'ประยุทธ์'ลั่นไม่ปรองดองกับคนผิด / คม ชัด ลึก

กระทู้ข่าว



'ประยุทธ์'ลั่นสร้างปรองดองในชาติแต่ไม่ปรองดองคนผิด แจงแนวทางคสช. 3 ระยะกับทูตชาติตะวันตก สั่งทูตรายงานคนทำผิดม.112เคลื่อนไหวต่างแดน



               เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 11 มิ.ย.2557 พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะคณะทำงานโฆษกคสช. แถลงที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้าคสช. ย้ำในที่ประชุมกับเอกอัครทูต สงกุลใหญ่ในประเทศตะวันตก 28 ประเทศ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งย้ำว่า ข้าราชการต้องช่วยกันทำให้นานาประเทศเข้าใจ โดยอาศัยหลักการเหตุผลและข้อเท็จจริง ซึ่งตนเข้าใจว่าจะให้ทุกประเทศเห็นด้วยทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องเร่งทำความเข้าใจตั้งแต่สาเหตุและอธิบายให้ครอบคลุมทุกมิติ รวมททั้งการดำเนินการในปัจจุบันและการวางแผนอนาคตของคสช.อย่างไร และให้ยึดถึงจุดหมายที่แท้จริงของการรักษาระบอบประชาะธิปไตยที่ประกอบด้วย 3 อำนาจ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการและนิติบัญญัติ ที่พวกเราในฐานะข้าราชการจะต้องรักษาไว้ และขณะนี้เป็นเพียงการหยุดชั่วคราวเพื่อจัดระเบียบ และต้องทำให้นานาชาติรู้ว่าคนไทยนึกว่าประเทศจะต้องมาก่อนเสมอ

               พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการปราบปรามการทุจริต หัวหน้าคสช.ต้องการให้อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการพิสูจน์ คงเป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็น เพราะที่ผ่านมาบางเรื่องระบบราชการทำไม่ได้เพราะมีข้อจำกัด เพราะเมื่อไม่ทำก็ถูกตำหนิ หรือเมื่อทำแล้วก็ยังถูกตำหนิ ดังนั้นการใช้กฎหมายที่ผ่านมายังมีปัญหาและเป็นเหตุผลที่ต้องอธิบายให้ทั้งคนภายในและภายนอกประเทศเข้าใจ

               "และหัวหน้าคสช.ยืนยันว่าจะทำให้เกิดความปรองดองกับคนในชาติ แต่จะไม่ปรองดองกับคนที่ทำผิด และหลังจากนี้ไม่อยากให้มีการกล่าวหากันลอยๆ ผิดถูกอย่างไรอยากให้พิสูจน์ตามกระบวนการจริงๆ " พ.อ.วินธัย กล่าว

               รองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการสร้างความเกลียดชัง กล่าวโทษ ปลุกปั่นแล้ว สถาบันฯถูกดึงมากล่าวอ้างด้วย ซึ่งจริงๆแล้วสถาบันฯอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ประชาชนทุกคนคือผสกนิกรของพระองค์ท่าน ดังนั้นเรื่องกฎหมายบางมาตราจึงจำเป็นต้องมีไว้ปกป้องดูแลสถาบันฯ เพราะสถาบันไม่สามารถตอบแก้กับใครได้เหมือนเราและคนอื่นทั่วไป

               พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า ถ้าจะเปรียบเทียบภาคของการบริหารหัวหน้าคสช.อยากให้เห็นถึงสถานการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค.เป็นหลัก ไม่อยากให้มองเปรียบเทียบว่าพ.ค.ปีนี้กับพ.ค.ปีที่แล้วเป็นอย่างไร เพราะคนละสภาพการกัน ย้อนไปหลังวันที่ 22 พ.ค. 6 เดือนที่มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ที่มีมิติการบริหารราชการที่ติดขัด มี ความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองอย่างไร มีความรุนแรงของคนที่ไม่หวังดี และการบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้ประชาชนได้ ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ การสัญจรมีข้อจำกัดเพราะต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในการแสดงออก

               พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่มีการตรวจจับอาวุธสงครามก็ยังไม่จบสิ้นก็มีมาตรการเพิ่มเติมและยังสามารถนำมามอบให้ทางราชการได้ ก็จะเห็นผลทันตา ซึ่งหลายคนก็ตกใจ ส่วนเรื่องการกระทำผิดกฎหมายรูปแบบอื่นๆอบายมุข บ่อนการพนัน การทำลายทรัพยากรป่าไม้ ยาเสพติดก็ยังมีปริมาณเพิ่มเรื่อยๆ อาจจะเป็นผลส่วนหนึ่งจากที่เราใช้มาตรการกฎหมายความมั่นคงที่สูงสุด และมาตรการนี้ ดังนั้นเป็นการยืนยันว่าคงไม่ได้ริดรอนผู้ที่มีวิถีชีวิตปกติ เพราะคนที่ได้รับผลกระทบคือผู้ที่ไม่หวังดีมากกว่า

               พ.อ.วินธัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางในอนาคตหัวหน้าคสช.ย้ำกับเอกอัครทูต กงสุลใหญ่ฯ 3ระยะที่ค่อนข้างมีความชัดเจน โดยขณะนี้อยู่ในระยะที่หนึ่ง ส่วนระยะที่สองก็ให้ความเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการตั้งสภานิติบัญญัติ จัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีสภาปฏิรูปที่หลายฝ่ายรอคอย และระยะที่สามเป็นเรื่องของการเลือกตั้งและดำเนินการตามกระบวนการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบปกติ ซึ่งทั้งหมดคือสิ่งที่หัวหน้าคสช.ได้ชี้เแจงต่อทูตและกงสุลใหญ่
http://www.komchadluek.net/detail/20140611/186328.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่