ใครจะว่าไง มโนยังไง ตามแต่นะครับ พูดกันแบบลึกที่สุดที่เห็นๆเลย
คือ มันไม่ได้กินกันที่แผนอะไรของโค้ชมากมายหรอกครับ แต่ทางแผนแล้ว เกมของทาง สเปอร์ วางมาให้ เริ่มบุกตั้งแต่ ควอเตอร์แรก
เพราะฮีทเล่นมาทุกเกม เหมือนเล่นฤดูกาลปรกติ โดยเฉพาะเกมนี้ผ่อนลงเพราะเล่นในบ้าน เป็นปรกติของฮีท จะเล่นโดยให้ pg อย่าง ชาร์ลเมอร์ หรือ เวด ถือบอลตั้งเกม ในครึ่งแรก
แล้วค่อยไปให้เจมส์เล่นเต็มที่ ถือบอลรันจริงๆจังๆในครึ่งหลัง หรือเจมส์จะรอให้ game come to him นั่นเอง รอจังหวะเกมมา ไม่เร่ง
สาเหตสำคัญที่ต้องเล่นแบบนี้ คือ เจมส์ต้องรับบทหนักในทีม ทั้งดีเฟนด์ บุก จ่าย ตั้งเพลย์ เรียกว่า เป็นหัวใจ อวัยวะภายใน และ สมอง ขา แขน ของทีมเลยก็ว่า ว่าๆก็ว่า คือแบกหนักเกินไป จะให้เล่นแบบนั้นทั้งเกม คงไม่ได้(แต่มักทำได้ใน eliminate game ยกตัวอย่าง เกม6ที่บ้านบอสตัน ตอนโดนบอสตันนำซีรีส์ 3-2 ในอีสท์ไฟนอลสองปีก่อน)
เกมนี้ฮีทเลยมาปรกติ ปล่อยชาร์ลเมอร์กับเวดรันเพลย์ เล่นไปปรกติก่อน ค่อยเร่งตอนเจมส์ติดเครื่องในครึ่งหลัง เพราะแฟนคงรู้กันดี กับบทบาทของเจมส์ สามารถเล่นเป็นบ้าเป็นหลัง ได้แค่ไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น จึงเซพแรงไว้เล่น ควอเตอร์ 3-4
ปัญหาคือ เวด เล่นแบบ ไม่เน้นเท่าไหร่ ดูได้จากเทินโอเวอร์แรก เวดเล่นแบบไม่มี urge to urgency เลย ว่าถ้าเสียเกมนี้ สเปอร์จะขึ้นแท่นไปรอ3-1 ผ่อนเกมลงเพราะเล่นในบ้าน
และชาร์ลเมอร์คู่การ์ดที่ลงมา ฟอร์ม บอกตรงๆ ห่วยมาตั้งแต่รอบ ชิงสายตะวันออก กับเพเซอร์แล้ว ยังกู่ไม่กลับ สักเกมเดียว
และเปิดมา ทางป๊อป ก็รู้จุดนี้ กระตุ้นลูกทีม ต้องฉวยโอกาศจากนิสัยของฮีท ที่จะเล่นผ่อนๆไปเรื่อยๆในครึ่งแรก โดยเฉพาะต้นเกม
แต่ต่อให้ ทางสเปอร์ เล่นดี agressive แค่ไหน โดยเฉพาะคาไวกับกรีน ก็ทำแต้มห่างเกิน 10 ไม่ได้หรอก
ปัญหาอยุ่ที่ ฮีท ไปเปิดเกมเสียเทินติดๆกัน จากทั้งเวด กับชาเมอร์ ให้ทางสเปอร์ และเป็น live ball วิ่งไปเลย์อัพติดๆกัน สตาร์ทให้ทางสเปอร์เสียก่อน
กว่าจะตั้งเกมได้ สเปอร์ก็ชิงโมเมนตั้ม เป็นบาสได้ใจไปแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ
โดยปรกติ การไดรฟเข้าทำแต้มเองของคาไว หรือกรีนที่ยิงนอกไม่ได้แล้วต้องลงบอลเข้าบุกใน ทั้งสองคนนี้ แทบไม่เคยทำได้แบบเกมนี้เลย เรียกว่า ทั้งเพลย์ออฟ
มาผีเข้าเอาเกมนี้ เพราะโมเมนตัมมันเปลี่ยนไปเต็มๆ ที่การ์ดสองตัว อย่างชาร์ลเมอร์กับเวด ปล่อยให้ทางสเปอร์เคี้ยวเล่น ไม่ใช่เกมเกมบุก ที่เสีย tov แต่เกมรับ ก็หยุดการยิงนอกหรือไดฟรเข้าในไม่ได้เลย
กว่าจะกลับมาตั้งเกมได้ ต้องใช้เจมส์มาเดฟ pg ของสเปอร์ เอานอสโคลลงมาแทน
หลังจากจุดนั้นไป พอเจมส์ไปนั่ง ไม่ทันไร สเปอร์ก็รันไปได้อีก จากหยุดได้ที่13 แต้ม โดนไป 20+ ต้องเปลี่ยนกลับลงมาเล่นใหม่
และพอครึ่งหลังฮีทกลับเข้าเกมของตัวเอง ใช้การเล่นเต็มที่โดยมีเจมส์เป็นศูนย์กลางทั้งบุกรับ ก็หยุดการไหลของสเปอร์ได้ และดึงแต้มกลับมาจนห่างแค่7 แต้ม ใกล้ที่สุด ก่อนโดนดึงรันกลับไปที่10+
ความผิดพลาดของการ์ดก็ไม่มีแล้วในครึ่งหลัง ที่ยังมีแย่อยู่ ก็คงเกมปรกติของทางฮีท ที่เกมรับเอาดันแคนไม่ค่อยอยู่ บอชก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ตามปรกติ ซึ่งว่ากันตามจริง ศุนย์กลางเกมรับ ควรเป็นบอช วงใน
ซึ่ง ถ้าเสียอีกเกมกลายเป็น 3-1 เราคงจะเห็น เจมส์ เล่น attack mode ตั้งแต่ ควอเตอร์แรก ซึ่งผมว่าเห็นแน่ๆในเกมหน้า
เกมสามนี้ถือว่าสตาร์ทได้ห่วยที่สุดทีเ่ห็นมา ไม่ใช่เรื่องแต้ม แต่เป็นเรื่อง alert ของผู้เล่นฮีท ลองย้อนไปดู เวด ชาร์ลเมอร์ เล่น จ่าย แต่ละบอล เจมส์ ที่ค่อยๆเล่นค่อยๆจ่ายเหมือนเป็นฤดูกาลปรกติ ผ่อนเกมเพราะเล่นในบ้าน
สโปวางแผนผิด ไม่คิดว่าสเปอร์จะมา agressive ในต้นเกม เพราะด้วยทีมและอายุ น่าจะค่อยๆเล่นไปเบียดกันตอนท้าย
และผู้เล่นฮีทก็ผ่อนเกมเกินไปเองอีก
ถ้าเล่นแบบนี้ในฤดูกาลปรกติคงพอได้ครับ มาเล่นในไฟนอลแล้วเจอแบบนี้ ถ้ามีเกมแบบนี้อีก โดยเฉพาะรั่วที่การ์ด รอจบซีรีส์ได้เลย เพราะแต่ไหนแต่ไร ฮีทไม่ได้แน่นที่วงใน และไม่เคยแน่นวงในเลย ได้วงนอกพยุงเกมมาตลอด แล้วถ้าวงนอกที่เปนกระดูกของทีม มาฟอร์มพังไม่เหลือแบบนี้ ไม่มีหวังไปชนะใครครับ เพราะวงในก็พยุงไมไ่ด้เหมือนเดิม เสียรีบาวน์เกมบุกเยอะเป็นปรกติ ทำแต้มวงในไม่ค่อยได้เป็นปรกติ...
