"เสข"โฆษกกระทรวงต่างประเทศ แจงต่างชาติเข้าใจไทยมากขึ้น ชี้ผู้ช่วยทูตทหารทำงานอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ตึกสินติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังร่วมรับฟังพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคสช. ชี้แจงต่อคณะทูต กงสุลใหญ่ 18 ประเทศตะวันตกจำนวน 23 คน จากกลุ่มประเทศตะวันตก ทั้งสหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สมาชิกสหภาพยุโรป ว่า การชี้แจงดังกล่าวมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ ผบ.สส. และผู้บริหาร คสช.เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานหลังจากที่มีการหารือกันเมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ชัดเจนว่ากลุ่มประเทศตะวันตกมีความเข้าใจสถานการการเมืองไทยมากขึ้น ทั้งนี้ประชาคมโลกมองประเทศไทยว่าเป็นมิตรประเทศสำคัญ มีความสัมพันธ์ยาวนาน อย่างสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์กว่า 180 ปี ออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์กว่า 60 ปี เป็นต้น มีความร่วมมือในทุกมิติ ซึ่งประเทศต่างๆเหล่านี้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
นายเสข กล่าวว่า นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานให้หัวหน้า คสช.ทราบถึงเรื่องของชุมชนไทยในต่างประเทศว่า ทั้งในประเทศสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และยุโรป มีคนไทยจำนวนมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของเอกอัครราชทูต และกงศุลใหญ่ ที่ต้องอธิบายชี้แจงสถานการณ์ต่างๆให้รับทราบ รวมทั้งให้มีการเสนอความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูป เพราะสถานเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่มีหน้าที่ที่ทำมาโดยตลอดคือการชี้แจงความเข้าใจผิดในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ กรณีที่อาจมีความเข้าใจผิด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอบคุณการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงศุลใหญ่ที่ได้ชี้แจง อธิบายให้ประเทศต่างๆ เข้าใจ
"เห็นได้ชัดว่ามีความเข้าใจมากขึ้น แม้กลุ่มประเทศตะวันตกจะมีหลักการ และค่านิยมในเรื่องหลักของประชาธิปไตย แต่เขาก็ตระหนักถึงบทบาทของประเทศไทยในระยะยาวที่จำเป็นต้องมีความร่วมมือที่ดีกับประเทศไทย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้อธิบายถึงแผนโรดแม็ปให้คณะทูตได้รับทราบ รวมทั้งระยะเวลา และขั้นตอนต่างๆเพื่อนำไปชี้แจงเพิ่มเติมต่อให้กับประเทศต่างๆที่ประจำการ” นายเสข กล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการสร้างแนวร่วม เพราะประเทศต่างๆที่ไทยมีความสัมพันธ์ยาวนานและดีต่อกัน ซึ่งประเทศไทยมีเพื่อนจำนวนมาก ทั้งกลุ่มภาคเอกชน กล่ม ส.ส. สว.สามารถสร้างเป็นเครื่อข่ายที่ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับรัฐบาลได้ และที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทาง ผบ.สส.ในฐานะที่กำกับดูแลกลุ่มงานด้านความมั่นคง ได้อธิบายถึงโครงสร้างการทำงานและขอให้เอกอัครราชทูตทำงานในลักษณะของทีมไทยแลนด์
ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการอยู่แล้วเพราะมีผู้ช่วยทูตทหารบก เรือ และอากาศประจำการในต่างประเทศ มีการทำงานอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการประสานงาน และข้อมูลต่างๆ ทางกระทรวงการต่างประเทศ คสช.ก็มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นข้อมูลในการชี้แจง นอกจากนี้ ผบ.สส.ยังได้เน้นเรื่องของอาเซียนเพราะในปีหน้าจะมีการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนมาตลอด จากนี้ไปจะตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนการจัดตั้งประชาคมอาเซียน
“จากผลการดำเนินการตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะเอกอัครราชทูตสรุปได้ว่านานาประเทศเห็นได้ว่าตั้งแต่ทหารออกมาควบคุมการบริหารก็มีความสงบสุข ชีวิตประจำวันในประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภาคเอกชนในยุโรปได้แสดงความเชื่อมั่นศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และมองว่าประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนระยะยาวที่จะมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของเยอรมันที่สนใจมาลงทุนในระยะยาว” นายเสข กล่าว
นายเสข ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า คสช.ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะทูตในการเข้าควบคุมอำนาจของคสช. โดยอธิบายว่าไม่สามารถเอาบรรทัดฐานของเขามาเทียบกับเราได้ แต่ต้องมองบริบทที่ประเทศไทยซึ่งอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากใน 9 ปีที่ผ่านมาการทำงานของราชการไม่สามารถทำอย่างเต็มที่ มีความแตกแยก ข้าราชการไม่สามารถที่จะรับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ฉะนั้น ทางตัน จึงต้องหาทางออก โดยฝ่ายทหารเข้ามาควบคุมการบริหารด้วยความจำเป็นและคำนึงถึงบริบท
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20140611/587720/กต.แจงต่างชาติเข้าใจไทยมากขึ้น.html
กต. แจงต่างชาติเข้าใจไทยมากขึ้น / กรุงเทพธุรกิจ
