา AIS เปลี่ยนการตลาดไปเยอะพอควร ดังนั้นเรื่องนี้ก็เลยถือว่า AIS รับเคราะห์เต็มๆ (สงสาร)
- การรับสื่อ สื่อเดี๋ยวนี้อันตรายอย่างมากยิ่งสื่อตามอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียล ยิ่งเป็นสื่อที่ไม่เป็นทางการอย่างเพจตาม Facebook หรือคลิปวิดีโอต่างๆ เนื่องจากสื่อนั้นมีทั้งเรื่องดี ไม่ดี เรื่องที่เป็นเรื่องจริง และไม่จริง บางครั้งการรับสื่อเรานี้เราควรแยกให้ออกว่าสื่อไหนควรรับชม สื่อไหนไม่ควรรับ อย่างกรณีของเด็กคนนี้นั้นเอง อยากได้เพชรฟรี! ทั้งๆที่ถ้าเขาได้จริงๆไม่น่าจะแจกในเน็ตกันหรอก ขายวิธีการโกงเอาไม่ดีกว่าหรอ?
- โลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะครับ เด็กๆผมเคยนั่งเล่น LEGO ทุกวันนี้มีเกม Minecraft เด็กๆผมเคยใช้ปืนอัดลมเล่นกับเพื่อนทุกวันนี้มีเกมสงคราม เด็กๆผมเคยไปบ้านเพื่อนเพื่อเล่นด้วยกันทุกวันนี้มีเกมออนไลน์เล่นด้วยกัน เปลี่ยนไปจริงๆ มีหลายๆสื่อเหมือนกันที่กำลังต่อต้านเรื่องเหล่านี้เนื่องจากเด็กสมัยนี้ (ใช้คำนี้รู้สึกแก่) ส่วนใหญ่ใช้ความบันเทิงผ่านเทคโนโลยี สมัยก่อนเกมนี่ต้องนั่งเล่นด้วยกัน ทุกวันนี้ต่อเน็ตออนไลน์อย่างเดียว สมัยก่อนมีเกมตู้เครื่องเล่นมากมายในห้องทุกวันนี้เหมืองห้องร้าง ร้านเกมที่สมัยก่อนหาแทบไม่ได้ราคาแพง ทุกวันนี้ชม.ละ 10 บาทหาได้ในพื้นที่ทั่วไป! นึกแล้วก็เศร้านะครับ แต่เราก็ทำไม่ได้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าโลกของเราจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ขนาดเกมแค่นี้เล่นเอาประเทศไทยวุ่นวายกันเลย ผู้ปกครองคงกลัวให้เด็กเล่นสมาร์ทโฟนละ
- Cookie Run ก็จัดว่าเป็นผลกระทบอย่างนึงจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เกิดจากเกมพัฒนาในทางที่ผิด?หรือว่าผู้เล่นที่ผิดกันแน่? และการพัฒนาจะทำให้สมดุลแค่ไหน พัฒนาเกมในทางที่ถูกต้อง?หรือว่าผู้เล่นพัฒนาวิธีการเล่นที่ถูกต้อง? ดังนั้นในเมื่อถ้าหากเกมมันถูกทำขึ้นมาผิด ทำให้ผู้เล่นแย่ เราก็ต้องปรับสภาพให้เข้ากัน เช่น อาจจะเล่นได้น้อยลง เลิกเล่นไปเลย หรือเล่นเพียงความบันเทิงไม่ใส่อารมณ์ที่ทำให้เกิดความพยายามในการเล่นเกมเกินไป "กับการเรียนเคยพยายามบ้างมั้ย?"