รอดูเกมหน้าครับ ถ้าเจมส์ไม่ attack mode ตั้งแต่ต้นเกม รอนับ 3-1 กันไม่ยาก
ชาร์ลเมอร์กับเวด คิดว่าจะภาวนาให้ฟอร์มดีสักเกมสองเกม ตอนนี้ไม่หวังครับ เล่นธรรมดาๆอย่าห่วยเกินรับได้ก็พอ ชาร์ลเมอร์คงไปนั่งสำรอง ส่วนเวด หลังๆขาเริ่มไม่วิ่ง การออกไปป้องกันที่ perimiter ค่อนข้างแย่ เรียกว่า อัลเลน ยังออกไปดีเฟนด์ได้ไวกว่า
จะทำยังไง ถ้าไม่ใช่เจมส์ attack mode แล้วต้องเค้นฟอร์ม แอนเดอร์สัน มาเก็บรีบาวน์เกมรับที่เสียให้สเปอร์มาแย่งไปเป็น 2nd chance point มากมายมหาศาลขนาดนี้
ใครจะวิจาร์ณกันยังไงกับ สิ่งที่ผมเขียนนี้ ว่ามาได้ตามสบายครับ แต่ลึกที่สุดที่เห็นกับตา มีเท่านี้แหละครับเกมนี้
วิเคราะห์ให้ฟังให้หายข้องใจครับ กับ 25point lead ของ spur ใน final game 3
คือ มันไม่ได้กินกันที่แผนอะไรของโค้ชมากมายหรอกครับ แต่ทางแผนแล้ว เกมของทาง สเปอร์ วางมาให้ เริ่มบุกตั้งแต่ ควอเตอร์แรก
เพราะฮีทเล่นมาทุกเกม เหมือนเล่นฤดูกาลปรกติ โดยเฉพาะเกมนี้ผ่อนลงเพราะเล่นในบ้าน เป็นปรกติของฮีท จะเล่นโดยให้ pg อย่าง ชาร์ลเมอร์ หรือ เวด ถือบอลตั้งเกม ในครึ่งแรก
แล้วค่อยไปให้เจมส์เล่นเต็มที่ ถือบอลรันจริงๆจังๆในครึ่งหลัง หรือเจมส์จะรอให้ game come to him นั่นเอง รอจังหวะเกมมา ไม่เร่ง
สาเหตสำคัญที่ต้องเล่นแบบนี้ คือ เจมส์ต้องรับบทหนักในทีม ทั้งดีเฟนด์ บุก จ่าย ตั้งเพลย์ เรียกว่า เป็นหัวใจ อวัยวะภายใน และ สมอง ขา แขน ของทีมเลยก็ว่า ว่าๆก็ว่า คือแบกหนักเกินไป จะให้เล่นแบบนั้นทั้งเกม คงไม่ได้(แต่มักทำได้ใน eliminate game ยกตัวอย่าง เกม6ที่บ้านบอสตัน ตอนโดนบอสตันนำซีรีส์ 3-2 ในอีสท์ไฟนอลสองปีก่อน)
เกมนี้ฮีทเลยมาปรกติ ปล่อยชาร์ลเมอร์กับเวดรันเพลย์ เล่นไปปรกติก่อน ค่อยเร่งตอนเจมส์ติดเครื่องในครึ่งหลัง เพราะแฟนคงรู้กันดี กับบทบาทของเจมส์ สามารถเล่นเป็นบ้าเป็นหลัง ได้แค่ไม่เกิน 20 นาทีเท่านั้น จึงเซพแรงไว้เล่น ควอเตอร์ 3-4
ปัญหาคือ เวด เล่นแบบ ไม่เน้นเท่าไหร่ ดูได้จากเทินโอเวอร์แรก เวดเล่นแบบไม่มี urge to urgency เลย ว่าถ้าเสียเกมนี้ สเปอร์จะขึ้นแท่นไปรอ3-1 ผ่อนเกมลงเพราะเล่นในบ้าน
และชาร์ลเมอร์คู่การ์ดที่ลงมา ฟอร์ม บอกตรงๆ ห่วยมาตั้งแต่รอบ ชิงสายตะวันออก กับเพเซอร์แล้ว ยังกู่ไม่กลับ สักเกมเดียว
และเปิดมา ทางป๊อป ก็รู้จุดนี้ กระตุ้นลูกทีม ต้องฉวยโอกาศจากนิสัยของฮีท ที่จะเล่นผ่อนๆไปเรื่อยๆในครึ่งแรก โดยเฉพาะต้นเกม
แต่ต่อให้ ทางสเปอร์ เล่นดี agressive แค่ไหน โดยเฉพาะคาไวกับกรีน ก็ทำแต้มห่างเกิน 10 ไม่ได้หรอก
ปัญหาอยุ่ที่ ฮีท ไปเปิดเกมเสียเทินติดๆกัน จากทั้งเวด กับชาเมอร์ ให้ทางสเปอร์ และเป็น live ball วิ่งไปเลย์อัพติดๆกัน สตาร์ทให้ทางสเปอร์เสียก่อน
กว่าจะตั้งเกมได้ สเปอร์ก็ชิงโมเมนตั้ม เป็นบาสได้ใจไปแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ
โดยปรกติ การไดรฟเข้าทำแต้มเองของคาไว หรือกรีนที่ยิงนอกไม่ได้แล้วต้องลงบอลเข้าบุกใน ทั้งสองคนนี้ แทบไม่เคยทำได้แบบเกมนี้เลย เรียกว่า ทั้งเพลย์ออฟ
มาผีเข้าเอาเกมนี้ เพราะโมเมนตัมมันเปลี่ยนไปเต็มๆ ที่การ์ดสองตัว อย่างชาร์ลเมอร์กับเวด ปล่อยให้ทางสเปอร์เคี้ยวเล่น ไม่ใช่เกมเกมบุก ที่เสีย tov แต่เกมรับ ก็หยุดการยิงนอกหรือไดฟรเข้าในไม่ได้เลย
กว่าจะกลับมาตั้งเกมได้ ต้องใช้เจมส์มาเดฟ pg ของสเปอร์ เอานอสโคลลงมาแทน
หลังจากจุดนั้นไป พอเจมส์ไปนั่ง ไม่ทันไร สเปอร์ก็รันไปได้อีก จากหยุดได้ที่13 แต้ม โดนไป 20+ ต้องเปลี่ยนกลับลงมาเล่นใหม่
และพอครึ่งหลังฮีทกลับเข้าเกมของตัวเอง ใช้การเล่นเต็มที่โดยมีเจมส์เป็นศูนย์กลางทั้งบุกรับ ก็หยุดการไหลของสเปอร์ได้ และดึงแต้มกลับมาจนห่างแค่7 แต้ม ใกล้ที่สุด ก่อนโดนดึงรันกลับไปที่10+
ความผิดพลาดของการ์ดก็ไม่มีแล้วในครึ่งหลัง ที่ยังมีแย่อยู่ ก็คงเกมปรกติของทางฮีท ที่เกมรับเอาดันแคนไม่ค่อยอยู่ บอชก็ทำอะไรไม่ค่อยได้ตามปรกติ ซึ่งว่ากันตามจริง ศุนย์กลางเกมรับ ควรเป็นบอช วงใน
ซึ่ง ถ้าเสียอีกเกมกลายเป็น 3-1 เราคงจะเห็น เจมส์ เล่น attack mode ตั้งแต่ ควอเตอร์แรก ซึ่งผมว่าเห็นแน่ๆในเกมหน้า
เกมสามนี้ถือว่าสตาร์ทได้ห่วยที่สุดทีเ่ห็นมา ไม่ใช่เรื่องแต้ม แต่เป็นเรื่อง alert ของผู้เล่นฮีท ลองย้อนไปดู เวด ชาร์ลเมอร์ เล่น จ่าย แต่ละบอล เจมส์ ที่ค่อยๆเล่นค่อยๆจ่ายเหมือนเป็นฤดูกาลปรกติ ผ่อนเกมเพราะเล่นในบ้าน
สโปวางแผนผิด ไม่คิดว่าสเปอร์จะมา agressive ในต้นเกม เพราะด้วยทีมและอายุ น่าจะค่อยๆเล่นไปเบียดกันตอนท้าย
และผู้เล่นฮีทก็ผ่อนเกมเกินไปเองอีก
ถ้าเล่นแบบนี้ในฤดูกาลปรกติคงพอได้ครับ มาเล่นในไฟนอลแล้วเจอแบบนี้ ถ้ามีเกมแบบนี้อีก โดยเฉพาะรั่วที่การ์ด รอจบซีรีส์ได้เลย เพราะแต่ไหนแต่ไร ฮีทไม่ได้แน่นที่วงใน และไม่เคยแน่นวงในเลย ได้วงนอกพยุงเกมมาตลอด แล้วถ้าวงนอกที่เปนกระดูกของทีม มาฟอร์มพังไม่เหลือแบบนี้ ไม่มีหวังไปชนะใครครับ เพราะวงในก็พยุงไมไ่ด้เหมือนเดิม เสียรีบาวน์เกมบุกเยอะเป็นปรกติ ทำแต้มวงในไม่ค่อยได้เป็นปรกติ...
รอดูเกมหน้าครับ ถ้าเจมส์ไม่ attack mode ตั้งแต่ต้นเกม รอนับ 3-1 กันไม่ยาก
ชาร์ลเมอร์กับเวด คิดว่าจะภาวนาให้ฟอร์มดีสักเกมสองเกม ตอนนี้ไม่หวังครับ เล่นธรรมดาๆอย่าห่วยเกินรับได้ก็พอ ชาร์ลเมอร์คงไปนั่งสำรอง ส่วนเวด หลังๆขาเริ่มไม่วิ่ง การออกไปป้องกันที่ perimiter ค่อนข้างแย่ เรียกว่า อัลเลน ยังออกไปดีเฟนด์ได้ไวกว่า
จะทำยังไง ถ้าไม่ใช่เจมส์ attack mode แล้วต้องเค้นฟอร์ม แอนเดอร์สัน มาเก็บรีบาวน์เกมรับที่เสียให้สเปอร์มาแย่งไปเป็น 2nd chance point มากมายมหาศาลขนาดนี้
ใครจะวิจาร์ณกันยังไงกับ สิ่งที่ผมเขียนนี้ ว่ามาได้ตามสบายครับ แต่ลึกที่สุดที่เห็นกับตา มีเท่านี้แหละครับเกมนี้