สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เราไป Survey วัดที่กันดาร ขาดแคลน และห่างไกลมา เนื่องจากที่ทำงานเราจะจัดทริปทำบุญในช่วงเข้าพรรษา เลยอยากจะมาแบ่งปันวัดนี้ค่ะ เพราะวัดนี้ยังต้องการผู้ใจบุญช่วยเหลืออีกมากมาย วัดที่ว่านี้คือ
วัดหนองหมู ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
เริ่มจากการเดินทางนะคะ การเดินทางค่อนข้างสะดวกค่ะ วิวทิวทัศน์ก็สวยงาม มีต้นไม้ ภูเขาทั้ง 2 ข้างทาง
เดินทางจากกรุงเทพฯ - วัด ประมาณ 180 km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ค่ะ
ทางแยกเข้าวัด เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 3 km.
ป้ายวัด ถ้าไม่สังเกตดีๆ แทบจะมองไม่เห็นเลยค่ะ เก่ามาก
ทางเข้าวัดจะเป็นแบบนี้เลยค่ะ ซึ่งยังไม่มีกำแพงวัด โปร่งๆ เข้าไปแบบนี้เลย ทางวัดคิดว่าจะสร้างกำแพงวัดเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่มีทุนทรัพย์ เลยเก็บไว้ทำในส่วนที่จำเป็นก่อน
เมื่อเข้าไปในวัดก็ได้เจอท่านเจ้าอาวาส และลุงมัคทายกที่คอยดูแลวัดนี้
วัดนี้มีพระสงฆ์เพียงแค่ 2 รูป มีเจ้าอาวาสแล้วก็พระลูกวัด วัดนี้ก่อตั้งมาประมาณ 30 ปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนจะเป็นแค่ที่พักสงฆ์ แล้วก็มาเป็นวัดในปัจจุบัน เจ้าอาวาสท่านค่อนข้างอายุเยอะแล้วเหมือนกัน ลุงมัคทายกบอกว่าหลวงพ่อท่านเป็นคนใจดี แต่ท่านจะพูดห้วนๆ อาจฟังดูไม่เพราะ แกบอกเราก่อนเลย กลัวเราไม่ชินมั้ง 55
หลวงพ่อท่านบอกว่า พระจรเมื่อก่อนก็มีมาบ้างรูปสองรูป บางทีหลวงพ่อท่านก็ไม่ค่อยอยากรับพระจร
เพราะว่าพระดีๆ หายาก ส่วนมากจะเป็นพระใบ้หวย ดูดวง หรือมีคุณไสย ท่านกลัวจะเข้ามาทำให้วัดเสื่อมเสียแล้วก็ไป ท่านเลยไม่ค่อยอยากรับ ส่วนมากพระที่มาบวชก็เป็นลูกหลานชาวบ้านละแวกนั้น แต่จะอยู่ไม่ค่อยนาน พระวัยรุ่นไม่ค่อยอยากอยู่ถึงพรรษาซักเท่าไหร่
เมื่อคุยกับท่านได้ซักพัก เราก็เดินสำรวจที่ต่างๆ พร้อมกับลุงมัคทายกที่คอยแนะนำ
อันนี้เป็นศาลาหลังเก่าที่ใช้สำหรับสวดศพ ชำรุดทรุดโทรมมากค่ะ ลุงมัคทายกบอกว่าศาลานี้มีอายุประมาณ 30 ปี หลวงพ่อท่านไม่อยากให้ทุบ เสียดาย ท่านอยากให้ซ่อมแซมค่ะ
ด้านหลังเป็นห้องน้ำ ที่เก่าและชำรุดทรุดโทรมเช่นกันค่ะ
นี่เป็นด้านในศาลานะคะ ลุงมัคทายกบอกว่านานๆ ทีจะมีคนตาย ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้ นกมันก็เข้ามาขี้ นานๆ ที ชาวบ้านก็จะรวมตัวกันมาทำความสะอาดค่ะ
นี่เป็นฝีมือลูกชายลุงค่ะ อย่างที่บอก ส่วนมากจะใช้แรงชาวบ้าน นอกจากจำเป็นจริงๆ ถึงจะจ้างช่างค่ะ
นี่เป็นเมรุเผาศพที่อยู่ด้านหลังศาลาค่ะ โครงการที่ทางวัดคิดไว้ คืออยากเทปูนรอบๆ เมรุ เพื่อใช้เดินวนรอบเมรุก่อนเผาศพเหมือนวัดทั่วๆ ไปค่ะ
นี่เป็นกุฏิของหลวงพ่อเจ้าอาวาส ซึ่งท่านสร้างเอง เป็นสังกะสีบ้าง กระเบื้องบ้าง มาจากของบริจาคทั้งสิ้นค่ะ
(เป็นด้านหลังนะคะ โทษทีไม่ได้เก็บภาพด้านหน้ามา)
ส่วนนี่เป็นกุฏิของพระลูกวัดอีก 1 รูปที่อยู่วัดนี้ค่ะ
