อย่าอ้างเรื่องอากาศร้อนทำให้ทีมในยุโรปโชว์ฟอร์มไม่ออกในบอลโลกฉบับบราซิลเลย มาทำความเข้าใจเรื่องอากาศของบราซิลกันดีกว่า !

สงสัยว่าทำไมหลายคนถึงอ้างเรื่องอากาศร้อนทำให้ทีมในยุโรปโชว์ฟอร์มไม่ออกในบอลโลกซึ่งจริงๆแล้วยุโรปช่วงนี้ร้อนกว่าบราซิลอีกน่ะครับ

ลองสังเกตุฟุตบอลยูโร กับฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปีซิ่ ถ้าสนใจเรื่องสภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศหน่อย คุณจะเข้าใจใหม่ได้ว่า ยุโรปไม่ได้หนาวเย็นตลอดปี ตลอดชาติ แต่อากาศเค้ามีความหลากหลายแตกต่างกันอย่างมากกกกกกกกกกกก ช่วงเดือนธันวาถึงกุมภา เป็นฤดูหนาว หิมะตก อากาศติดลบ ช่วงเดือนมีนาถึงพฤษภาเป็นฤดูใบไม้ผลิ อากาศเย็นสบายราว 10 องศาต้นๆ พอมาช่วงเดือนที่จัดบอลโลก และบอลยูโร ก็คือช่วงเดือน มิถุนายนถึงสิงหาคม จะเข้าสู่ฤดูร้อน อุณหภูมิของยุโรปจะร้อนขึ้นถึง 30 กว่าองศา (มอสโกว์ รัสเซียที่ว่าหนาวๆกันยังเคยสูงถึง 40 องศามาแล้ว) พระอาทิตย์ และช่วงเดือนกันยาถึงเดือนพฤศจิกายนก็เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิจะลดต่ำกลับมาที่ 10 องศาต้นๆอีก

เพราะฉะนั้นการที่แฟนบอลของทีมจากยุโรป จะมาอ้างว่าเพราะอากาศร้อน ทำให้เล่นฟุตบอลไม่ออก โชว์ฟอร์มไม่ดี ขอบอกเลยครับว่ามันเป็นแค่ "ข้ออ้าง" ของฟอร์มห่วยๆของตัวเองมากกว่า (ยิ่งเป็นสเปน อิตาลี และโปรตุเกสที่เป็นยุโรปใต้ ยิ่งอ้างเข้าไปใหญ่เพราะประเทศเหล่านี้ หน้าร้อนนี่ร้อนกว่าไทยและบราซิลตอนนี้อีก) เพราะ ทีมชาติในยุโรปหลายๆทีมก็เคยเตะในช่วงที่มีอุณหภูมิสูงถึง 30 - 35 องศามาแล้ว ทั้งในบอลยูโรที่เตะกันหน้าร้อนมาตลอด (อุณหภูมิในหลายๆแมตช์ในฟุตบอลยูโร สูงถึง 35 องศาเป็นประจำ) และบอลโลกที่จัดในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ก็จัดในช่วงหน้าร้อนซึ่งอุณหภูมิสูงถึง 30-35 องศามาแล้ว ตอนบอลโลกจัดที่เยอรมัน ฝรั่งเศส ไม่สังเกตุอุณหภูมิก่อนแข่งกันเหรอครับว่ากี่องศา บอกเลยว่าหลายๆนัดเตะกันในอุณหภูมิสูงถึง 35 องศากันมาแล้ว แต่ทีมจากยุโรปก็ยังโชว์ฟอร์มได้ดี และคว้าแชมป์โลกมาแล้วไม่ใช่น้อย (โดยเฉพาะเวลาเตะในทวีปตัวเองก็ได้แชมป์เป็นประจำทั้งๆที่ช่วงเตะก็ร้อนไม่ต่างจากอเมริกาใต้ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา)

