ขออภัยล่วงหน้านะคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกและอาจจะยาวมากค่ะ เพราะตั้งใจเล่าประสบการณ์เพื่อเป็นข้อเตือนใจให้ผู้หญิงไม่หลงผิด ทำผิด แบบที่ดิฉันทำ เพราะสุดท้ายจะได้รับเวรกรรมในแบบที่ดิฉันเจอมาแล้ว
ดิฉันเป็นคุณแม่ลูกสองค่ะ คนโตอายุใกล้จะ 3 ขวบแล้ว ส่วนคนเล็กอยู่ในท้องได้ 4 เดือนแล้วค่ะ ดิฉันไม่ได้แต่งงานกับพ่อของลูก แต่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปีแล้ว พ่อของลูกอายุแก่กว่าดิฉัน 26 ปี ตอนนี้อยู่ในวัยใกล้เกษียณเต็มทน พ่อของลูกมีหน้าตาทางสังคมที่ดี ได้ทุนกพ.จนจบดร.จากอเมริกา มีตำแหน่งทางวิชาการระดับ รศ. มีลักษณะการพูดจาที่ดูน่าเชื่อถือ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ ปลูกต้นไม้ รักธรรมชาติ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้การันตีความเป็นมนุษย์ที่ดีได้ทั้งหมด หรือแม้กระทั่งจะมั่นใจได้ว่าเค้าจะเป็นสามีและพ่อของลูกที่ดีเลยค่ะ ส่วนตัวดิฉัน จบปริญญาโท ก็มีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนแสนกว่า มีคนนับหน้าถือตาในสังคมเช่นกัน ณ ตอนนั้นรู้สึกว่า เราเจอคนในระดับที่เหมาะสมและน่าจะสร้างครอบครัวที่ดีร่วมกันได้ เลยเป็นที่มาของเรื่องราวและเวรกรรมทั้งหมดที่จะนำมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ
แรกๆที่ดิฉันรู้จักกับเค้า เค้าให้ข้อมูลดิฉันว่า เค้าเคยมีภรรยาและลูกแต่ได้จดทะเบียนหย่ากันไปเรียบร้อยแล้ว (ดิฉันเช็คแล้วว่าเป็นตามนั้นจริงๆ) และตอนนี้ก็มีลูกกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้จดทะเบียนด้วยกัน แต่ตอนนี้ "กำลังมีปัญหากัน" ไม่มีความสัมพันธ์แบบผัวเมีย แต่ทนอยู่เพื่อทำหน้าที่ "พ่อ" และตอนนี้เค้าพร้อมที่จะมองหาความรักและความจริงใจจากใครซักคน
ยอมรับเลยค่ะ ณ ตอนนั้น ด้วยความชื่นชมในหน้าที่การงานของเค้าบวกกับภาพลักษณ์และการเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ดิฉัน ณ ตอนนั้น ทำให้ดิฉันมองข้ามสถานภาพของเค้าไป เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และเปิดโอกาสให้เค้าดูแลลูกตามที่เค้าต้องการ นอกเหนือจากนั้นหากมีเวลาก็อยู่ด้วยกันบ้าง ตามประสาคนไม่มีประสบการณ์และไม่นึกจะสืบเสาะความจริงอื่นใดไปมากกว่าที่เค้าบอก เค้าดูแลดี ใส่ใจและแสดงให้เห็นว่าเค้าจริงใจกับเรา พาไปพบแม่ และอีกสารพัดที่คู่รักใหม่ๆจะทำให้กัน ตอนนั้นมีความสุขมากค่ะอารมณ์ก็น่าจะเหมือนกับทุกคู่นะคะ คือมองอะไรก็สวยงามไปหมด เราเห็นแต่ความดีของเขาจนมองข้ามเรื่องความต่างของวัย เรื่องสถานภาพของเค้าไปอย่างสิ้นเชิง ดิฉันไว้ใจเชื่อใจและไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าคนที่มีพื้นฐานทางสังคมดีเช่นนี้จะมีนิสัยโกหกหน้าตายซ้ำซาและเจ้าชู้ได้มากถึงเพียงนี้