ถัดไปก็จะมีกุฏิเก่าสำหรับพระลูกวัด จะเป็นแบบเล็กๆ 1 หลังต่อพระ 1 รูปค่ะ
โครงการที่ทางวัดคิดไว้ คืออยากปลูกกุฏิหลังใหม่อีกซัก 10 หลัง แต่ก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ เนื่องจากค่าใช้จ่ายแต่ละหลังก็สูงอยู่เหมือนกัน
ด้านหลังกุฏิก็จะมีห้องน้ำด้วยค่ะ ซึ่งก็เก่าและทรุดโทรมมาก พอๆ กับกุฏิเลย
ส่วนนี่เค้าเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ เราเรียกไม่ถูก ก็ทรุดโทรมเหมือนกันค่ะ
อันนี้เป็นศาลาที่เพิ่งสร้างใหม่ ก็ได้งบมาจากทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินประจำปี ลุงมัคทายกบอกว่าจะจ้างช่างที่ชำนาญแค่ 1-2 คน
นอกนั้นก็เป็นชาวบ้านช่วยกันสร้าง แต่ก็ยังไม่เสร็จดี ยังไม่ได้ทาสีหรือตกแต่งให้สวยงาม แกบอกค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เมื่อมีเงินก็ต่อเติมไปเรื่อยๆ พัดลมก็ได้มาจากผู้ใจบุญที่เค้ามาบริจาค หลอดไฟท่านบอกว่าจะใช้เป็นหลอดเกลียว จะได้ไม่เปลืองไฟ
(หลอดไฟยังขาดแคลนอีกเยอะค่ะ) เพราะไฟเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน
หมาที่วัดก็เป็นหมาที่เค้าเอามาปล่อย หลวงพ่อท่านก็เลี้ยงไว้ค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ วัดนี้มีศาลาใหม่หลังเดียวเองที่เพิ่งสร้างใหม่ นอกนั้นชำรุดทรุดโทรมหมดเลย
หลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้จัก เพราะเป็นวัดที่อยู่ห่างไกล ไม่ดัง ไม่สวย ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เลยอาจจะถูกมองข้ามไป เพราะปัจจุบันคนก็มักจะไปทำบุญกันที่วัดสวยๆ มีงานประจำปีต่างๆ
ที่เรามาแบ่งปันในวันนี้ เราอยากให้ลองมองวัดที่ขาดแคลนค่ะ น่าสงสารนะคะ ซึ่งแตกต่างกับวัดในเมืองมากๆ ประเทศไทยมีคนใจบุญมากมาย เราเลยอยากให้มาช่วยๆ กันค่ะ
หากสนใจทำบุญ เยี่ยมชมวัด หรือสอบถามเส้นทาง สามารถติดต่อได้ที่คุณลุงทวน ได้เลยค่ะ เบอร์ 087-939-1098
ลุงแกใจดีมากๆ แกเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย พอเราจะกลับแกทิ้งท้ายว่าแล้วแต่ศรัทธานะหนู ทำมากทำน้อยไม่เป็นไร เผื่อในอนาคตทางบริษัทมีโครงการที่จะช่วยก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกได้
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาตั้งแต่บรรทัดแรกนะคะ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่นี่เลย เราแค่อยากแบ่งปันค่ะ ^^
[CR] วัดกันดารที่ยังขาดแคลนและอยู่ห่างไกล อยากจะแบ่งปันเพื่อนๆ ที่ชอบหรือต้องการทำบุญวัดแบบนี้ค่ะ
วัดหนองหมู ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
เริ่มจากการเดินทางนะคะ การเดินทางค่อนข้างสะดวกค่ะ วิวทิวทัศน์ก็สวยงาม มีต้นไม้ ภูเขาทั้ง 2 ข้างทาง
เดินทางจากกรุงเทพฯ - วัด ประมาณ 180 km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ค่ะ
ทางแยกเข้าวัด เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 3 km.
