จากการกรณี บอลโลก บอลยูโร ที่ผ่านก็อดคิดไม่ได้ว่า กีฬาอย่างอื่นนั้นยังไม่ได้รับการเหลี่ยวแล บ้างเลย อีกหน่อยถ้าจะดูกีฬาอะไร ก็ต้องติดกล่องหรือเปล่า เด็กไทยจะเล่นวอลเล่ย์บอล บาสเกตบอล แบตมินตัน จะไม่มีบนฟรีทีวีเลยใช่ไหม ถ้าลิขสิทธิ์ตกอยู่กับเอกชนที่ถ่ายทอดสดบนกล่องอยู่แบบนี้ เลยอยากเสนอโมเดลที่ทำให้คนไทยได้ดูกีฬากัน
1. รัฐต้องไม่จับเสือมือเปล่า
นอกจากกีฬาอย่างโอลิมปิก เอเชี่ยนเกมส์ ซีเกมส์แล้ว รัฐก็ไม่ควรที่จะจับเสือมือเปล่า ผู้ง่ายๆคือ ไปบังคับให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทางฟรีทีวี แบบว่าไม่ได้อะไรเลย รัฐควรให้การสนับสนุน ไม่ใช่ปากบอกว่าเพื่อเยาวชน แล้วตัวเองไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่ทำได้ง่ายคือ จ่ายเงินสนับสนุน(ย้ำว่าจ่ายเงินสนับสนุน ไม่ใช่ซื้อลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์บางชนิดกีฬา ไม่สามารถซื้อต่อได้)ให้กับผู้ถือลิขสิทธิ์ แต่ไม่ใช่จ่ายเต็ม อย่างเช่นจะซื้อบอลโลก 32 นัด ก็อาจจ่ายเงินใหักับผู้ถือลิขสิทธิ์เพียง 25% แล้วเลือกคู่มาออกฟรีทีวีเอง โดยไม่มีโฆษณาระหว่างแข่ง แต่ผู้ถือลิขสิทธิ์สามารถหากำไรได้จากผู้สนับสนุนก่อนแข่ง หลังแข่งได้ วิธีการนี้ทำให้ ค่าลิขสิทธิ์ไม่แพงขึ้นด้วย เพราะเงินที่จ่ายไปหมายถึงการที่ผู้ถือลิขสิทธิ์ จะไม่ได้ถ่ายทอดนัดใหญ่ๆ แต่ที่สำคัญคือต้องมีกฎเขียนชัดเจนอย่างเช่น
ค่าสนับสนุน = ค่าลิขสิทธิ์ที่ซื้อมา x (สัมประสิทธิ์ความสำคัญของการแข่งขัน x สัมประสิทธิ์ของนัดที่เลือกมา x อัตราส่วนนัดที่เลือกมาส่วนจำนวนนัดทั้งหมด)
เช่น บอลโลก สัมประสิทธิ์ความสำคัญของการแข่งขัน (0.5) อาจสูงกว่า การแข่งขันวอลเล่ย์บอลชิงแชมป์โลก (0.25)
การจะถ่ายนัดชิง จะมีสัมประสิทธิ์ของนัดที่เลือกมา สูงกว่าการแข่งขันรอบแรก เป็นต้น
2. ควรต้องซื้อล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน เป็นเวลา xx วัน
กฎข้อนี้ปกป้องผู้ถือลิขสิทธิ์ เพราะว่าถ้าไม่มีกฎนี้ สมมุติคุณถือลิขสิทธิ์บอลโลก แล้วรัฐมาให้เงินอุดหนุนก่อนแข่ง 1 วัน แล้วคุณจะไปหาผู้สนับสนุนยังไง แบบนี้ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊งครับ ถ้ารัฐจะเอาบอลโลกลงฟรีทีวีก็ควรต้องบอกก่อน 180 วัน แล้วให้รัฐเลือกคู่ให้เสร็จ ในเวลานั้น ส่วนที่เหลือทางผู้ถือลิขสิทธิ์ก็ไปหากำไรจากคู่ที่เหลือต่อไป
3. ทำทุกกีฬา ไม่ใช่แค่ฟุตบอล
บางทีฟุตบอลก็ไม่ใช่กีฬาของคนไทยทุกคน บางคนบ้าวอลเลย์บอล บางคนบ้าบาสเกตบอล บางคนบ้ากอล์ฟ เราควรสนับสนุนกีฬาทุกประเภทที่เป็นที่นิยม เอาง่ายๆ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า Women world cup ที่ไทยเข้าแข่ง มันอยู่ในกฎ Must have ด้วยไหม เราจะได้ดูบอลหญิงกันไหม หรือ ผู้หญิง เด็กผู้หญิงบางคนไม่ชอบดูบอล อยากดูแบต วอลเล่ย์บ้างก็ควรจะกระจายกีฬากันไป
4. ควรมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีนักกีฬาไทยเข้าแข่งขัน
การแข่งขันบางชนิดกีฬา บางทีเราก็ไม่รู้ว่านักกีฬาจะเข้ารอบลึกแค่ไหน รัฐเองก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายก่อนดีไหม ควรมีกฎว่ารัฐสามารถจ่ายเงินสนับสนุนเพื่อมาลงฟรีทีวีในกรณีที่มีนักกีฬาที่มีสัญชาติไทยลงแข่งได้ก่อน 12 ชั่วโมง แต่ถ้ารัฐเลือกใช้ข้อนี้ค่าสนับสนุนตามข้อนี้ อาจคูณเป็น 2 เท่า เพื่อชดเชยส่วนที่ผู้ถือลิขสิทธิ์เสียไทย ข้อนี้เอาไว้ในกรณีที่บาสไทย ผ่านเข้ารอบสอง บาสชิงแชมป์โลก แบบพลิคล็อค คนไทยยังมีโอกาสได้ดูรอบสองต่อ หรือ น้องนกเข้ารอบรองวิมเบอร์ดัน เราก็ยังได้ดูน้องนกแข่ง
5. รัฐเป็นผู้เลือกช่องถ่ายทอดสด
เนื่องจากการลงฟรีทีวีแบบนี้ ฟรีทีวีจะไม่ได้เงินสนับสนุนอะไรเลย แบบนี้จะมีฟรีทีวีที่ไหนยอมให้ถ่ายล่ะครับ นอกเสียจากรัฐออกข้อกำหนดว่า รัฐสามารถนำกีฬาลงฟรีทีวีแต่ละช่องได้ ช่องละ xx ต่อปี (สมมุติ 100 ชั่วโมง) คราวนี้พอรัฐได้มา รัฐก็อาจถามฟรีทีวีก่อนว่าจะมีช่องหน่อยถ่ายรายการนี้ไหม ถ้าถ่ายเสร็จจาก 100 ชั่วโมง อาจเหลือ 98 ชั่วโมง แบบนี้การแข่งขันบางช่วงเวลาอาจมีหลายช่องต้องการ เพราะไม่กระทบกับรายการทีวีปรกติ เช่นช่วงตี 1 เป็นต้นไป ถ้าต้องการหลายช่อง ก็อาจเปิดประมูล เพื่อเอาเงินเข้ารัฐ ไปสนับสนุนต่อ แต่ถ้าไม่มีใคร รัฐสามารถบังคับช่องไหนก็ได้ ที่ยังมีเวลาเหลืออยู่ถ่ายทอดสด สมมุติว่าช่อง 3 ถ่ายครบ 100 ชั่วโมงไปแล้ว รัฐไปเอาฟุตบอล Man United - Liverpool มา ซึ่งเวลาแข่งชนเวลาละคร รัฐก็ไปบังคับช่อง 3 ถ่ายไม่ได้ แต่ปรากฎว่าช่อง 7 เหลือเวลา รัฐก็ไปบังคับช่อง 7 ได้
อนาคตการถ่ายทอดสดกีฬาในประเทศไทย จะเป็นแบบนี้ได้ไหม
1. รัฐต้องไม่จับเสือมือเปล่า
นอกจากกีฬาอย่างโอลิมปิก เอเชี่ยนเกมส์ ซีเกมส์แล้ว รัฐก็ไม่ควรที่จะจับเสือมือเปล่า ผู้ง่ายๆคือ ไปบังคับให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดทางฟรีทีวี แบบว่าไม่ได้อะไรเลย รัฐควรให้การสนับสนุน ไม่ใช่ปากบอกว่าเพื่อเยาวชน แล้วตัวเองไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่ทำได้ง่ายคือ จ่ายเงินสนับสนุน(ย้ำว่าจ่ายเงินสนับสนุน ไม่ใช่ซื้อลิขสิทธิ์ เพราะลิขสิทธิ์บางชนิดกีฬา ไม่สามารถซื้อต่อได้)ให้กับผู้ถือลิขสิทธิ์ แต่ไม่ใช่จ่ายเต็ม อย่างเช่นจะซื้อบอลโลก 32 นัด ก็อาจจ่ายเงินใหักับผู้ถือลิขสิทธิ์เพียง 25% แล้วเลือกคู่มาออกฟรีทีวีเอง โดยไม่มีโฆษณาระหว่างแข่ง แต่ผู้ถือลิขสิทธิ์สามารถหากำไรได้จากผู้สนับสนุนก่อนแข่ง หลังแข่งได้ วิธีการนี้ทำให้ ค่าลิขสิทธิ์ไม่แพงขึ้นด้วย เพราะเงินที่จ่ายไปหมายถึงการที่ผู้ถือลิขสิทธิ์ จะไม่ได้ถ่ายทอดนัดใหญ่ๆ แต่ที่สำคัญคือต้องมีกฎเขียนชัดเจนอย่างเช่น
ค่าสนับสนุน = ค่าลิขสิทธิ์ที่ซื้อมา x (สัมประสิทธิ์ความสำคัญของการแข่งขัน x สัมประสิทธิ์ของนัดที่เลือกมา x อัตราส่วนนัดที่เลือกมาส่วนจำนวนนัดทั้งหมด)