อยู่ไปด้วยกันซักพัก ดิฉันก็ท้องค่ะ แต่ระหว่างที่เราคบหากัน เค้าก็ไม่ได้มาอยู่กับดิฉันตลอดเวลานะคะ คือมาบ้างไม่มาบ้าง แต่เราก็ซื้ออสังหาริมทรัพย์และลงทุนอะไรนิดๆหน่อยๆด้วยกัน เค้าให้เหตุผลว่าเค้ายังต้องมีเวลาเพื่อดูแลลูกของเค้าซึ่งเราก็เข้าใจและรับสภาพและเค้าก็ให้สัญญาว่าจะทำเรื่องวุ่นวายในครอบครัวเก่าเค้าให้จบก่อนที่ดิฉันจะคลอดลูก ตลอดระยะเวลาที่อุ้มท้องลูกคนแรกดิฉันอยู่คนเดียวตามลำพังเป็นส่วนใหญ่ ดูแลตัวเองคนเดียวมาโดยตลอด ส่วนเค้าเองก็ยังปฎิบัติตัวเช่นเดิม คือ มาบ้างไม่มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหายหน้าไป แต่ด้วยความที่ดิฉันยึดมั่นและเชื่อมั่นในคำพูดที่เค้าให้สัญญา ก็เลยอดทนมาโดยตลอด อดทนว่าอนาคตข้างหน้าจะได้มีโอกาสสร้างครอบครัวที่ดีกับเค้า เหมือนอย่างที่เค้ากรอกหูให้ฟังทุกครั้งที่เจอกัน
จนกระทั่งดิฉันคลอด สองเดือนแรกดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี เค้าดูแลเอาใจใส่ แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไป เค้าหายหน้าไป เริ่มจากหายไปสองสามวัน มาเป็น อาทิตย์ และสุดท้ายบางครั้งหายไปเป็นเดือนสองเดือน ไม่มีโทรศัพท์ส่งข่าว แต่ก็เห็นเค้าโพส Facebook ตลอดเวลา ดิฉันเลี้ยงลูกคนเดียว อยู่กันสองคนแม่ลูก บางครั้งก็มีคุณยายมาช่วยเลี้ยงแต่ด้วยข้อจำกัดว่าคุณยายก็ต้องทำงานเช่นกัน เลยทำให้ต้องอยู่กันลำพังสองคนแม่ลูกมาโดยตลอด ดิฉันอดทนเพราะคิดว่าคงเพราะหน้าที่การงานที่ทำให้เค้ายุ่ง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ เอ่ยปากถามถึงว่าอนาคตว่าเราจะจัดการครอบครัวของเราอย่างไร จะดูแลลูกกันอย่างไร และทุกครั้งที่ดิฉันถามแบบนี้เค้าจะต้องไม่พอใจทุกครั้ง จนครั้งสุดท้ายเค้าบอกว่า ... "พี่ทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ขอโทษที่ทำให้เธอมากกว่านี้ไม่ได้ และถ้าเธอจะจากไป ใครก็ห้ามไม่ได้" ... ไม่ว่าดิฉันจะพยายามถามเหตุผลมากขนาดไหนเค้าก็ตอบมาแค่นี้ แค่นี้จริงๆค่ะ ไม่มีที่มาที่ไป
"ดีที่สุด" ของเค้า คือ เดือนนึงโผล่มาเจอหน้าลูกคืนหรือสองคืน ไม่มีติดต่อมาระหว่างที่หายหน้าไป ให้เงินช่วยเลี้ยงดูเดือนละ 10,000 บาท ทั้งๆที่รายได้ตัวเค้าเองเป็นหลักแสนต่อเดือน อ้างว่าต้องดูแลลูกอีกคน ไม่มีเวลาให้ดิฉันและลูกทางนี้ ตอนนั้นดิฉันรู้เลยค่ะว่า "นี่คงเป็นเวรกรรม" ที่ดิฉันไปวุ่นวายกับคนที่มีครอบครัวแล้วไม่ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่ จะมีความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าขึ้นชื่อว่ามีลูกมีเมียก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวจริงๆค่ะ เลยได้ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกและรับสภาพอีกเช่นเคย ไม่เคยโทรถามโทรตามว่าอยู่ที่ไหน ไม่เคยเช็ค Facebook/Line หรือโทรศัพท์เลยแม้จะมีโอกาสเข้ามาก็ตาม และเข้าใจมาตลอดว่าการที่เค้าหายหน้าไปนั้นเพราะไปทำหน้าที่พ่อให้ลูกอีกคน