- เกมบนสมาร์ทโฟนก็เหมือนกับรายการทีวี ปล่อยให้เด็กนั่งดูรายการทีวีที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ไม่ต่างกับการปล่อยให้เด็กเล่นเกมที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ส่วนตัวแล้วผมว่าเกมน่ากลัวว่าเพราะเกมจะเป็นการสวมบทบาทให้ผู้เล่นได้สัมผัสทางความรู้สึกที่แท้จริง ต่างกับการนั่งดูเฉยๆที่จะรู้สึกน้อยกว่า ใครที่ DayZ หรือแนวๆเดียวกันอาจจะเข้าใจ ต่างกับการดูหนัง The Walking Dead อย่างมาก
จากเหตุการณ์นี้เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างของการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีเหล่านี้เพียง 10 ปี และอีก 10 ปีข้างหน้าละจะเป็นอย่างไร? ผู้สร้างไม่เคยหยุดสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อความสะดวกที่สามารถซ่อนเร้นถึงโทษไว้อย่างมากมาย อย่างเมื่อก่อนไม่มียานพาหนะ หลังจากมีก็มีอุบัติเหตุมากมายจากถนนหนทาง เคยมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ถ้าหากไม่มียานพาหนะคนเหล่านี้ก็จะไม่ตายหรือบาดเจ็บ นั้นคือประโยชน์ที่ดีและมีโทษที่ร้ายแรงไปด้วยกัน หากเราเลือกที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์และระวังเรื่องโทษสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ขับรถระวังหนทางโทษก็จะไม่เกิดโทษ การใช้สมาร์ทโฟนก็เช่นกัน รู้วิธีการใช้ ตรวจสอบการใช้งานเสมอก็จะไม่เกิดโทษ
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่คุณมองข้ามเลย! คุณได้ตรวจสอบตัวเองหรือยัง
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
ปล. สุดท้ายคนเขียนมันก็นั่งเล่นเกมออนไลน์อยู่เหมือนกัน ถึงจะเกมเดียว DOTA2 แต่ก็เติมไป 7 ร้อยแล้ว 555
Edit:
https://www.facebook.com/OmeagaJod?fref=photo
Cookie Run ขนมอบวายร้ายกำลังเป็นพิษภัยในสังคมไทยแล้วนะครับ
Cookie Run เกมยอดฮิตใน Play Store ตลอดมาหลายเดือน
ผมเองก็เคยเล่นมาก่อน ก็สนุกจริงๆ เพราะจุดประสงค์ของเกมต้องการให้เราได้พยายามเอาชนะเพื่อนที่คะแนนสูงไปเรื่อยๆตลอด เกมจึงเหมือนไม่ยอมสิ้นสุดทั้งๆที่วิ่งไปก็ตายวนไปวนมา ด้วยความนิยมจึงมีสื่ออย่างมากมายทำสื่อที่เกี่ยวกับตัวเกมไม่ว่าจะเป็นเทคนิค การโกง สูตร แนะนำไอเท็มตัวละคร และอื่นๆอีกมากมาย จะเห็นได้เยอะตามใน Facebook Youtube
สุดท้ายผมก็เลิกไป เลิกไปประมาณ 3 เดือนแล้ว น่าจะเลเวลประมาณ 40 ได้เพราะเล่นปั้มเปื่อยๆเนื่องจากไม่มีอะไรทำและเป็นยุคที่สมาร์ทโฟนมีบทบาทมากขึ้นในชีวิต ออกไปข้างนอกว่างๆก็ต้องสักหน่อย
เป็นท่าจับสมาร์ทโฟนพื้นฐานมากๆที่เราจะเห็นได้ทั่วๆไป ไม่ต้องคิดเลยว่าเกมอะไร
หลังจากเลิกเล่นแบบลาขาดไปเลย ผมก็เลิกรับข่าวสารจากเพจใน Facebook ปิดการตั้งค่ารับหัวใจจากเพื่อนด้วย เมื่อก่อนถ้ามีเสียง LINE ดังขึ้นนี่ไม่ใช่ธุระอะไรเลย Cookie Run เท่านั้น "เอาอีกละ!" กดรับมาจนหัวใจล้นเกินมา 300 หัวใจบางคนเป็นพัน ทำกันไปได้เนอะ
เล่นทั้งทีต้องสักห้าสิบล้าน หัวใจอีกเป็นหมื่นๆ สามล้านผมก็เหนื่อยแล้ว เล่นกันแบบไม่ต้องทำมาหากินไปเลยยย!
