สวัสดีค่ะชาวพันทิป วันนี้ดิฉันขอเล่าเรื่องนี้เผื่อจะไปสะกิดใจใครบางคนให้ได้คิดบ้างไม่มากก็น้อย เผื่อคุณจะมองอะไรหลายมุมบ้าง
ดิฉันทำธุรกิจประเภทอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า ในพื้นที่ที่ติดกับแหล่งสถานศึกษา ผู้ที่มาเข้าพักส่วนใหญ่จึงเป็นนักศึกษา
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีบางกลุ่มที่เป็นอาจารย์ หรือ ทำงานบริเวณนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสังคมเล็กของคนหลายประเภทค่ะ
วันนี้เป็นอีกครั้งที่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...
มีผู้หญิงคนหนึ่ง มาติดต่อที่ ออฟฟิศของทางอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน โดยที่น้องเค้าได้บอกว่า
"คุณแม่ที่บ้านไม่สบาย ติดต่อน้องชายไม่ได้ เลยมาตาม"
พอดีดิฉันไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศนะคะ แต่เป็นคุณแม่ ท่านแก่แล้วค่ะ เป็นคนที่คุยกับน้องผู้หญิง
คุณแม่ถามน้องกลับไปว่า "ห้องเบอร์อะไรคะ ?" แต่น้องบอกว่าจำไม่ได้ค่ะ ท่าทางน้องก็ดูลุกลี้ลุกลน
ไม่รอช้า สนทนากันได้ไม่นาน พอดีเหตุเกิดตอนกลางวันนี้แหละ น้องก็เลยวิ่งปราดเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ของเราเลยค่ะ
จากนั้นไม่เกินชั่วอึดใจ ซาวด์เอฟเฟคก็ตามมาด้วยระดับเสียงระบบ Dolby Surround เหมือนสงครามในตุรกี อิรัก เลยค่ะ
ดิฉันและคุณแม่ รวมถึงคุณป้าแม่บ้านที่อพาร์ทเม้นท์ก็ไม่กล้าไปยุ่ง เอาล่ะสิ ก็คนมันกลัวนี่
เสียงทะเลาะกันเริ่มรุ่นแรงมากขึ้น มีผู้หญิงกรีดร้องโวยวาย ตามมาด้วยเสียงสิ่งของกระแทกกันไปมาเหมือนวงออเครสตาบรรเลง
ไม่ว่าจะเป็นเสียงไม้ เสียงเหล็ก เสียงกระเบื้อง เสียงแก้วแตก พร้อมด้วยเสียงร้อง "กูจะฆ่ามิงให้ตาย" สุดแล้วแต่จะจินตนาการกันได้เลยค่ะ
หลังจาก ดิฉัน คุณแม่ และคุณป้าแม่บ้าน เข้าหลบบังเกอร์กันที่อยู่ที่ออฟฟิศอพาร์ทเม้นท์ได้ซักพัก
ไม่นานก็มีผู้ชายวิ่งลงบันได้มาเสียงดังโครมคราม พร้อมด้วยจุดพีคดังตู้มในช่วงก่อนลงจอดถึงพื้น
คาดว่าอาจจะไม่ได้วิ่งลงมาดีๆแต่อาจจะตกลงมาล้มกอง จากนั้นก็ออกสตาร์ทวิ่งออกจากอพาร์ทเม้นท์
ด้วยความเร็วประมาณ 100km/h ตามมาติดๆด้วยนักวิ่งอันดับสองคราวนี้เป็นผู้หญิงค่ะ
ความเร็วสูสีกันอยู่ที่ 90km/h วิ่งตามกันไป วิ่งอย่างเดียวไม่พอค่ะ ร้องตะโกนด้วยชื่อเรียกสัตว์นานาชนิด
เนื่องจากอพาร์ทเม้นท์อาจมีจุดหักเลี้ยวหลายจุดมาสกัดดาวรุ่ง ส่งผลทำให้นักวิ่งฝ่ายหญิงตีคู่มาได้ค่ะ
แต่อาจจะมีการโกงกติกากรีฑาสากลเล็กน้อยตรงที่ ฝ่ายหญิงคว้าเสื้อของฝ่ายชายไว้ค่ะ
เมื่อฝ่ายหญิงทำให้ฝ่ายชายหยุดได้ ก็เริ่มตะโกนออกมาอีกครั้ง
"มิงกราบตีนกุเด๋วนี้" เอาล่ะสิ ! เหตุการณ์ตัดไปการหลบภัยที่หลุมบังเกอร์อีกครั้ง
แน่นอนว่าดิฉันเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ สิ่งที่ดิฉันต้องคอยดูแลไม่ใช่เรื่องของนักวิ่งภายนอกตึกค่ะ