จนลูกคนโตอายุได้ขวบกว่าๆ วันนั้นดิฉันเดินผ่านโทรศัพท์ของเค้าที่วางไว้แล้วเผอิญมีข้อความที่เป็น sticker line โผล่ขึ้นมาพอดีที่หน้าจอโทรศัพท์ของเค้า sticker ที่เห็นมันแบบที่ไม่ปกติ มีกอดจูบ รูปหัวใจ และอื่นๆอีกสารพัดที่โชว์ขึ้นมา (ณ ตอนนั้น ดิฉันยังไม่รู้เลยค่ะว่า Line ใช้ยังไง) ตอนนั้นตัวชามาก ด้วยสัญชาตญาณก็พอจะรู้เลยค่ะว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยหยิบโทรศัพท์เค้ามาเปิดดูเป็นครั้งแรก คือ ดิฉันไม่เคยใข้ iPhone, Line ก็ไม่เคยเล่น ก็เปิดมั่วๆไปจนพบข้อความที่เค้าคุยกับผู้หญิงคนนึงซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่เค้าเป็นอ.ที่ปรึกษาอยู่ ข้อความในนั้นทำให้ดิฉันสับสน เพราะมันค่อนข้างชัดว่าระหว่างเค้ากับผู้หญิงคนนี้คงมีอะไรที่ไม่ธรรมดา ซักพักเค้าเดินมาเห็นพอดี ดิฉันถามเค้าว่านี่คืออะไร .. เค้ากลับอารมณ์เสียใส่ และบอกว่า ไม่มีอะไร (ทั้งๆที่มันค่อนข้างชัดเจนคาตาซะขนาดนี้) และบอกว่าไม่ให้ดิฉันไปวุ่นวายเรื่องนี้ สุดท้ายภายหลังก็มาถึงบางอ้อว่า ที่หายๆไปนั้น ก็คือมีผู้หญิงอื่นนั่นเอง ....... ตอนนั้นรู้สึกเลยค่ะว่า นี่ก็คือเวรกรรมอีกอย่างที่ได้รับจากการไปยุ่งกับครอบครัวคนอื่น เพราะพอเจอเข้าแบบนี้มันก็ช้ำใจค่ะ ตอนนั้นตัดสินใจแล้วว่า คงต้องจบความสัมพันธ์ลงเพราะเรื่องมีผู้หญิงอื่นเป็นเรื่องที่ดิฉันรับไม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเค้ามีผู้หญิงและลูกอยู่ก่อนแล้วก็ตาม นี่แหละค่ะ ผลกรรมมันมีจริง) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลิกลากันเพราะนึกถึงลูก และเค้าก็ดูเหมือนจะยอมรับผิดและปรับปรุงตัว
หลังจากนั้น สถานการณ์ภายในครอบครัวก็เป็นปกติ ปกติที่ว่าก็คือ ยังคงหายหน้าไป แต่ก็มาหามาดูแลลูกถี่กว่าแต่ก่อน มีบางช่วงที่หายหน้าไปนานไม่มีส่งข่าว แต่ก็ยังกลับมาให้เห็นหน้าบ้าง เป็นแบบนี้สลับกันไปค่ะ และระหว่างนั้นดิฉันก็ไม่เคยก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวเค้า อ้อ ลืมบอกไปค่ะ เค้ามักจะพูดเสมอว่า คนทุกคนต้องมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว ซึ่งดิฉันก็ยอมรับ เชื่อมั้ยคะ ตั้งแต่คบกันมาหลายปี ดิฉันไม่เคยโทรศัพท์หาเค้าเลยซักครั้ง เป็นฝ่ายรอให้เค้าโทรมาเองตลอด และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องส่วนตัวของเค้าถึงแม้จะมีเรื่องผู้หญิงผ่านมาแล้วครั้งนึงก็ตาม และแม้ระหว่างที่อยู่ด้วยกันจะมีเสียง Line (หลังจากเหตุการณ์ผู้หญิงคนแรกผ่านไปดิฉันเล่น Line เลยค่ะ ฮาๆๆๆๆ) เพราะคิดว่า คนที่มีวุฒิภาวะขนาดนี้ การศึกษาระดับนี้ น่าจะสำนึก และรู้ผิดชอบชั่วดี แต่แล้ว..เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ระหว่างที่เราเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน ตกดึกก็มีเสียง Line โผล่มาเหมือนทุกๆครั้ง แต่ครั้งนี้ก็คงเป็นเวรกรรมที่ทำให้ดิฉันเหลือบไปมอง..และเห็นในสิ่งที่นำพามาซึ่งความทุกข์อีกครั้งจนได้ .. มันเหมือนเดจาวูค่ะ คือมีภาพ sticker line โผล่มาหนึ่งอัน ดิฉันตกใจ เค้าก็ตกใจเช่นกัน ก็เลยถามเค้าว่า คืออะไร ขอดูหน่อย เค้าก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู อ้างว่าไม่มีอะไร เค้าก็คุยปกติกับกลุ่มเพื่อนๆ พอจี้เข้าๆและยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องดูให้ได้เพราะเคยมีประวัติมาก่อน เค้าก็เริ่มอารมณ์เสีย (ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้) และเบี่ยงประเด็นว่า "ดิฉันไม่มีความไว้ใจให้เค้าเลย ไม่เชื่อใจเค้า แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร???" และเค้าก็มีลูกสาวเค้าไม่ทำแย่ๆกับผู้หญิงเด็ดขาด เอิ่มแล้วนี่มัน?? ฮาๆๆๆ เค้าสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส กลับมาสั่งสอนดิฉัน จนสุดท้ายดิฉันไม่ยอมก็เลยสามารถเอาโทรศัพท์เค้ามาจนได้ พอเปิดเข้าไปดูก็ไม่โจ่งแจ้งเหมือนคนแรก แต่เราก็ได้กลิ่นแปลกๆ แต่ก็ยังใจเย็นอยู่ค่ะ (แต่ทุกครั้งเวลามีปัญหากันเรื่องผู้หญิง ดิฉันไม่เคยโวยวาย ไม่เคยกรีดร้อง ไม่เคยด่าทอ มีแต่การพูดจาด้วยน้ำเสียงปกติ และแสวงหาเหตุผลและทางออกเสมอ ไม่เคยใช้อารมณ์หรือชวนทะเลาะเลยค่ะ)
จนเค้าหลับไป ดิฉันคิดว่า ครั้งแรกเราไว้ใจมากเกินไป ครั้งนี้ขอเหอะ เอาวะ ก็เลยแอบเปิดโทรศัพท์เค้าระหว่างที่เค้าหลับไปแล้ว เค้าไปเช็คก็พบว่าเค้าคุยกับผู้หญิงคนนี้ใน Facebook ด้วย ดิฉันเลย add friend ผู้หญิงคนนี้ทันที และซักพัก ผู้หญิงคนนี้ก็ inbox มาหาสามีดิฉันว่า นี่คืออะไร ทำไมดิฉันถึง add friend ไป และบอกอีกว่า "ไหนบอกว่าเลิกกันไปแล้ว" .... ทันทีที่เห็นข้อความนี้ ดิฉันนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งแรกที่ดิฉันได้พบกับเค้า ก็รู้ชัดทันทีว่า นี่คือกรรม เวรกรรมจากการทำผิดศีล เพราะเค้าเคยบอกกับดิฉันเมื่อตอนที่คบกันว่า กำลังมีปัญหากันอยู่ และบอกว่าสุดท้ายเค้าเลิกกับภรรยาเค้าแล้ว (และไม่ได้จดทะเบียน) ..... กับผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน คงได้รับข้อมูลมาเหมือนกับที่ดิฉันเคยได้รับ และทำให้ดิฉันมองย้อนไปว่า ณ เวลานั้น ภรรยาของเค้าหากเค้าทราบเรื่องก็คงรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากดิฉันที่รู้สึกอยู่ ณ เวลานี้