หลังจากที่ผมลืมมันไปนานพอควร จนวันนึงแหละครับกลายเป็นประเด็นขึ้นมา หลายๆคนก็คงรู้กันอยู่แล้วละ "แม่ช็อก! ลูกซื้อเพชรคุกกี้รัน เจอบิล2แสน!" "‘คุกกี้รัน’ทำพิษหนี้ท่วม" "แม่ช็อกเจอบิล2แสน ลูกชายวัย12ใช้มือถือ สั่งซื้อของเอาคะแนน" ฮะ! อะไรนะ?
ขนมอบวิ่งได้เป็นเรื่องเลย! เนื่องจากการที่เด็กเปิดการบริการจาก AIS สามารถซื้อของหรือเติมเกมใน Play Store โดยการรวมค่าใช้จ่ายลงในบิลโดยอัตโนมัติ ถึงแม้จะมีระบบการแจ้งเตือนก็ตามแต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กอายุ 12 เลยรู้เท่าไม่ถึงการงั้นหรือ!? ซึ่งตามข้อมูลเด็กก็รู้มากจาก "สื่อ" ที่เด็กพยายามหาวิธีได้เพชรมาฟรี (คงหมายถึงการโกง) แต่กลับกันกลายเป็นการซื้อเพชร ซึ่งเด็กเป็นคนเข้าใจผิดหรือว่าตั้งใจกันแน่? เด็กอาจจะรู้ว่าเสียเงินแต่ก็ไม่คิดว่าเยอะขนาดนี้ก็เป็นได้ เพราะมูลค่ามันอาจจะเขียนเป็นหน่วย USD จึงเหมือนแค่สิบบาทยี่สิบบาท ยังไงก็ตามบิลก็ได้พุ่งไปถึง 2 แสนเลย
ภาพจากไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/431346 รวมๆเด็กคงได้เพชรไปเกือบ 9 หมื่นเพชรได้เลย
ผมนี่อึ้งไปเลย! ซึ่งทาง AIS เหมือนออกตัวมารับผิดชอบตามในข่าว http://www.thairath.co.th/content/431490 ทาง AIS ตั้งใจจะรับผิดชอบในความผิดพลาดหรือว่าแค่ช่วยคนที่รู้เท่าไม่ถึงการ? ถ้าทางค่ายรับผิดชอบเท่ากับ AIS ผิดสินะ? และปัญหานี้ทางค่ายอื่นๆ DTAC หรือ True ก็ออกมาต่างคนต่างบอกว่ายังไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้เลย อย่างทาง DTAC จะมีระบบป้องกันการใช้งานเกินตามที่กำหนดไว้
กลายเป็นเรื่องน่าจับตามอง กระทั่ง "กสทช.แนะโดน'บิลช็อก'อย่าจ่าย ให้ยกเลิกบริการ" นั้นก็หมายความว่า เกิดผมซื้อและเติมเกมผ่าน Play Store ไปสักแสนเหมือนเด็กคนนี้ ช็อก! ผมก็คงไม่ต้องจ่ายและยกเลิกบริการไปเลยสินะครับ? และจากข้อมูลที่กล่าวมานั้นยังสามารถสู้คดีได้อีกด้วย! แต่พูดถึงก็แสดงว่าระบบการสื่อสารในประเทศไทยยังมีช่องโหว่อย่างมาก เพราะขนาดเด็กตัวเล็กอายุ 12 ปียังศึกษาแค่ระดับชั้น ม.1 ยังสามารถใช้เงินจากอุปกรณ์เล็กๆได้ถึง 2 แสนกันเลยทีเดียว ตามปกติแล้วเด็กส่วนใหญ่ไม่น่าจะสามารถทำนิติกรรมลักษณะแบบนี้ได้ ได้เงินไปกินขนมวันละร้อยก็เยอะแล้ว
จะซื้อสักเท่าไหร่ดี? $79.99 นี่ผมซื้อเกมฟอร์มยักษ์จากค่ายเกมดังๆได้หลายเกมเลยนะครับ หมดเงินไป 2,500 บาทได้เล่นตัวขนมอบวิ่งเทพๆได้ด้วยละ! สนุกแบบคุ้มสุดๆไปเลย
และเมื่อล่าสุดก็ "ทางบริษัทยินดีเจรจาเพื่อรับผิดชอบทั้งหมด หากเป็นการซื้อโดยไม่ได้ตั้งใจ" เหอะๆ ทาง AIS ก็ออกตัวรับผิดชอบสินะ เกิดเราเผลอกดไปเป็นแสนๆก็ขอร่วมด้วยดีกว่า! "ผมไม่ได้ตั้งใจ" ...และอยู่ดีๆเรื่องมันก็
- ช็อกอีก! หลานซื้อเพชรคุกกี้รัน เจอบิล 1.6 แสน
- โผล่อีก! บิล 7 หมื่นคุกกี้รันอุดรฯ
- ค่าโทร. 2 แสน!
