คุณสามีไม่เห็นด้วยกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นระยะเวลานานๆ ควรทำอย่างไรดีคะ

ตอนนี้ดิฉันกำลังท้องได้ 5.5 เดือนค่ะ ก็คุยกันเรื่องวางแผนเลี้ยงลูกกับสามี ดิฉันตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างน้อยที่สุดก็ 1 ปี แต่ถ้าน้ำนมมีอยู่ก็จะให้ไปเรื่อยๆ หาข้อมูลมาเยอะพอสมควร แต่สามีมีความเข้าใจผิดๆ ว่านมแม่ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว ถ้าหลัง 6 เดือน หรือเกิน 1 ปี ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยค่ะ ซึ่งเราก็พยายามหาข้อมูลหาเวบต่างๆให้อ่านแล้ว จนเราคิดว่าเข้าใจแล้ว แต่พอมาคุยกันอีกทีก็เป็นแบบเดิม เค้ายอมแค่ 1 ปีค่ะ อีกอย่างไปถามคุณหมอที่ฝากครรภ์ หมอก็พูดกลางๆ คือ ก็ไม่เชิงสนับสนุนแต่ก็ไม่คัดค้าน มันก็เลยเข้าทางเค้าเลย เหตุผลของเค้าก็คือมันไม่มีประโยชน์ และไม่อยากให้ลูกต้องดูดนมแม่จนโต เราหาข้อมูลมาเค้าก็บอกว่าอย่าเชื่อมาก เค้าหาว่าเรามีความคิดสุดโต่งเรื่องนมแม่ หาว่าเราไม่มีเหตุผล เราก็งงเลยค่ะ ทั้งๆที่ข้อมูลในเวบไซต์ต่างๆเป็นข้อมูลจากคุณหมอทั้งนั้น เครียดมากเลยค่ะ นี่ยังไม่เริ่มก็เอาซะแล้ว คนใกล้ตัวซะด้วย มีใครเจอปัญหาแบบนี้บ้างมั้ยคะ แล้วทำอย่างไร

ปล. สามีอายุเท่ากับเราเลยค่ะ 30 ปี ไม่คิดว่าจะคิดแบบนี้เลยอ่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
จขกท ทำใจให้สบายก่อนนะคะ อย่าเพิ่งเครียดกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงค่ะ เราเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จนตอนนี้ลูกเราอายุ 1.4 ปีแล้ว ก็ยังคงมีนมเลี้ยงลูกไปเรื่อยๆ มีสต๊อกเป็นตู้ๆ (เราทำงานด้วย ใช้วิธีปั้มนมให้ลูกค่ะ)

ตัวเราเองก็ไม่ได้สุดโต่งว่าต้องนมแม่ๆๆ เท่านั้นนะคะ  แต่อยากให้ จขกทเข้าใจธรรมชาติว่า เด็กน้อยพออายุครบ 6 เดือน ธาตุเหล็กในน้ำนมแม่จะไม่เพียงพอต่อการเติบโตของลูก (ไม่ได้หมายความว่านมแม่ไม่มีประโยชน์นะคะ แต่แค่ธาตุเหล็กเท่านั้นที่ไม่เพียงพอ ส่วนภูมิคุ้มกันสำหรับลูก ยังมีเยอะมาก และป็นสิ่งที่ลูกต้องการมากๆ ค่ะ) ลูกต้องการธาตุเหล็กเพื่อไปช่วยเรื่องการเติบโตของสมอง ลูกต้องการโปรตีนเข้มข้น คือ โปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อไปเสริมสร้างร่างกายที่เจริญเติบโตค่ะ ถ้าคุณแม่ จขกท ให้ธาตุเหล็กลูกไม่เพียงพอ ลูกจะซีด และต้องได้รับยาธาตุเหล็กเสริมนะคะ