ป้ายวัด ถ้าไม่สังเกตดีๆ แทบจะมองไม่เห็นเลยค่ะ เก่ามาก
ทางเข้าวัดจะเป็นแบบนี้เลยค่ะ ซึ่งยังไม่มีกำแพงวัด โปร่งๆ เข้าไปแบบนี้เลย ทางวัดคิดว่าจะสร้างกำแพงวัดเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่มีทุนทรัพย์ เลยเก็บไว้ทำในส่วนที่จำเป็นก่อน
เมื่อเข้าไปในวัดก็ได้เจอท่านเจ้าอาวาส และลุงมัคทายกที่คอยดูแลวัดนี้
วัดนี้มีพระสงฆ์เพียงแค่ 2 รูป มีเจ้าอาวาสแล้วก็พระลูกวัด วัดนี้ก่อตั้งมาประมาณ 30 ปีแล้วค่ะ เมื่อก่อนจะเป็นแค่ที่พักสงฆ์ แล้วก็มาเป็นวัดในปัจจุบัน เจ้าอาวาสท่านค่อนข้างอายุเยอะแล้วเหมือนกัน ลุงมัคทายกบอกว่าหลวงพ่อท่านเป็นคนใจดี แต่ท่านจะพูดห้วนๆ อาจฟังดูไม่เพราะ แกบอกเราก่อนเลย กลัวเราไม่ชินมั้ง 55
หลวงพ่อท่านบอกว่า พระจรเมื่อก่อนก็มีมาบ้างรูปสองรูป บางทีหลวงพ่อท่านก็ไม่ค่อยอยากรับพระจร
เพราะว่าพระดีๆ หายาก ส่วนมากจะเป็นพระใบ้หวย ดูดวง หรือมีคุณไสย ท่านกลัวจะเข้ามาทำให้วัดเสื่อมเสียแล้วก็ไป ท่านเลยไม่ค่อยอยากรับ ส่วนมากพระที่มาบวชก็เป็นลูกหลานชาวบ้านละแวกนั้น แต่จะอยู่ไม่ค่อยนาน พระวัยรุ่นไม่ค่อยอยากอยู่ถึงพรรษาซักเท่าไหร่
เมื่อคุยกับท่านได้ซักพัก เราก็เดินสำรวจที่ต่างๆ พร้อมกับลุงมัคทายกที่คอยแนะนำ
อันนี้เป็นศาลาหลังเก่าที่ใช้สำหรับสวดศพ ชำรุดทรุดโทรมมากค่ะ ลุงมัคทายกบอกว่าศาลานี้มีอายุประมาณ 30 ปี หลวงพ่อท่านไม่อยากให้ทุบ เสียดาย ท่านอยากให้ซ่อมแซมค่ะ
ด้านหลังเป็นห้องน้ำ ที่เก่าและชำรุดทรุดโทรมเช่นกันค่ะ
นี่เป็นด้านในศาลานะคะ ลุงมัคทายกบอกว่านานๆ ทีจะมีคนตาย ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้ นกมันก็เข้ามาขี้ นานๆ ที ชาวบ้านก็จะรวมตัวกันมาทำความสะอาดค่ะ
นี่เป็นฝีมือลูกชายลุงค่ะ อย่างที่บอก ส่วนมากจะใช้แรงชาวบ้าน นอกจากจำเป็นจริงๆ ถึงจะจ้างช่างค่ะ
นี่เป็นเมรุเผาศพที่อยู่ด้านหลังศาลาค่ะ โครงการที่ทางวัดคิดไว้ คืออยากเทปูนรอบๆ เมรุ เพื่อใช้เดินวนรอบเมรุก่อนเผาศพเหมือนวัดทั่วๆ ไปค่ะ
นี่เป็นกุฏิของหลวงพ่อเจ้าอาวาส ซึ่งท่านสร้างเอง เป็นสังกะสีบ้าง กระเบื้องบ้าง มาจากของบริจาคทั้งสิ้นค่ะ
(เป็นด้านหลังนะคะ โทษทีไม่ได้เก็บภาพด้านหน้ามา)
ส่วนนี่เป็นกุฏิของพระลูกวัดอีก 1 รูปที่อยู่วัดนี้ค่ะ
ถัดไปก็จะมีกุฏิเก่าสำหรับพระลูกวัด จะเป็นแบบเล็กๆ 1 หลังต่อพระ 1 รูปค่ะ