- เกมดูดเงินอีก 3ราย-8แสน
- โผล่อีก! 9 ขวบเหยื่อเกมมือถือ แม่ช็อกเห็นบิล 1 แสน
และสุดท้ายก็
- เอไอเอส ยืนยัน ลูกค้าบิลช็อก 'คุกกี้รัน' ยกหนี้ให้ทุกราย
ทำไมปัญหามันถึงประดังเข้ามาพร้อมกันนะ?
เอารูปนี้ไปลงที่อื่นให้ Credit ด้วย!
และก็มีหลายๆเสียงในโลกโซเชียลอย่างล้นลาม รวมถึงผมเองก็รู้สึกอยากแสดงความเห็นบ้าง ขนาดแค่ "เกม" เท่านั้นมันทำให้รู้สึกว่าประเทศไทยเสื่อมไปเลยนะ รู้เลยว่าการสื่อสารมีช่องโหว่อย่างมาก เด็กๆไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่สามารถใช้เงินเพียงแค่กระดิกปลายนิ้วได้ถึงหลักแสน ผมกว่าจะเติมเกมหรือซื้อเกมได้เนี่ยต้องผ่านตู้ ATM ระบบเติมเงิน หรือใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตตลอด ซึ่งปกติก็จะมีพวกคำเตือนหรือข้อตกลงเสมอ ถึงแม้ว่าแทบจะไม่อ่าน แต่ก็ระวังเสมอ เงินๆทองๆถือเป็นเรื่องสำคัญ
กุเติมไปเป็นพันๆ!
ส่วนตัวผมเองก็เลิกเล่นมานานแล้วจนเกิดกรณีนี้จึงกลับไปดู เพื่อนผมที่มันเคยได้หลักแสนทุกวันนี้ได้ 5 ล้านอย่างต่ำ ตอนแรกเคยนึกว่าคนคงจะเลิกเล่นกันหมดแล้ว แต่กลายเป็นว่าเหมือนเยอะกว่าเดิม เพราะทุกวันนี้ถึงกับมีที่งาน Thailand Mobile Expo 2014 เลยทีเดียว VRZO เองก็ถูกสนับสนุนโดยขนมอบอยู่
การตลาดดีแบบนี้คนเล่นเยอะอยู่แล้ว
ว่าแต่คุณละ หลังจากเหตุการณ์จบไปแล้วมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้บ้าง ยังคงเล่นอยู่หรือเปล่า ถ้าเล่นไม่ต้องแนบไอดีมานะ เห็น Commend ตามเพจขนมอบใน Facebook นี่เต็มไปหมดเลย
ความเห็นผม:
- ตามความคิดผมว่าผู้ปกครองผิดที่สุดแล้ว ขึ้นชื่อว่า "ผู้ปกครอง" คนที่ปกครองใครบางคนได้ดีมักจะไม่มีปัญหา นี่ก็เป็นสาเหตุของเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการ เพราะว่าตัวผู้ปกครองเองก็ไม่รู้เรื่องเหล่านี้เช่นกัน