เมื่อลูกน้อยอายุครบ 1 ปี ควรทานอาหารเป็นหลักค่ะ ทาน 3 มื้อ โดยมีนมแม่ เป็นอาหารเสริมนะคะ ช่วงวัยนี้น้องจะเริ่มใช้พลังงานเยอะขึ้น ก็โตขึ้น บางคนเริ่มฝึกเดินแล้ว เริ่มจะใช้แรงมากขึ้น ถ้ากินนมมากเกินไป พลังงานจะไม่เพียงพอสำหรับลูกในแต่ละวันค่ะ แถมย่อยง่าย ย่อยเร็ว หิวก็เร็วอีก ทีนี้กลางค่ำ กลางคืน พวกจะตื่นมาขอกินนมตลอดเลยนะคะ

แล้วมาถึงตรงนี้ นมแม่ ทำไมยังสำคัญอยู่ (อาจจะต้องเป่าหูคุณสามีนะคะ อิอิ) ก็เพราะอาหารใดๆ ในโลกก็ไม่สามารถจะมี "ภูมิต้านทาน" ให้ลูกได้ค่ะ ในน้ำนมแม่จะช่วยสร้างภูมิต้านทานให้กับลูก ที่ทุกๆ คอมเม้นท์กล่าวว่า ลูกไม่ค่อยเจ็บ ไม่ค่อยป่วย เพราะได้นมแม่ หัวใจมันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ (ที่เรายังคงปั้ม ปั้ม ปั้มให้ลูกเพราะเราอยากให้ลูกได้ภูมิต้านทานจากนมแม่นี่แหละ)

เรื่องความเจ็บป่วยของลูก คงต้องให้คุณสามีของ จขกท มีประสบการณ์เลี้ยงลูกจริงๆ เองก่อนค่ะ ถึงจะเข้าใจว่า เวลาลูกป่วย พ่อแม่ป่วยมากกว่าหลายเท่า ลูกป่วยแต่ละครั้งพ่อแม่แทบทำงานไม่ได้เลยนะคะ เอาแค่มีน้ำมูกเกรอะกรัง แค่นี้ลูกนอนไม่ได้ ก็ร้องๆๆ จนพ่อแม่ไม่ได้นอนแล้ว ตอนนั้นถึงจะเข้าใจว่าภูมิต้านทานที่ได้จากนมแม่มันดียังงัย

ลูกเราตอนนี้ทานอาหารเป็นหลัก 3 มื้อค่ะ ระหว่างมื้อมี ไอติมบ้าง (อันนี้เราตามใจเองเพราะบางร้อนเกิน) มีผลไม้ มีขนมบ้าง ก็ฝึกทานอาหารให้หลากหลาย บางวันเราก็ให้นม UHT ด้วยนะคะ ให้ลองนมวัวบ้าง เพราะลูกเราไม่แพ้นมวัว ไข่ แป้งสาลี ค่ะ ส่วนนมแม่เราให้มื้อก่อนนอนกลางวัน มื้อก่อนนอนกลางคืน มื้อดึก (ยังเลิกไม่ได้ สงสารลูก ร้องหิวก็ให้เลย)

ส่วนป่วยตั้งแต่เกิดมาลูกเราไม่เคยนอน รพ แม้แต่ครั้งเดียว ขนาดเที่ยว ตจว ตากแดด ตากแอร์  สลับกันไปมา ลูกก็อึดมาก ไม่มีป่วยเลย มีแค่ครั้งเดียวที่มีน้ำมูกไหลเยิ้ม เราก็ล้างจมูกลูก ให้ยาลดน้ำมูก แต่ไม่นานก็หายค่ะ

เลี้ยงลูกเป็นศาสตร์และศิลป์ค่ะ ไม่มีอะไรเป๊ะๆ ค่อยๆ ปรับวิธีไปเรื่อยๆค่ะ สุดท้ายเราก็จะค้นพบวิธีที่เหมาะกับครอบครัวเราและลูกนะคะ ส่วนตัวเราพบว่า การเลี้ยงลูกเป็นความท้าทายของชีวิต และเป็นความสุขที่สุดของที่สุดจริงๆ ค่ะ)

ขอให้ จขทก เลี้ยงลูกให้สนุกนะคะ ขอให้ลูกเกิดมาแข็งแรง น่ารัก สดใส เป็นแรงใจให้กับครอบครัว จขกท ค่ะ ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่