ดิฉันตัดสินใจตอบ inbox ผู้หญิงคนนั้นไป โดยใช้ account ของสามี บอกเธอว่า เธอคงได้รับข้อมูลมาผิด เพราะดิฉันกับสามียังอยู่ด้วยกันปกติ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฝ่ายหญิงตกใจ พร้อมบอกว่า เค้าเป็นผู้หญิงที่มาจากครอบครัวดี การศึกษาดี เค้าไม่ทำเรื่องผิดๆแบบนี้ แล้วก็บอกว่าต่อจากนี้ไปจะยุ่งกับสามีดิฉันอีก
หลังจากวันที่คุยกันทาง Facebook ดิฉันก็ทราบมาว่า ผู้หญิงคนนี้ คือ ลูกศิษย์ที่กำลังเรียนปริญญาโทของเค้า และเค้าก็เป็นอ.ที่ปรึกษาให้ คือ.... นี่มันคืออะไรคะ สมภารรับประทานไก่วัดหรือคะ คนอายุมากขนาดนี้แล้ว และเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่แยกแยะผิดถูก ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะอายุ 25-26 ขณะที่เค้าอีกปีสองปีก็เกษียณแล้ว ..... นึกในใจแบบนี้ค่ะ และก็มาสะอึกว่า เอ้อ ... ไอเรา ณ ตอนนั้นก็ไม่ต่างกันกับผู้หญิงคนนี้ ทำไม ณ ตอนนั้นถึงคิดไม่ได้ว่า วัยวุฒิและคุณวุฒิมันไม่เหมาะสมกัน
หลังจากเกิดเรื่อง ดิฉันก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า เค้าคงแค่คุยกันเฉยๆ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรมามัดว่ามีความสัมพันธ์กัน อีกอย่าง ผู้หญิงก็เด็กคราวลูก ส่วนตัวเค้าก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอารมณ์เหมือนว่ากำลังสอนนักศึกษาอยู่ว่า เค้ามีลูกสาว มีน้องสาว เค้าไม่ทำไม่ดีกับผู้หญิงหรอก และกับผู้หญิงคนนี้ก็ "ไม่มีอะไร"
เหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือน ดิฉันสบโอกาสมีจังหวะดีทำให้สามารถแอบเข้าไป hack line ของเค้า คราวนี้ก็ทราบทุกอย่าง ทุกเรื่องที่เค้าคุยกับผู้หญิงทุกคน และพบว่าใน Line ของผู้หญิงคนล่าสุดได้ update ว่าตัวเค้าอยู่กับสามีดิฉันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด และข้อความอื่นๆอีกมาก แต่ดิฉันก็สะกดใจค่ะ คือ มองดูอยู่ห่างๆ อย่างใกล้ชิด เอ๊ะ.. อะไรยังไง ฮาๆๆๆ และพบว่าหลังๆเค้าก็เริ่มห่างหายกันไป คือ ไม่ค่อย Line หากัน ข้อความที่ Line ก็แค่ทักทายปกติ
ต่อมาดิฉันตั้งท้องลูกคนที่สองได้ประมาณ 6 อาทิตย์ ก็มาเจอระเบิดลูกเบ้อเริ่มเข้าอีกจนได้ นี่แหละค่ะ อึกหนึ่งผลกรรมของการไปผิดลูกผิดผัวคนอื่น เช้าวันนึง ขณะที่ตัวเค้าอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกที่ดิฉันไม่ทราบ แต่เค้าคุย Line กับผู้หญิงคนใหม่ ผู้หญิงทักว่า "พี่คะเป็นยังไงบ้าง มีแรงเหลือพอให้หนูมั้ยคะ ???" และอีกหลายข้อความโต้ตอบกัน ด้วยสัญชาตญาณมันรู้ได้เลยค่ะว่า "มันเอาอีกแล้ว" .....