แต่เป็นผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในห้องด้านบนต่างหาก !!!! ได้แต่สวดภาวนาว่าเหตุการณ์นี้จะไม่มีใครเสียชีวิต
คุณป้าแม่บ้านใจกล้า จึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนอพาร์ทเม้นท์ด้วยความระแวดระวัง ปรากฎว่าไม่มีใครเสียชีวิตค่ะ
มีแต่เพียงห้องพักที่มีข้าวของเสียกาย เศษแก้วตามทางเดิน และของต่างๆภายในห้องค่ะ
หลังจากที่ตรวจสอบเรื่องราว ก็ได้ความง่ายๆว่า ก็เป็นเรื่องของพิษรักแรงหึง ของวัยรุ่นหนุ่มสาวสวย 3 คนนั้นแล
หลังจากที่ประชุมกันในครอบครัวของดิฉันก็ได้ตัดสินใจ "เชิญออก" ค่ะ โดยคืนเงินประกันให้ครบถ้วน (แม้เค้าอยู่ไม่ครบสัญญา)
เพราะเราไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก นอกจากจะเป็นภัยอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว
ยังทำให้ธุรกิจของเรา เสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีผู้พักอาศัยบริเวณห้องข้างเคียงโทรมาถามจำนวนมาก
และแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องเป็นกังวลถึงความปลอดภัยเช่นกันนะคะ เรียกได้ว่า น้องได้ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างมาก
หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาแหละ สามีภรรยาทะเลาะกัน มีให้เห็นทุกวี่ทุกวัน
แต่ดิฉันก็อยากจะฝากไว้นะคะเรื่องนี้ว่า การอยู่ร่วมกันในสถานที่ที่ไม่ใช่ของพวกคุณสองคน ควรคำนึงถึงคนอื่นบ้าง
แค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี คุณจะทะเลาะกัน จะเป็นอะไรกับตำนานรักดอกเหมยในชีวิตของพวกคุณเราไม่ได้สนใจค่ะ
แต่ที่ดิฉันเอือมระอามากๆ ก็คือ การที่คุณทำให้ธุรกิจเราเดือดร้อน และเสียหาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหาทางมาแก้หรือป้องกันอย่างไรดี
คำว่าชื่อเสียง มันไม่ได้สร้างกันง่ายๆ คนเราทำธุรกิจมา ก็ต้องอาศัยการมีคุณภาพในการบริการ และลูกค้าที่ดีก็เป็นปัจจัยสำคัญ
แล้วทุกสิ่งที่ดิฉันพยายามทำมา แล้วต้องมาโดนปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาชู้สาวแล้วมาตบตีกันนี่
"เหนื่อยใจมากๆค่ะ"
หวังว่าจะได้คิดกันในวันที่ตัวเองหน้ามืดไม่มีสตินะคะ ใจเย็นๆแล้วลองคิดสักแว่บเดียวว่า
สิ่งที่คุณกำลังทำสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่รึเปล่าค่ะ ฝากไว้นะคะ ขอบคุณมาก
วิงวอน หนุ่มหล่อสาวสวย คาสโนว่า ที่ชอบมีเรื่องหึงหวงตีกันในอพาร์ทเม้นท์ สุดเอือมระอา สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจริงๆ
ดิฉันทำธุรกิจประเภทอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า ในพื้นที่ที่ติดกับแหล่งสถานศึกษา ผู้ที่มาเข้าพักส่วนใหญ่จึงเป็นนักศึกษา
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีบางกลุ่มที่เป็นอาจารย์ หรือ ทำงานบริเวณนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสังคมเล็กของคนหลายประเภทค่ะ
วันนี้เป็นอีกครั้งที่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เรื่องมันก็มีอยู่ว่า...
