ทำไมปฎิวัติ ๒๔๗๕ จึงสำเร็จ

ออกตัวก่อนว่า บทความนี้มีที่มาหลายที่อ้างอิงไม่หมด เกิดจากการอ่านแล้วตกผลึกมา

#ทำไมปฎิวัติ๒๔๗๕จึงสำเร็จ

…เพราะเหตุไร ยามคลังกระสุนจึงปล่อยให้พระยาพหลฯ งัดคลังกะสุนและขนกระสุนไปได้

ทำไมนายสิบของกรมทหารม้าจึงยอมปฏิบัติตามคำสั่งของนายทหาร ซึ่งมิได้เป็นผู้บังคับบัญชาของตัวด้วยความราบรื่น

ทำไมนายทหารที่มาเรียงแถวอยู่ข้างหน้าผู้อำนวยการฝ่ายทหารจึงรักษาความสงบเงียบ ปล่อยให้นายทหารอื่นนำทหารของตัวผ่านหน้าตัวออกไปได้ และในเวลาต่อๆมาก็ยังคงนั่งเฉยเช่นนั้นไม่แสดงกิริยาหรือวาจาอันเป็นเครื่องหมายที่จะขัดแย้งแต่อย่างใดเลย..

เป็นเพราะนายสิบนายทหารเหล่านั้นเห็นด้วยในการปฏิวัติหรือ..”

#ความจริงคือ

“เปล่าเลย…ทั้งนายทหาร นายสิบ พลทหาร ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลย ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่มีใครเคยได้เห็นได้รู้ว่าการปฏิวัติทำอย่างไร เพื่ออะไร มีแต่ความงงงวยเต็มไปด้วยความไม่รู้ และข้อนี้เองเป็นเหตุสำคัญแห่งความสำเร็จ”

วินาทีสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คือตอนที่พระยาพหลฯ ควักกระดาษออกมาอ่านประกาศยึดอำนาจ ปรากฏว่า เบื้องหลังการปฏิวัติ ๒๔๗๕ และหนังสือเล่มอื่นๆ ข้ามรายละเอียดตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

ไม่มีรายละเอียดเรื่องนี้ ไม่มีภาพถ่าย ไม่มีคำบอกเล่าที่ชัดเจน ในวินาทีที่สยามเปลี่ยนแปลงการปกครอง

เลยไม่รู้ว่าวินาทีนั้นหรือก่อนหน้านั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะตำแหน่ง “จุดยืน” ที่แท้จริงของพระยาพหลฯ ขณะอ่านประกาศยึดอำนาจอยู่ตรงไหน หันหน้าไปทางไหน

เหล่าทหารยืนฟังอยู่ทางด้านไหนของลานพระบรมรูปทรงม้า รู้แต่ว่าเวลา “ย่ำรุ่ง”คือเวลา ๖ โมง ๕ นาที ส่วนเวลาอ่านประกาศ คือเวลา ๗ โมงตรง ตามบันทึกของ พลโทประยูร ภมรมนตรี

แม้จะไม่ใช่ “สาระสำคัญ” ทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ก็เป็นรายละเอียดที่ “อยากรู้” ได้เหมือนกัน

น่าเสียดายที่คณะทหาร “พกปืน” ไม่พกกล้อง เราจึงไม่มี “ช็อตเด็ด” ในวินาทีที่สำคัญที่สุดของสยามประเทศ

ในขณะที่บันทึกของ “๔ ทหารเสือ” ก็ไม่ได้บรรยายถึงบรรยากาศและรายละเอียดขณะนั้น เราจึงไม่ทราบอยู่ดีว่า พระยาพหลฯ หยิบประกาศยึดอำนาจออกจากกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง

ขณะอ่านประกาศหันหน้าไปทางไหน พระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งอนันตสมาคม สนามเสือป่า หรือพูดกับพระบรมรูปทรงม้า เพราะทั้งหมดนั้นคือ “สัญลักษณ์” แห่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ทั้งสิ้น

มีเพียง “ข้อสันนิษฐาน” ว่า พระยาพหลฯ น่าจะยืนอยู่ทางด้านซ้ายของพระบรมรูปทรงม้า อันเป็นตำแหน่งที่มีหมุดทองเหลืองของคณะราษฎรฝังอยู่กับข้อความ “๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ”

ซึ่งก็ไม่รู้แน่ว่า “ณ ที่นี้” หมายถึง “จุด” ที่พระยาพหลฯ ยืนอยู่ หรือหมายถึง “บริเวณ” ลานพระบรมรูปทรงม้าทั้งหมด

ยังข้อน่าสงสัยอีกข้อหนึ่งคือ เมื่อเวลา ๖ โมง ๕ นาที เหล่าทหารกองผสมมาชุมนุมพร้อมกันแล้ว เหตุใดพระยาพหลฯ ต้องรอจนถึง ๗ โมงตรง จึงเริ่มอ่านประกาศ

เกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่หายไป ๕๕ นาที

สงสัยคณะทหารรออะไร?

เหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ หลังเวลา ๖ โมง ๕ นาที คือการจัดแถวทหาร จัดเตรียมอาวุธให้อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม และวางแนวป้องกันการตอบโต้จากฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที

แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการ “รอ” ผลการปฏิบัติงานของทีม “จับตัวประกัน” ของพระประศาสน์ฯ

หลังจากเวลา ๖ โมง ๕ นาที รถเกราะปิดท้ายขบวนทหารของพระประศาสน์ฯ ที่เคลื่อนพลมาจากกรมทหารปืนใหญ่ มาถึงลานพระบรมรูปทรงม้า พระยาทรงฯ “ผู้อำนวยการฝ่ายทหาร” ก็มีคำสั่งทันที

สรุปว่าเวลาที่หายไปราว ๕๕ นาทีนั้น คณะผู้ก่อการฯ กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการ “จับตัวประกัน” ซึ่งถือว่าเป็นช่วง “อันตราย” มากที่สุดต่อแผนการก่อการครั้งนี้ และหากแผนการจับตัวประกันผิดพลาด ก็หนีไม่พ้นการนองเลือดอย่างแน่นอน

ตลอดเวลาหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มักจะมีข่าวเรื่อง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” นี้ ถูกแงะไปเก็บบ้าง ถูกย้ายที่แก้เคล็ดบ้าง แต่ก็ขาดหลักฐานยืนยันว่า ย้ายจากไหนไปไหน แล้วนำกลับมาไว้ตำแหน่งเดิม “แป๊ะๆ” เลยหรือไม่

เนื่องจาก “พิกัด” ที่แท้จริงไม่มี หลักฐานการเคลื่อนย้ายยังไม่ชัด จึงต้องถือ “เสมือนว่า” ณ “จุดยืน” ที่พระยาพหลฯ อ่านประกาศยึดอำนาจ หรือจุดที่ฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” ยังคง “แน่นิ่ง” อยู่ที่เดิม ไม่ได้มีการ “เปลี่ยนแปลง” เลยในช่วงเวลา ๘๐ ปีมานี้

แล้วในวันนั้นพระยาพหลอ่านอะไรกันแน่ ประกาศคณะราษฎร หรือแถลงการณ์ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ข้อเท็จจริงมีดังนี้

“แถลงการณ์ภาษาเยอรมันแต่อ่านเป็นภาษาไทย ของพระยาพหลฯ ฉบับนั้น มีใจความสำคัญแต่เพียงว่าบัดนี้คณะราษฎร, ทหาร, พลเรือน ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองไว้แล้วโดยเด็ดขาด เพื่อลบล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชอันเก่าแก่ลง และสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นตามแบบอารยะชาติทั้งหลาย

ขอให้นายทหารที่มิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติอยู่ในความสงบอย่าทำการขัดขวาง และออกจากลานพระรูปฯ ไปไม่ได้จนกว่าจะได้สั่งให้กลับไป หากจะพอใจให้ความร่วมมือสนับสนุนแก่คณะราษฎร ซึ่งยึดอำนาจการปกครองก็ยินดียิ่ง ทั้งนี้เพื่อความเจริญของชาติบ้านเมือง”

ซึ่งเรื่องนี้ก็สอดคล้องต้องกัน กับร่างสุนทรพจน์ของพระยาพหลฯ ในวันพิธีฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” เช่นเดียวกัน

“ณ จุดที่ข้าพเจ้าได้รับอุปโลกน์จากพวกพี่น้องผู้ร่วมก่อการให้เป็นผู้นำ และที่นั้นข้าพเจ้าได้ยืนกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อปลุกใจเพื่อนที่เคยร่วมตายทั้งหลาย และได้สั่งการอย่างเด็ดขาดในการที่จะดำเนินการต่อไป และได้กำหนดโทษไว้อย่างหนัก ถ้าผู้ใดขัดขืนคำสั่งและละเมิดวินัยในการกระทำหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวแก่การเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น”

จึงน่าจะเป็นที่แน่นอนว่า วันนั้น พระยาพหลฯ ไม่ได้อ่าน “ประกาศคณะราษฎร” แต่เป็นแถลงการณ์ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการปลุกใจ และสั่งการควบคุมทหารให้ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเด็ดขาด

สรุป

ในวันยึดอำนาจการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ กองทหารผสมมาชุมนุมพร้อมกันเวลา “ย่ำรุ่ง” ๐๖.๐๕ น. จากนั้นเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. พระยาพหลฯ ก้าวมายืนอยู่ ณ จุดที่ฝัง “หมุดกำเนิดรัฐธรรมนูญ” ในลานพระบรมรูปทรงม้า ท่ามกลางเหล่าทหารกองผสม เพื่ออ่านแถลงการณ์ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง และปลุกใจเพื่อนทหารที่มาชุมนุมอยู่ที่นั้น

เมื่อกล่าวจบคณะผู้ก่อการฝ่ายทหารก็นำทหารเปล่งเสียงขึ้น ๓ ครั้ง

ไชโย, ไชโย, ไชโย

๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่