ปาฎิหาริย์แห่งความร่าเริงเบิกบาน
หากบังเอิญมีสองสิ่งที่มาเกี่ยวข้องกันโดยไม่ได้นัดหมาย
คือ มะเร็ง กับ อารมณ์ไม่ดี(ได้แก่คน หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย โกรธง่าย)
เรื่องมีอยู่ว่า มีอาจารย์ชาวจีน ชื่อ เฉินเซี่ยงเหวิน ไปตรวจร่ายกายพบว่า
ตนเองเป็นมะเร็งตับ จึงไปโรงพยาบาลรักษา ทั้ง คีโม และ รังสีแกมมา
เมื่อถึงที่สุด ร่างกายไม่ตอบสนอง หมอจึงให้ผู้ป่วยกับไป สงบใจ ตนเองที่บ้าน
โดยไม่ต้องมาที่โรงพยาบาลอีก
วันหนึ่ง ท่านได้ทราบว่า ที่หมู่บ้าน ตงหวาง มีการฝึกรักษามะเร็ง ด้วยเทคนิค
รักษาโรคด้วยการทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน ท่านจึงไปทดลอง
ในตอนแรก การฝึก ท่ารู้สึกฝืนจิตใจตนเองอย่างมาก เนื่องจากตนเอง
เป็นคนเจ้าอารมณ์ พร้อมกับ ร่างกายบอกช้ำจากการทำคีโมมาด้วย แต่
ท่านก็บอกกับตนเองว่า ทำไมละ ทีผ่าตัด ให้คีโม่ ใช้รังสี เจ็บแสนเจ็บและแสนทรมาน
เรายังไม่ผิดนัดเลย เหตุใด กับการยิ้ม การหัวเราะ ไม่เจ็บ ไม่เสียเงิน สักนิด
หากมีโอกาส สักนิด ทำให้เราหายจากมะเร็งได้ ทำไมเราจะไม่ลองทำ
เร่ิมต้นจากการฝืนแกล้งหัวเราะบ้าง บังคับปากให้ยิ้มบ้าง ฝึกไปเรื่อยๆ
โดยตั้งเป้าหมายให้ทำได้ 100คะแนนต่อวัน ถ้าครั้งไหน เฟค หรือฝืนทำ ให้ครึ่งคะแนน
แต่ถ้าครั้งไหนออกมาจากใจจริงๆ ให้ 1คะแนน จากระบบนี้ ทำให้อาจารย์เฉิน พัฒนาขึ้น
เป็นการ ฝึกขอบคุณสิ่งต่างๆรอบตัวเอง ด้วยจิตสำนึกรู้บุญคุณ
เราควรฝึกขอบคุณทุกส่ิง ทุกวัน จนเกิดรอยยิ้มบ่อยๆ จิตใจจะอ่อนโยนลง
เกิดเป็นความร่าเริงเบิกบานใจที่แท้จริง
ผ่านมา 9ปี อาจาร์ยเฉินหายขาดจากมะเร็ง ร่างกายแข็งแรง จิตใจร่าเริงเหมือนกับคนใหม่
จนเพื่อนๆถามว่า หายจากมะเร็งได้อย่างไร ท่านตอบว่า หายด้วยการทำจิตใจให้ร่าเริง
เพื่อนๆมองแบบงงๆ และไม่เชื่อ ท่านหัวเราะกับยิ้ม แล้วบอกว่า
ของอย่างนี้ต้องลงมือทำเอง แล้วดูผลเป็นอย่างไร
(แล้วคุณละ วันนี้คุณยิ้มให้ใครหรือยัง)
ปฎิหาริย์แห่งความร่าเริง เบิกบาน
หากบังเอิญมีสองสิ่งที่มาเกี่ยวข้องกันโดยไม่ได้นัดหมาย
คือ มะเร็ง กับ อารมณ์ไม่ดี(ได้แก่คน หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย โกรธง่าย)
เรื่องมีอยู่ว่า มีอาจารย์ชาวจีน ชื่อ เฉินเซี่ยงเหวิน ไปตรวจร่ายกายพบว่า
ตนเองเป็นมะเร็งตับ จึงไปโรงพยาบาลรักษา ทั้ง คีโม และ รังสีแกมมา
เมื่อถึงที่สุด ร่างกายไม่ตอบสนอง หมอจึงให้ผู้ป่วยกับไป สงบใจ ตนเองที่บ้าน
โดยไม่ต้องมาที่โรงพยาบาลอีก
วันหนึ่ง ท่านได้ทราบว่า ที่หมู่บ้าน ตงหวาง มีการฝึกรักษามะเร็ง ด้วยเทคนิค
รักษาโรคด้วยการทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบาน ท่านจึงไปทดลอง
ในตอนแรก การฝึก ท่ารู้สึกฝืนจิตใจตนเองอย่างมาก เนื่องจากตนเอง
เป็นคนเจ้าอารมณ์ พร้อมกับ ร่างกายบอกช้ำจากการทำคีโมมาด้วย แต่
ท่านก็บอกกับตนเองว่า ทำไมละ ทีผ่าตัด ให้คีโม่ ใช้รังสี เจ็บแสนเจ็บและแสนทรมาน
เรายังไม่ผิดนัดเลย เหตุใด กับการยิ้ม การหัวเราะ ไม่เจ็บ ไม่เสียเงิน สักนิด
หากมีโอกาส สักนิด ทำให้เราหายจากมะเร็งได้ ทำไมเราจะไม่ลองทำ
เร่ิมต้นจากการฝืนแกล้งหัวเราะบ้าง บังคับปากให้ยิ้มบ้าง ฝึกไปเรื่อยๆ
โดยตั้งเป้าหมายให้ทำได้ 100คะแนนต่อวัน ถ้าครั้งไหน เฟค หรือฝืนทำ ให้ครึ่งคะแนน
แต่ถ้าครั้งไหนออกมาจากใจจริงๆ ให้ 1คะแนน จากระบบนี้ ทำให้อาจารย์เฉิน พัฒนาขึ้น
เป็นการ ฝึกขอบคุณสิ่งต่างๆรอบตัวเอง ด้วยจิตสำนึกรู้บุญคุณ
เราควรฝึกขอบคุณทุกส่ิง ทุกวัน จนเกิดรอยยิ้มบ่อยๆ จิตใจจะอ่อนโยนลง
เกิดเป็นความร่าเริงเบิกบานใจที่แท้จริง
ผ่านมา 9ปี อาจาร์ยเฉินหายขาดจากมะเร็ง ร่างกายแข็งแรง จิตใจร่าเริงเหมือนกับคนใหม่
จนเพื่อนๆถามว่า หายจากมะเร็งได้อย่างไร ท่านตอบว่า หายด้วยการทำจิตใจให้ร่าเริง
เพื่อนๆมองแบบงงๆ และไม่เชื่อ ท่านหัวเราะกับยิ้ม แล้วบอกว่า
ของอย่างนี้ต้องลงมือทำเอง แล้วดูผลเป็นอย่างไร
(แล้วคุณละ วันนี้คุณยิ้มให้ใครหรือยัง)