มีผู้หญิงคนหนึ่ง มาติดต่อที่ ออฟฟิศของทางอพาร์ทเม้นท์ดิฉัน โดยที่น้องเค้าได้บอกว่า
"คุณแม่ที่บ้านไม่สบาย ติดต่อน้องชายไม่ได้ เลยมาตาม"
พอดีดิฉันไม่ได้อยู่ที่ออฟฟิศนะคะ แต่เป็นคุณแม่ ท่านแก่แล้วค่ะ เป็นคนที่คุยกับน้องผู้หญิง
คุณแม่ถามน้องกลับไปว่า "ห้องเบอร์อะไรคะ ?" แต่น้องบอกว่าจำไม่ได้ค่ะ ท่าทางน้องก็ดูลุกลี้ลุกลน
ไม่รอช้า สนทนากันได้ไม่นาน พอดีเหตุเกิดตอนกลางวันนี้แหละ น้องก็เลยวิ่งปราดเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ของเราเลยค่ะ
จากนั้นไม่เกินชั่วอึดใจ ซาวด์เอฟเฟคก็ตามมาด้วยระดับเสียงระบบ Dolby Surround เหมือนสงครามในตุรกี อิรัก เลยค่ะ
ดิฉันและคุณแม่ รวมถึงคุณป้าแม่บ้านที่อพาร์ทเม้นท์ก็ไม่กล้าไปยุ่ง เอาล่ะสิ ก็คนมันกลัวนี่
เสียงทะเลาะกันเริ่มรุ่นแรงมากขึ้น มีผู้หญิงกรีดร้องโวยวาย ตามมาด้วยเสียงสิ่งของกระแทกกันไปมาเหมือนวงออเครสตาบรรเลง
ไม่ว่าจะเป็นเสียงไม้ เสียงเหล็ก เสียงกระเบื้อง เสียงแก้วแตก พร้อมด้วยเสียงร้อง "กูจะฆ่ามิงให้ตาย" สุดแล้วแต่จะจินตนาการกันได้เลยค่ะ
หลังจาก ดิฉัน คุณแม่ และคุณป้าแม่บ้าน เข้าหลบบังเกอร์กันที่อยู่ที่ออฟฟิศอพาร์ทเม้นท์ได้ซักพัก
ไม่นานก็มีผู้ชายวิ่งลงบันได้มาเสียงดังโครมคราม พร้อมด้วยจุดพีคดังตู้มในช่วงก่อนลงจอดถึงพื้น
คาดว่าอาจจะไม่ได้วิ่งลงมาดีๆแต่อาจจะตกลงมาล้มกอง จากนั้นก็ออกสตาร์ทวิ่งออกจากอพาร์ทเม้นท์
ด้วยความเร็วประมาณ 100km/h ตามมาติดๆด้วยนักวิ่งอันดับสองคราวนี้เป็นผู้หญิงค่ะ
ความเร็วสูสีกันอยู่ที่ 90km/h วิ่งตามกันไป วิ่งอย่างเดียวไม่พอค่ะ ร้องตะโกนด้วยชื่อเรียกสัตว์นานาชนิด
เนื่องจากอพาร์ทเม้นท์อาจมีจุดหักเลี้ยวหลายจุดมาสกัดดาวรุ่ง ส่งผลทำให้นักวิ่งฝ่ายหญิงตีคู่มาได้ค่ะ
แต่อาจจะมีการโกงกติกากรีฑาสากลเล็กน้อยตรงที่ ฝ่ายหญิงคว้าเสื้อของฝ่ายชายไว้ค่ะ
เมื่อฝ่ายหญิงทำให้ฝ่ายชายหยุดได้ ก็เริ่มตะโกนออกมาอีกครั้ง
"มิงกราบตีนกุเด๋วนี้" เอาล่ะสิ ! เหตุการณ์ตัดไปการหลบภัยที่หลุมบังเกอร์อีกครั้ง
แน่นอนว่าดิฉันเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ สิ่งที่ดิฉันต้องคอยดูแลไม่ใช่เรื่องของนักวิ่งภายนอกตึกค่ะ