- จะว่าเขาเป็นชาวนาก็จริงอยู่ เราอาจจะไม่ควรว่าเขาอะไรมากนัก แต่คนที่เป็นชาวนาต้องดูความจำเป็นถึงการมีสมาร์ทโฟนที่ซื้อมาด้วย เหตุผลการซื้อแบบนี้มีเพียงอย่างเดียวคือความบันเทิงส่วนใหญ่ เพราะถ้าใช้เพื่อการติดต่อจะใช้โทรศัพท์ธรรมดาก็ได้ หรือถ้าต้องการจะมีจริงๆเพราะความอยากจะมีเหมือนกับเขาบ้าง ก็อย่าเลย! เขามีสมาร์ทโฟนเพราะเขาสามารถใช้มันได้ เขาถึงได้ของดีๆมาใช้กันอย่างถูกวิธี แต่ถ้ามีแล้วปล่อยให้เด็กกดเงินได้เป็นแสนโดยผู้ปกครองไม่ป้องกัน ตรวจสอบ เรามีของแบบนี้ไปก็มีแต่ผลเสียใช้กันไม่ถูกวิธี จริงๆแล้วถึงเป็นชาวนาก็ใช้ได้นะ! แค่ศึกษาวิธีการใช้งานให้ถูกวิธีเท่านั้นเราก็จะรับมือกับปัญหาที่จะตามมาได้ทั้งหมด อย่างผมซื้อมาเพื่อความบันเทิงตรงๆก็จริงไม่ได้ใช้ทำงานแต่ผมก็สามารถล้างเครื่องและลงเองใหม่ได้ รู้วิธีใช้หมด (ถึงจะปลดล็อคไม่เป็นก็ตาม)
- AIS มีส่วนผิดบ้างก็จริงเพราะไม่มีการป้องกัน แต่การที่ทาง AIS ออกมารับผิดชอบ เพราะผู้ปกครองที่ละเลย ไม่ตรวจสอบเด็ก ไม่ศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ถูกต้อง มันค่อนข้างผิดหลัก แต่ตามประสาของคนที่ต้องการช่วยเหลือด้วยความที่ไม่รู้ AIS จึงควรจะต้องช่วยเพราะจะหาเงินหลักแสนไม่ใช่เรื่องงาน เพราะหากไม่ช่วยใครละจะใช้ AIS? ปกติแค่เรื่องการเมืองก็ทำเอา AIS เปลี่ยนการตลาดไปเยอะพอควร ดังนั้นเรื่องนี้ก็เลยถือว่า AIS รับเคราะห์เต็มๆ (สงสาร)
- การรับสื่อ สื่อเดี๋ยวนี้อันตรายอย่างมากยิ่งสื่อตามอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียล ยิ่งเป็นสื่อที่ไม่เป็นทางการอย่างเพจตาม Facebook หรือคลิปวิดีโอต่างๆ เนื่องจากสื่อนั้นมีทั้งเรื่องดี ไม่ดี เรื่องที่เป็นเรื่องจริง และไม่จริง บางครั้งการรับสื่อเรานี้เราควรแยกให้ออกว่าสื่อไหนควรรับชม สื่อไหนไม่ควรรับ อย่างกรณีของเด็กคนนี้นั้นเอง อยากได้เพชรฟรี! ทั้งๆที่ถ้าเขาได้จริงๆไม่น่าจะแจกในเน็ตกันหรอก ขายวิธีการโกงเอาไม่ดีกว่าหรอ?
- โลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะครับ เด็กๆผมเคยนั่งเล่น LEGO ทุกวันนี้มีเกม Minecraft เด็กๆผมเคยใช้ปืนอัดลมเล่นกับเพื่อนทุกวันนี้มีเกมสงคราม เด็กๆผมเคยไปบ้านเพื่อนเพื่อเล่นด้วยกันทุกวันนี้มีเกมออนไลน์เล่นด้วยกัน เปลี่ยนไปจริงๆ มีหลายๆสื่อเหมือนกันที่กำลังต่อต้านเรื่องเหล่านี้เนื่องจากเด็กสมัยนี้ (ใช้คำนี้รู้สึกแก่) ส่วนใหญ่ใช้ความบันเทิงผ่านเทคโนโลยี สมัยก่อนเกมนี่ต้องนั่งเล่นด้วยกัน ทุกวันนี้ต่อเน็ตออนไลน์อย่างเดียว สมัยก่อนมีเกมตู้เครื่องเล่นมากมายในห้องทุกวันนี้เหมืองห้องร้าง ร้านเกมที่สมัยก่อนหาแทบไม่ได้ราคาแพง ทุกวันนี้ชม.ละ 10 บาทหาได้ในพื้นที่ทั่วไป! นึกแล้วก็เศร้านะครับ แต่เราก็ทำไม่ได้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าโลกของเราจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ขนาดเกมแค่นี้เล่นเอาประเทศไทยวุ่นวายกันเลย ผู้ปกครองคงกลัวให้เด็กเล่นสมาร์ทโฟนละ
- Cookie Run ก็จัดว่าเป็นผลกระทบอย่างนึงจากเทคโนโลยีเหล่านี้ เกิดจากเกมพัฒนาในทางที่ผิด?หรือว่าผู้เล่นที่ผิดกันแน่? และการพัฒนาจะทำให้สมดุลแค่ไหน พัฒนาเกมในทางที่ถูกต้อง?หรือว่าผู้เล่นพัฒนาวิธีการเล่นที่ถูกต้อง? ดังนั้นในเมื่อถ้าหากเกมมันถูกทำขึ้นมาผิด ทำให้ผู้เล่นแย่ เราก็ต้องปรับสภาพให้เข้ากัน เช่น อาจจะเล่นได้น้อยลง เลิกเล่นไปเลย หรือเล่นเพียงความบันเทิงไม่ใส่อารมณ์ที่ทำให้เกิดความพยายามในการเล่นเกมเกินไป "กับการเรียนเคยพยายามบ้างมั้ย?"
- เกมบนสมาร์ทโฟนก็เหมือนกับรายการทีวี ปล่อยให้เด็กนั่งดูรายการทีวีที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ไม่ต่างกับการปล่อยให้เด็กเล่นเกมที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสม ส่วนตัวแล้วผมว่าเกมน่ากลัวว่าเพราะเกมจะเป็นการสวมบทบาทให้ผู้เล่นได้สัมผัสทางความรู้สึกที่แท้จริง ต่างกับการนั่งดูเฉยๆที่จะรู้สึกน้อยกว่า ใครที่ DayZ หรือแนวๆเดียวกันอาจจะเข้าใจ ต่างกับการดูหนัง The Walking Dead อย่างมาก
จากเหตุการณ์นี้เราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างของการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีเหล่านี้เพียง 10 ปี และอีก 10 ปีข้างหน้าละจะเป็นอย่างไร? ผู้สร้างไม่เคยหยุดสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อความสะดวกที่สามารถซ่อนเร้นถึงโทษไว้อย่างมากมาย อย่างเมื่อก่อนไม่มียานพาหนะ หลังจากมีก็มีอุบัติเหตุมากมายจากถนนหนทาง เคยมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก ถ้าหากไม่มียานพาหนะคนเหล่านี้ก็จะไม่ตายหรือบาดเจ็บ นั้นคือประโยชน์ที่ดีและมีโทษที่ร้ายแรงไปด้วยกัน หากเราเลือกที่จะใช้มันเพื่อประโยชน์และระวังเรื่องโทษสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ขับรถระวังหนทางโทษก็จะไม่เกิดโทษ การใช้สมาร์ทโฟนก็เช่นกัน รู้วิธีการใช้ ตรวจสอบการใช้งานเสมอก็จะไม่เกิดโทษ
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่คุณมองข้ามเลย! คุณได้ตรวจสอบตัวเองหรือยัง
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
ปล. สุดท้ายคนเขียนมันก็นั่งเล่นเกมออนไลน์อยู่เหมือนกัน ถึงจะเกมเดียว DOTA2 แต่ก็เติมไป 7 ร้อยแล้ว 555
Edit: https://www.facebook.com/OmeagaJod?fref=photo