โดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับศาสนาหน่ะครับ
เวลาไปสมัครงานก็จะชอบกรอกช่องไม่มีศาสนา
ซึ่งมันมักจะไม่มีช่องนั้นให้กรอก ฮ่ะๆ
ที่นี้ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ที่หนึ่งเป็นบริษัทที่ Conservative มากๆ
ไอเราก็ไม่กรอกช่องศาสนาลงไปเพราะมันบังคับให้กรอกแค่ไม่กี่ศาสนาในไทย
ตอนสัมภาษณ์เค้าจะกรอกให้เราพอบอกว่าไม่มีศาสนาเท่านั้นแหล่ะครับ
สัมภาษณ์กันยาวเลย
อยากรู้ HR เค้าจะคิดอย่างไรกับคนแบบผมหน่ะครับ
ที่แน่ๆคือ ไม่น่าจะเข้ากันได้กับบริษัทนี้ ฮ่ะๆ แอบเสียใจ
ตอนตอบ HR นี่ตอบประมาณว่า
เรายึดติดเพราะเน้นหลักคำสอนมากกว่า
ศาสนาไหนมีคำสอนที่ดีก็ปฏิบัติตามนั้น ให้มันผ่านกระบวนการคิดก่อนจะเชื่ออะไร
โดยอันที่จริงเมื่อก่อนนับถือพุทธ แต่ดันอยู่โรงเรียนคริสต์ทั้งชีวิต
ทำให้ซึมซับศาสนาทั้งสองผสมไปผสมมา และทำให้เห็นว่าทั้งสองมีจุดร่วมคล้ายๆกัน
คือมีทั้งคำสอน และเรื่องเล่าที่แต่งขึ้น(เราคิดอย่างนั้นเพราะบางอย่างมันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง เช่นแหวกทะเล เดินบนดอกบัว)
อีกอย่างที่ตอบไปคือ ตัวผมมีโอกาสได้อ่านลักธิ แนวความคิดของพวกยุคกรีก พบว่ามันมีการพัฒนาต่อมาเป็นยุคๆ
เรื่องราวของศาสนาพุทธและคริสต์บางส่วนก็น่าจะได้อิทธิพลมาจากแนวคิดเหล่านั้นและก็มีการเติมแต่งกันไป
ตอนสุดท้ายก็เรื่องสวดมนต์ภาษาบาลีที่สวดไปก็ไม่รู้ความหมาย พอไปหาความหมายเท่านั้นแหล่ะ
พบว่าไร้สาระมากๆ มีแต่คำอวยพระเจ้า เอาเวลาไปปฏิบัติธรรมน่าจะดีกว่ากันครับ
อยากรู้ครับ HR จะคิดอย่างไรหากเรากรอกช่องศาสนาว่าไม่มีศาสนา
เวลาไปสมัครงานก็จะชอบกรอกช่องไม่มีศาสนา
ซึ่งมันมักจะไม่มีช่องนั้นให้กรอก ฮ่ะๆ
ที่นี้ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ที่หนึ่งเป็นบริษัทที่ Conservative มากๆ
ไอเราก็ไม่กรอกช่องศาสนาลงไปเพราะมันบังคับให้กรอกแค่ไม่กี่ศาสนาในไทย
ตอนสัมภาษณ์เค้าจะกรอกให้เราพอบอกว่าไม่มีศาสนาเท่านั้นแหล่ะครับ
สัมภาษณ์กันยาวเลย
อยากรู้ HR เค้าจะคิดอย่างไรกับคนแบบผมหน่ะครับ
ที่แน่ๆคือ ไม่น่าจะเข้ากันได้กับบริษัทนี้ ฮ่ะๆ แอบเสียใจ
ตอนตอบ HR นี่ตอบประมาณว่า
เรายึดติดเพราะเน้นหลักคำสอนมากกว่า
ศาสนาไหนมีคำสอนที่ดีก็ปฏิบัติตามนั้น ให้มันผ่านกระบวนการคิดก่อนจะเชื่ออะไร
โดยอันที่จริงเมื่อก่อนนับถือพุทธ แต่ดันอยู่โรงเรียนคริสต์ทั้งชีวิต
ทำให้ซึมซับศาสนาทั้งสองผสมไปผสมมา และทำให้เห็นว่าทั้งสองมีจุดร่วมคล้ายๆกัน
คือมีทั้งคำสอน และเรื่องเล่าที่แต่งขึ้น(เราคิดอย่างนั้นเพราะบางอย่างมันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง เช่นแหวกทะเล เดินบนดอกบัว)
อีกอย่างที่ตอบไปคือ ตัวผมมีโอกาสได้อ่านลักธิ แนวความคิดของพวกยุคกรีก พบว่ามันมีการพัฒนาต่อมาเป็นยุคๆ
เรื่องราวของศาสนาพุทธและคริสต์บางส่วนก็น่าจะได้อิทธิพลมาจากแนวคิดเหล่านั้นและก็มีการเติมแต่งกันไป
ตอนสุดท้ายก็เรื่องสวดมนต์ภาษาบาลีที่สวดไปก็ไม่รู้ความหมาย พอไปหาความหมายเท่านั้นแหล่ะ
พบว่าไร้สาระมากๆ มีแต่คำอวยพระเจ้า เอาเวลาไปปฏิบัติธรรมน่าจะดีกว่ากันครับ