แต่เป็นผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในห้องด้านบนต่างหาก !!!! ได้แต่สวดภาวนาว่าเหตุการณ์นี้จะไม่มีใครเสียชีวิต
คุณป้าแม่บ้านใจกล้า จึงค่อยๆเดินขึ้นไปบนอพาร์ทเม้นท์ด้วยความระแวดระวัง ปรากฎว่าไม่มีใครเสียชีวิตค่ะ
มีแต่เพียงห้องพักที่มีข้าวของเสียกาย เศษแก้วตามทางเดิน และของต่างๆภายในห้องค่ะ
หลังจากที่ตรวจสอบเรื่องราว ก็ได้ความง่ายๆว่า ก็เป็นเรื่องของพิษรักแรงหึง ของวัยรุ่นหนุ่มสาวสวย 3 คนนั้นแล
หลังจากที่ประชุมกันในครอบครัวของดิฉันก็ได้ตัดสินใจ "เชิญออก" ค่ะ โดยคืนเงินประกันให้ครบถ้วน (แม้เค้าอยู่ไม่ครบสัญญา)
เพราะเราไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก นอกจากจะเป็นภัยอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินแล้ว
ยังทำให้ธุรกิจของเรา เสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากมีผู้พักอาศัยบริเวณห้องข้างเคียงโทรมาถามจำนวนมาก
และแน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องเป็นกังวลถึงความปลอดภัยเช่นกันนะคะ เรียกได้ว่า น้องได้ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นอย่างมาก
หลายท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดว่า เป็นเรื่องธรรมดาแหละ สามีภรรยาทะเลาะกัน มีให้เห็นทุกวี่ทุกวัน
แต่ดิฉันก็อยากจะฝากไว้นะคะเรื่องนี้ว่า การอยู่ร่วมกันในสถานที่ที่ไม่ใช่ของพวกคุณสองคน ควรคำนึงถึงคนอื่นบ้าง
แค่เพียงนิดเดียวก็ยังดี คุณจะทะเลาะกัน จะเป็นอะไรกับตำนานรักดอกเหมยในชีวิตของพวกคุณเราไม่ได้สนใจค่ะ
แต่ที่ดิฉันเอือมระอามากๆ ก็คือ การที่คุณทำให้ธุรกิจเราเดือดร้อน และเสียหาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหาทางมาแก้หรือป้องกันอย่างไรดี
คำว่าชื่อเสียง มันไม่ได้สร้างกันง่ายๆ คนเราทำธุรกิจมา ก็ต้องอาศัยการมีคุณภาพในการบริการ และลูกค้าที่ดีก็เป็นปัจจัยสำคัญ
แล้วทุกสิ่งที่ดิฉันพยายามทำมา แล้วต้องมาโดนปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาชู้สาวแล้วมาตบตีกันนี่
"เหนื่อยใจมากๆค่ะ"
หวังว่าจะได้คิดกันในวันที่ตัวเองหน้ามืดไม่มีสตินะคะ ใจเย็นๆแล้วลองคิดสักแว่บเดียวว่า
สิ่งที่คุณกำลังทำสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่รึเปล่าค่ะ ฝากไว้นะคะ ขอบคุณมาก