"เสข"โฆษกกระทรวงต่างประเทศ แจงต่างชาติเข้าใจไทยมากขึ้น ชี้ผู้ช่วยทูตทหารทำงานอย่างใกล้ชิด
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ตึกสินติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงภายหลังร่วมรับฟังพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคสช. ชี้แจงต่อคณะทูต กงสุลใหญ่ 18 ประเทศตะวันตกจำนวน 23 คน จากกลุ่มประเทศตะวันตก ทั้งสหรัฐฯ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สมาชิกสหภาพยุโรป ว่า การชี้แจงดังกล่าวมี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาปกรณ์ ผบ.สส. และผู้บริหาร คสช.เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานหลังจากที่มีการหารือกันเมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ชัดเจนว่ากลุ่มประเทศตะวันตกมีความเข้าใจสถานการการเมืองไทยมากขึ้น ทั้งนี้ประชาคมโลกมองประเทศไทยว่าเป็นมิตรประเทศสำคัญ มีความสัมพันธ์ยาวนาน อย่างสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์กว่า 180 ปี ออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์กว่า 60 ปี เป็นต้น มีความร่วมมือในทุกมิติ ซึ่งประเทศต่างๆเหล่านี้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
นายเสข กล่าวว่า นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานให้หัวหน้า คสช.ทราบถึงเรื่องของชุมชนไทยในต่างประเทศว่า ทั้งในประเทศสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และยุโรป มีคนไทยจำนวนมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของเอกอัครราชทูต และกงศุลใหญ่ ที่ต้องอธิบายชี้แจงสถานการณ์ต่างๆให้รับทราบ รวมทั้งให้มีการเสนอความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูป เพราะสถานเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่มีหน้าที่ที่ทำมาโดยตลอดคือการชี้แจงความเข้าใจผิดในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ กรณีที่อาจมีความเข้าใจผิด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอบคุณการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงศุลใหญ่ที่ได้ชี้แจง อธิบายให้ประเทศต่างๆ เข้าใจ
"เห็นได้ชัดว่ามีความเข้าใจมากขึ้น แม้กลุ่มประเทศตะวันตกจะมีหลักการ และค่านิยมในเรื่องหลักของประชาธิปไตย แต่เขาก็ตระหนักถึงบทบาทของประเทศไทยในระยะยาวที่จำเป็นต้องมีความร่วมมือที่ดีกับประเทศไทย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้อธิบายถึงแผนโรดแม็ปให้คณะทูตได้รับทราบ รวมทั้งระยะเวลา และขั้นตอนต่างๆเพื่อนำไปชี้แจงเพิ่มเติมต่อให้กับประเทศต่างๆที่ประจำการ” นายเสข กล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการสร้างแนวร่วม เพราะประเทศต่างๆที่ไทยมีความสัมพันธ์ยาวนานและดีต่อกัน ซึ่งประเทศไทยมีเพื่อนจำนวนมาก ทั้งกลุ่มภาคเอกชน กล่ม ส.ส. สว.สามารถสร้างเป็นเครื่อข่ายที่ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับรัฐบาลได้ และที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทาง ผบ.สส.ในฐานะที่กำกับดูแลกลุ่มงานด้านความมั่นคง ได้อธิบายถึงโครงสร้างการทำงานและขอให้เอกอัครราชทูตทำงานในลักษณะของทีมไทยแลนด์
ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการอยู่แล้วเพราะมีผู้ช่วยทูตทหารบก เรือ และอากาศประจำการในต่างประเทศ มีการทำงานอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการประสานงาน และข้อมูลต่างๆ ทางกระทรวงการต่างประเทศ คสช.ก็มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นข้อมูลในการชี้แจง นอกจากนี้ ผบ.สส.ยังได้เน้นเรื่องของอาเซียนเพราะในปีหน้าจะมีการจัดตั้งประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนมาตลอด จากนี้ไปจะตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมในการขับเคลื่อนการจัดตั้งประชาคมอาเซียน
“จากผลการดำเนินการตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะเอกอัครราชทูตสรุปได้ว่านานาประเทศเห็นได้ว่าตั้งแต่ทหารออกมาควบคุมการบริหารก็มีความสงบสุข ชีวิตประจำวันในประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภาคเอกชนในยุโรปได้แสดงความเชื่อมั่นศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และมองว่าประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนระยะยาวที่จะมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของเยอรมันที่สนใจมาลงทุนในระยะยาว” นายเสข กล่าว
นายเสข ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า คสช.ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับคณะทูตในการเข้าควบคุมอำนาจของคสช. โดยอธิบายว่าไม่สามารถเอาบรรทัดฐานของเขามาเทียบกับเราได้ แต่ต้องมองบริบทที่ประเทศไทยซึ่งอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากใน 9 ปีที่ผ่านมาการทำงานของราชการไม่สามารถทำอย่างเต็มที่ มีความแตกแยก ข้าราชการไม่สามารถที่จะรับใช้ประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ฉะนั้น ทางตัน จึงต้องหาทางออก โดยฝ่ายทหารเข้ามาควบคุมการบริหารด้วยความจำเป็นและคำนึงถึงบริบท
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20140611/587720/กต.แจงต่างชาติเข้าใจไทยมากขึ้น.html