โครงการที่ทางวัดคิดไว้ คืออยากปลูกกุฏิหลังใหม่อีกซัก 10 หลัง แต่ก็ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปค่ะ เนื่องจากค่าใช้จ่ายแต่ละหลังก็สูงอยู่เหมือนกัน
ด้านหลังกุฏิก็จะมีห้องน้ำด้วยค่ะ ซึ่งก็เก่าและทรุดโทรมมาก พอๆ กับกุฏิเลย
ส่วนนี่เค้าเรียกว่าอะไรก็ไม่รู้ เราเรียกไม่ถูก ก็ทรุดโทรมเหมือนกันค่ะ
อันนี้เป็นศาลาที่เพิ่งสร้างใหม่ ก็ได้งบมาจากทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินประจำปี ลุงมัคทายกบอกว่าจะจ้างช่างที่ชำนาญแค่ 1-2 คน
นอกนั้นก็เป็นชาวบ้านช่วยกันสร้าง แต่ก็ยังไม่เสร็จดี ยังไม่ได้ทาสีหรือตกแต่งให้สวยงาม แกบอกค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เมื่อมีเงินก็ต่อเติมไปเรื่อยๆ พัดลมก็ได้มาจากผู้ใจบุญที่เค้ามาบริจาค หลอดไฟท่านบอกว่าจะใช้เป็นหลอดเกลียว จะได้ไม่เปลืองไฟ (หลอดไฟยังขาดแคลนอีกเยอะค่ะ) เพราะไฟเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน
หมาที่วัดก็เป็นหมาที่เค้าเอามาปล่อย หลวงพ่อท่านก็เลี้ยงไว้ค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ วัดนี้มีศาลาใหม่หลังเดียวเองที่เพิ่งสร้างใหม่ นอกนั้นชำรุดทรุดโทรมหมดเลย
หลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้จัก เพราะเป็นวัดที่อยู่ห่างไกล ไม่ดัง ไม่สวย ไม่ได้อยู่ในตัวเมือง เลยอาจจะถูกมองข้ามไป เพราะปัจจุบันคนก็มักจะไปทำบุญกันที่วัดสวยๆ มีงานประจำปีต่างๆ
ที่เรามาแบ่งปันในวันนี้ เราอยากให้ลองมองวัดที่ขาดแคลนค่ะ น่าสงสารนะคะ ซึ่งแตกต่างกับวัดในเมืองมากๆ ประเทศไทยมีคนใจบุญมากมาย เราเลยอยากให้มาช่วยๆ กันค่ะ
หากสนใจทำบุญ เยี่ยมชมวัด หรือสอบถามเส้นทาง สามารถติดต่อได้ที่คุณลุงทวน ได้เลยค่ะ เบอร์ 087-939-1098
ลุงแกใจดีมากๆ แกเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย พอเราจะกลับแกทิ้งท้ายว่าแล้วแต่ศรัทธานะหนู ทำมากทำน้อยไม่เป็นไร เผื่อในอนาคตทางบริษัทมีโครงการที่จะช่วยก็เก็บไว้เป็นตัวเลือกได้
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาตั้งแต่บรรทัดแรกนะคะ เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่นี่เลย เราแค่อยากแบ่งปันค่ะ ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น