ประสบการณ์เตือนผู้หญิงด้วยกัน เวรกรรมจากการผิดลูกผิดผัว
ดิฉันเป็นคุณแม่ลูกสองค่ะ คนโตอายุใกล้จะ 3 ขวบแล้ว ส่วนคนเล็กอยู่ในท้องได้ 4 เดือนแล้วค่ะ ดิฉันไม่ได้แต่งงานกับพ่อของลูก แต่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 5 ปีแล้ว พ่อของลูกอายุแก่กว่าดิฉัน 26 ปี ตอนนี้อยู่ในวัยใกล้เกษียณเต็มทน พ่อของลูกมีหน้าตาทางสังคมที่ดี ได้ทุนกพ.จนจบดร.จากอเมริกา มีตำแหน่งทางวิชาการระดับ รศ. มีลักษณะการพูดจาที่ดูน่าเชื่อถือ ชอบอ่านหนังสือธรรมะ ปลูกต้นไม้ รักธรรมชาติ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้การันตีความเป็นมนุษย์ที่ดีได้ทั้งหมด หรือแม้กระทั่งจะมั่นใจได้ว่าเค้าจะเป็นสามีและพ่อของลูกที่ดีเลยค่ะ ส่วนตัวดิฉัน จบปริญญาโท ก็มีหน้าที่การงานที่ดี เงินเดือนแสนกว่า มีคนนับหน้าถือตาในสังคมเช่นกัน ณ ตอนนั้นรู้สึกว่า เราเจอคนในระดับที่เหมาะสมและน่าจะสร้างครอบครัวที่ดีร่วมกันได้ เลยเป็นที่มาของเรื่องราวและเวรกรรมทั้งหมดที่จะนำมาแชร์ให้ฟังกันค่ะ
แรกๆที่ดิฉันรู้จักกับเค้า เค้าให้ข้อมูลดิฉันว่า เค้าเคยมีภรรยาและลูกแต่ได้จดทะเบียนหย่ากันไปเรียบร้อยแล้ว (ดิฉันเช็คแล้วว่าเป็นตามนั้นจริงๆ) และตอนนี้ก็มีลูกกับผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้จดทะเบียนด้วยกัน แต่ตอนนี้ "กำลังมีปัญหากัน" ไม่มีความสัมพันธ์แบบผัวเมีย แต่ทนอยู่เพื่อทำหน้าที่ "พ่อ" และตอนนี้เค้าพร้อมที่จะมองหาความรักและความจริงใจจากใครซักคน
ยอมรับเลยค่ะ ณ ตอนนั้น ด้วยความชื่นชมในหน้าที่การงานของเค้าบวกกับภาพลักษณ์และการเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ดิฉัน ณ ตอนนั้น ทำให้ดิฉันมองข้ามสถานภาพของเค้าไป เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และเปิดโอกาสให้เค้าดูแลลูกตามที่เค้าต้องการ นอกเหนือจากนั้นหากมีเวลาก็อยู่ด้วยกันบ้าง ตามประสาคนไม่มีประสบการณ์และไม่นึกจะสืบเสาะความจริงอื่นใดไปมากกว่าที่เค้าบอก เค้าดูแลดี ใส่ใจและแสดงให้เห็นว่าเค้าจริงใจกับเรา พาไปพบแม่ และอีกสารพัดที่คู่รักใหม่ๆจะทำให้กัน ตอนนั้นมีความสุขมากค่ะอารมณ์ก็น่าจะเหมือนกับทุกคู่นะคะ คือมองอะไรก็สวยงามไปหมด เราเห็นแต่ความดีของเขาจนมองข้ามเรื่องความต่างของวัย เรื่องสถานภาพของเค้าไปอย่างสิ้นเชิง ดิฉันไว้ใจเชื่อใจและไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าคนที่มีพื้นฐานทางสังคมดีเช่นนี้จะมีนิสัยโกหกหน้าตายซ้ำซาและเจ้าชู้ได้มากถึงเพียงนี้