ดังนั้นเรื่องอากาศร้อนจึงเป็นแค่ข้ออ้างครับ แล้วอุณหภูมิที่บราซิลช่วงนี้เย็นสบายกว่ายุโรปอีกด้วยซ้ำ เพราะเริ่มจะเข้าฤดูหนาวกันแล้ว (อเมริกาใต้ฤดูกาลจะสลับกับยุโรป) ตอนบนของประเทศอาจจะร้อนหน่อย เพราะอากาศจะคล้ายกับไทยเราที่เป็นเขตป่าฝนร้อนชื้น แต่ทางตอนใต้ของประเทศอากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย เพราะเป็นเขตอบอุ่นเหมือนฮ่องกง อุณหภูมิบางนัด อาจจะอยู่ที่ 10 องศาต้นๆด้วยซ้ำ อย่างตอนนี้ เซาเปาโล อุณหภูมิ 15 องศา เย็นสบายมาก เม่าหนาว (แต่ไม่หนาวเท่าแอฟริกาใต้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว) เพราะฉะนั้นการเตะที่บราซิลช่วงเดือนนี้น่าจะเอื้อให้ทีมจากยุโรปมากกว่าทีมจากเขตร้อนเสียด้วยซ้ำ  

ขอแถมเรื่องสภาพภูมิอากาศบราซิลหน่อย บราซิลมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเกือบทั้งประเทศ ยกเว้นทางตอนใต้อากาศเย็น มีฤดูหนาวระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฏาคม ซึ่งตรงกับช่วงบอลโลกพอดี อากาศตอนบนประเทศจะเย็นเหมือนไทยช่วงธันวาถึงกุมภาที่ผ่านมา ส่วนตอนล่างจะหนาวเย็นกว่า และหนาวยาวนานกว่า (10 องศาต้นๆ บางทีก็เลขตัวเดียว) พื้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำอเมซอน และชายฝั่งมหาสมุทรมีความชื้นสูง มีฤดูฝนระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม

เขียนมานานแล้ว ก็อยากให้เข้าใจเสียใหม่เรื่องอากาศ เพราะต่อให้เตะที่ยุโรป ถ้าเตะเดือนมิถุนาถึงกรกฎาซึ่งบอลโลก บอลยูโรก็เตะกันช่วงเดือนนี้ตลอด อุณหภูมิร้อนกว่าเตะที่บราซิลตอนนี้เสียด้วยซ้ำ  

ขอยกตัวอย่างอุณหภูมิของยุโรปบางเมืองมาเทียบกับบราซิลบางเมืองวันนี้

Europe (เอาเฉพาะเมืองของทีมที่ฟอร์มบู้)

Rome Italy 20-30 C

Lisbon Portugal 17-25 C (วันนี้มีฝนตกเลยไม่ร้อนมาก)

Madrid Spain 16-27 C

London 16-28 C

Brazil (เอาเมืองที่จัดการแข่งขันบอลโลก)

São Paulo 13-24 C

Porto Alegre 15-19 C

Rio de Janeiro 19-29 C

Curitiba 11-21 C

ที่ยกตัวอย่างมาจะเห็นได้ว่าอากาศบราซิลกับยุโรปตอนนี้แทบไม่ต่างกันเลย หลายๆเมืองในบราซิลยังมีอากาศเย็นกว่าหลายๆเมืองในยุโรปเสียด้วยซ้ำ ก็หวังว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ใหม่น่ะครับ ใครที่ทราบอยู่แล้วก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ นานาขอบคุณ


P.S. 1. เรื่องพักเบรคอากาศร้อน ผมคิดว่าหลังจากนี้จะมีตลอด ต่อให้เตะที่รัสเซียอีก 4 ปีข้างหน้าก็เถอะ เพราะช่วงนั้นรัสเซียก็เข้าสู่หน้าร้อน ร้อนไม่ต่างจากบราซิลตอนนี้แน่ ดีไม่ดี ร้อนกว่าด้วย พระอาทิตย์

