เปิดผลสอบ สตง. โครงการเพาะชำกล้าไม้ 481 ล. ตามแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน ยุค "ยิ่งลักษณ์" / สำนักข่าวอิศรา

กระทู้ข่าว


เปิดละเอียดผลสอบ สตง.โครงการเพาะชำกล้าไม้ 481 ล. กระทรวงทรัพย์ฯ ตามแผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน  
ยุค "ยิ่งลักษณ์" ฉบับเต็ม!  พบ 3 กรมใหญ่ปล่อยทิ้งค้างในแปลงเพียบ ไร้การบำรุงรักษา ตายเกลื้อนกว่า 40 %


หมายเหตุ "สำนักข่าวอิศรา www.isranews": เป็นรายละเอียดในหนังสือที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้สั่งการปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) หาแนวทางแก้ไขปัญหากล้าไม้ในกิจกรรมการเพาะชำกล้าไม้ ที่ได้รับงบประมาณจำนวน 481 ล้านบาท ตามแผนฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2555 ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีสุ่มตรวจพบว่าถูกปล่อยทิ้งในแปลงเพาะชำไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดี และล้มตายลงเป็นจำนวนมาก

----------------

เรื่อง การตรวจสอบการดำเนินงานกิจกรรมการเพาะชำกล้าไม้ตามแผนฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2555

ด้วยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบการดำเนินงานกิจกรรมการเพาะชำกล้าไม้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 481.55 ล้านบาท จากเงินกู้สำหรับโครงการตามแผนฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ภายใต้ยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เงินกู้ 350,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2555 เพื่อเพาะชำกล้าไม้จำนวน 172.60 ล้านกล้า

โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการ ได้แก่ กรมป่าไม้ จำนวน 82.60 ล้านกล้า งบประมาณ 230.45 ล้านบาท กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จำนวน 80 ล้านกล้า งบประมาณ223.20 ล้านบาท และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 10 ล้านกล้า งบประมาณ 27.90 ล้านบาท

จากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการกล้าไม้ ซึ่งตามวัตถุประสงค์ของการเพาะชำกล้าไม้ดังกล่าว เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมปลูกป่าตามโครงการปลูกป่า และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินีฯ ในปีงบประมาณ 2556

ต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้นำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ ทำให้กิจกรรมการปลูกป่าตามโครงการดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการ และไม่มีการจัดสรรงบประมาณในการดูแลบำรุงรักษากล้าไม้ ทำให้กล้าไม้ค้างในแปลงเพาะชำ และไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ

ส่งผลให้กล้าไม้ได้รับความเสียหายและตายเป็นจำนวนมาก และบางส่วนไม่สามารถนำไปปลูกป่าได้ เนื่องจากมีการเจริญเติบโตเกินขนาด

ซึ่งจากการสุ่มตรวจสอบและสังเกตุการณ์แปลงเพาะชำกล้าไม้ของทั้ง 3 กรม จำนวน 18 แห่ง พบว่า กล้าไม้ที่กรมป่าไม้และกรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืชรับผิดชอบ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการดูแลตัดแต่งราก ทำให้รากทะลุลงดิน ไม่มีการคัดแยกกล้าไม้ และการจัดชั้นความสูง ตลอดจนกล้าไม้บางชนิดเกิดโรคระบาด ไม่สมบูรณ์ หรือมีความสูงเกินกว่า 2 เมตร โดยเฉพาะไม้โตเร็ว

และจากการสุ่มตรวจสอบกล้าไม้ พบว่า กล้าไม้มีอัตราการตายมากกว่าร้อยละ 40

ส่วนกล้าไม้ชายเลนของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งได้มีการแจกจ่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง สภาพส่วนใหญ่รากทะลุลงดิน บางแปลงมีโคลนทับถมถุงเพาะชำ และจากการสุ่มตรวจสอบกล้าไม้ พบว่า กล้าไม้มีอัตราการตายมากกว่าร้อยละ 30

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่กล้าไม้ที่เพาะในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งปัจจุบันล่วงเลยมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี ยังไม่มีความชัดเจนในการจัดการกล้าไม้ ทั้งในด้านการบำรุงรักษา การนำไปปลูกตามกิจกรรมการปลูกป่า หรือการแจกจ่ายกล้าไม้ให้แก่ประชาชนทั่วไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกล้าไม้ และมีอัตราการตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณ ซึ่งมีต้นทุนกล้าละ 2.78 บาท และหากปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยผ่านไป ยิ่งทำให้ความเสียหายเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการระงับยับยั้งความเสียหายดังกล่าว สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จึงขอให้ท่านพิจารณาสั่งการให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งพิจารณากำหนดแนวทางการจัดการกล้าไม้ที่เหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามกฎหมาย หรือระเบียบทีเกี่ยวข้อง

โดยควรพิจารณาให้ความสำคัญกับแนวทางการแจกจ่ายกล้าไม้ให้แก่หน่วยงานเอกชน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา ต่าง ๆ และประชาชนทั่วไปที่มีศักยภาพ และความพร้อมในการปลูก และบำรุงรักษาป่าเป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถปลูกป่าได้ทันในช่วงฤดูฝน และเป็นการลดภาระงบประมาณ โดยกำหนดให้มีระบบการควบคุมการแจกจ่ายกล้าไม้ที่ประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงกำหนดให้มีระบบการติดตามตรวจสอบการนำกล้าไปปลูก

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ ผลความคืบหน้าเป็นประการใด โปรดให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องแจ้งให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบด้วย จักของคุณยิ่ง

ลงชื่อ น.ส.ประพีร์ อังกินันทน์

รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน

http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/30585-ppppeee.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่