เช่น บอลโลก สัมประสิทธิ์ความสำคัญของการแข่งขัน (0.5) อาจสูงกว่า การแข่งขันวอลเล่ย์บอลชิงแชมป์โลก (0.25)
การจะถ่ายนัดชิง จะมีสัมประสิทธิ์ของนัดที่เลือกมา สูงกว่าการแข่งขันรอบแรก เป็นต้น
2. ควรต้องซื้อล่วงหน้าก่อนการแข่งขัน เป็นเวลา xx วัน
กฎข้อนี้ปกป้องผู้ถือลิขสิทธิ์ เพราะว่าถ้าไม่มีกฎนี้ สมมุติคุณถือลิขสิทธิ์บอลโลก แล้วรัฐมาให้เงินอุดหนุนก่อนแข่ง 1 วัน แล้วคุณจะไปหาผู้สนับสนุนยังไง แบบนี้ก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊งครับ ถ้ารัฐจะเอาบอลโลกลงฟรีทีวีก็ควรต้องบอกก่อน 180 วัน แล้วให้รัฐเลือกคู่ให้เสร็จ ในเวลานั้น ส่วนที่เหลือทางผู้ถือลิขสิทธิ์ก็ไปหากำไรจากคู่ที่เหลือต่อไป
3. ทำทุกกีฬา ไม่ใช่แค่ฟุตบอล
บางทีฟุตบอลก็ไม่ใช่กีฬาของคนไทยทุกคน บางคนบ้าวอลเลย์บอล บางคนบ้าบาสเกตบอล บางคนบ้ากอล์ฟ เราควรสนับสนุนกีฬาทุกประเภทที่เป็นที่นิยม เอาง่ายๆ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า Women world cup ที่ไทยเข้าแข่ง มันอยู่ในกฎ Must have ด้วยไหม เราจะได้ดูบอลหญิงกันไหม หรือ ผู้หญิง เด็กผู้หญิงบางคนไม่ชอบดูบอล อยากดูแบต วอลเล่ย์บ้างก็ควรจะกระจายกีฬากันไป
4. ควรมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีนักกีฬาไทยเข้าแข่งขัน
การแข่งขันบางชนิดกีฬา บางทีเราก็ไม่รู้ว่านักกีฬาจะเข้ารอบลึกแค่ไหน รัฐเองก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายก่อนดีไหม ควรมีกฎว่ารัฐสามารถจ่ายเงินสนับสนุนเพื่อมาลงฟรีทีวีในกรณีที่มีนักกีฬาที่มีสัญชาติไทยลงแข่งได้ก่อน 12 ชั่วโมง แต่ถ้ารัฐเลือกใช้ข้อนี้ค่าสนับสนุนตามข้อนี้ อาจคูณเป็น 2 เท่า เพื่อชดเชยส่วนที่ผู้ถือลิขสิทธิ์เสียไทย ข้อนี้เอาไว้ในกรณีที่บาสไทย ผ่านเข้ารอบสอง บาสชิงแชมป์โลก แบบพลิคล็อค คนไทยยังมีโอกาสได้ดูรอบสองต่อ หรือ น้องนกเข้ารอบรองวิมเบอร์ดัน เราก็ยังได้ดูน้องนกแข่ง
5. รัฐเป็นผู้เลือกช่องถ่ายทอดสด
เนื่องจากการลงฟรีทีวีแบบนี้ ฟรีทีวีจะไม่ได้เงินสนับสนุนอะไรเลย แบบนี้จะมีฟรีทีวีที่ไหนยอมให้ถ่ายล่ะครับ นอกเสียจากรัฐออกข้อกำหนดว่า รัฐสามารถนำกีฬาลงฟรีทีวีแต่ละช่องได้ ช่องละ xx ต่อปี (สมมุติ 100 ชั่วโมง) คราวนี้พอรัฐได้มา รัฐก็อาจถามฟรีทีวีก่อนว่าจะมีช่องหน่อยถ่ายรายการนี้ไหม ถ้าถ่ายเสร็จจาก 100 ชั่วโมง อาจเหลือ 98 ชั่วโมง แบบนี้การแข่งขันบางช่วงเวลาอาจมีหลายช่องต้องการ เพราะไม่กระทบกับรายการทีวีปรกติ เช่นช่วงตี 1 เป็นต้นไป ถ้าต้องการหลายช่อง ก็อาจเปิดประมูล เพื่อเอาเงินเข้ารัฐ ไปสนับสนุนต่อ แต่ถ้าไม่มีใคร รัฐสามารถบังคับช่องไหนก็ได้ ที่ยังมีเวลาเหลืออยู่ถ่ายทอดสด สมมุติว่าช่อง 3 ถ่ายครบ 100 ชั่วโมงไปแล้ว รัฐไปเอาฟุตบอล Man United - Liverpool มา ซึ่งเวลาแข่งชนเวลาละคร รัฐก็ไปบังคับช่อง 3 ถ่ายไม่ได้ แต่ปรากฎว่าช่อง 7 เหลือเวลา รัฐก็ไปบังคับช่อง 7 ได้