2. ที่สงสัยว่าเมื่อคืนมีพักเบรคร้อน เพราะเตะกันที่เมือง Manaus เป็นเมืองกลางป่าอเมซอน เป็นเมืองที่อยู่ตอนบนสุดของเมืองที่จัดบอลโลกในครั้งนี้ ซึ่งมีสภาพอากาศที่ร้อนชื้นคล้ายกับประเทศไทยเรา และเป็นเมืองที่ร้อนที่สุดในบอลโลกครั้งนี้ ผิดกับเมืองทางตอนล่างของประเทศที่มีอากาศอบอุ่น ดูในแผนที่ข้างล่างได้ครับ




3. ถ้าจะอ้าง อ้างความชื้นดีกว่า อย่าอ้างความร้อน อายเค้า อมยิ้ม11 (ร้อนชื้นแบบไทยและบราซิลมันก็ไม่ดีอ่ะซิ่ ถ้าเทียบกับร้อนแห้งแบบยุโรป อาหรับ ชิมิ่) แถมชาติจากทวีปอื่นมันก็ร้อนเหมือนกัน ยุโรปจะเอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
คุณเข้าใจผิดแล้วครับ  

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ อุณหภูมิเท่าไร แค่นั้น ตราบเท่าที่คนเล่นบอลยังเป็นมนุษย์สิ่งสำคัญคือการปรับตัว

ผมมีเวลาพิมพ์ไม่มาก (ก่อนไปธุระ) เลยขอเขียนแค่  2 เรื่องหลัก

1. อุณหภูมิ เป็นตัวบอกสภาพอากาศที่สำคัญจริงครับ แต่ไม่ได้บอกลักษณะภูมิอากาศทั้งหมด เช่น ความชื้น (มีผลกับการขับเหงื่อ) ความแรงลม ระดับความสูงจากน้ำทะเล ฯลฯ ที่จะส่งผลให้ พื้นที่ ๆ อุณหภูมิเท่ากัน แต่มีสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน รวมถึงส่งผลให้มนุษย์มีความความเคยชินกับสภาพอากาศที่แตกต่างกัน

2. จากสภาพที่แตกต่างกันของภูมิอากาศ สิ่งสำคัญ คือ การปรับตัว ยกตัวอย่าง ยุโรป บางประเทศ วันที่ออกเดินทางไปบราซิล อุณหภิในประเทศ ต่ำกว่า 20 เดินทางข้ามประเทศไปโผล่ บราซิลที่ อุณหภูมิ 30 แม้สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้สบายอาจไม่มีปัญหา แต่การเล่นบอลที่ต้องรีดพละกำลังถึงขีดสุดมาใช้ ไม่มีทางทำได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงลักษณะภูมิอากาศที่ไม่คุ้นเคย ความชื้น (ร้อนชื้นกับร้อนแห้งต่างกันมาก) ความกดอากาศ ผมว่าแทบเป้นไปไม่ได้เลย ที่จะสามารถเล่นบอลด้วยฟอร์มปกติ

3. เรื่องนี้ผมว่าไม่น่าเอามาถกกันแล้วนะครับ เอาง่าย ๆ แค่ซิโก้ ลีซอ ไปเจออากาศหนาวที่อังกฤษ ร้องกลับบ้านแทบไม่ทัน ทั้งทีบางปี ไทยก็เคยหนาวเท่าที่ฮัดเดิ้ลฟิลด์ หรือ อย่างฝรั่ง ข้าวสาร ไม่ต้องไปวิ่งเล่นบอลหรอก เดินเฉยๆ เห็นถอดเสื้อบ่น hot hot hot  เพราะร้อนชื้นแบบไทยกับร้อนแห้งของเขามันไม่เหมือนกัน บอลโลกที่เยอรมันก็ร้อนครับ 30 กว่า ผมเดินเหงื่อไม่ออกซักหยด ลอง 30 ในไทย บิดน้ำได้เป็นบี๊บครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่