อยู่ไปด้วยกันซักพัก ดิฉันก็ท้องค่ะ แต่ระหว่างที่เราคบหากัน เค้าก็ไม่ได้มาอยู่กับดิฉันตลอดเวลานะคะ คือมาบ้างไม่มาบ้าง แต่เราก็ซื้ออสังหาริมทรัพย์และลงทุนอะไรนิดๆหน่อยๆด้วยกัน เค้าให้เหตุผลว่าเค้ายังต้องมีเวลาเพื่อดูแลลูกของเค้าซึ่งเราก็เข้าใจและรับสภาพและเค้าก็ให้สัญญาว่าจะทำเรื่องวุ่นวายในครอบครัวเก่าเค้าให้จบก่อนที่ดิฉันจะคลอดลูก ตลอดระยะเวลาที่อุ้มท้องลูกคนแรกดิฉันอยู่คนเดียวตามลำพังเป็นส่วนใหญ่ ดูแลตัวเองคนเดียวมาโดยตลอด ส่วนเค้าเองก็ยังปฎิบัติตัวเช่นเดิม คือ มาบ้างไม่มาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะหายหน้าไป แต่ด้วยความที่ดิฉันยึดมั่นและเชื่อมั่นในคำพูดที่เค้าให้สัญญา ก็เลยอดทนมาโดยตลอด อดทนว่าอนาคตข้างหน้าจะได้มีโอกาสสร้างครอบครัวที่ดีกับเค้า เหมือนอย่างที่เค้ากรอกหูให้ฟังทุกครั้งที่เจอกัน
จนกระทั่งดิฉันคลอด สองเดือนแรกดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดี เค้าดูแลเอาใจใส่ แต่หลังจากนั้นก็เปลี่ยนไป เค้าหายหน้าไป เริ่มจากหายไปสองสามวัน มาเป็น อาทิตย์ และสุดท้ายบางครั้งหายไปเป็นเดือนสองเดือน ไม่มีโทรศัพท์ส่งข่าว แต่ก็เห็นเค้าโพส Facebook ตลอดเวลา ดิฉันเลี้ยงลูกคนเดียว อยู่กันสองคนแม่ลูก บางครั้งก็มีคุณยายมาช่วยเลี้ยงแต่ด้วยข้อจำกัดว่าคุณยายก็ต้องทำงานเช่นกัน เลยทำให้ต้องอยู่กันลำพังสองคนแม่ลูกมาโดยตลอด ดิฉันอดทนเพราะคิดว่าคงเพราะหน้าที่การงานที่ทำให้เค้ายุ่ง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ เอ่ยปากถามถึงว่าอนาคตว่าเราจะจัดการครอบครัวของเราอย่างไร จะดูแลลูกกันอย่างไร และทุกครั้งที่ดิฉันถามแบบนี้เค้าจะต้องไม่พอใจทุกครั้ง จนครั้งสุดท้ายเค้าบอกว่า ... "พี่ทำได้ดีที่สุดแค่นี้ ขอโทษที่ทำให้เธอมากกว่านี้ไม่ได้ และถ้าเธอจะจากไป ใครก็ห้ามไม่ได้" ... ไม่ว่าดิฉันจะพยายามถามเหตุผลมากขนาดไหนเค้าก็ตอบมาแค่นี้ แค่นี้จริงๆค่ะ ไม่มีที่มาที่ไป
"ดีที่สุด" ของเค้า คือ เดือนนึงโผล่มาเจอหน้าลูกคืนหรือสองคืน ไม่มีติดต่อมาระหว่างที่หายหน้าไป ให้เงินช่วยเลี้ยงดูเดือนละ 10,000 บาท ทั้งๆที่รายได้ตัวเค้าเองเป็นหลักแสนต่อเดือน อ้างว่าต้องดูแลลูกอีกคน ไม่มีเวลาให้ดิฉันและลูกทางนี้ ตอนนั้นดิฉันรู้เลยค่ะว่า "นี่คงเป็นเวรกรรม" ที่ดิฉันไปวุ่นวายกับคนที่มีครอบครัวแล้วไม่ว่าจะจดทะเบียนหรือไม่ จะมีความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมียอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าขึ้นชื่อว่ามีลูกมีเมียก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวจริงๆค่ะ เลยได้ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกและรับสภาพอีกเช่นเคย ไม่เคยโทรถามโทรตามว่าอยู่ที่ไหน ไม่เคยเช็ค Facebook/Line หรือโทรศัพท์เลยแม้จะมีโอกาสเข้ามาก็ตาม และเข้าใจมาตลอดว่าการที่เค้าหายหน้าไปนั้นเพราะไปทำหน้าที่พ่อให้ลูกอีกคน
จนลูกคนโตอายุได้ขวบกว่าๆ วันนั้นดิฉันเดินผ่านโทรศัพท์ของเค้าที่วางไว้แล้วเผอิญมีข้อความที่เป็น sticker line โผล่ขึ้นมาพอดีที่หน้าจอโทรศัพท์ของเค้า sticker ที่เห็นมันแบบที่ไม่ปกติ มีกอดจูบ รูปหัวใจ และอื่นๆอีกสารพัดที่โชว์ขึ้นมา (ณ ตอนนั้น ดิฉันยังไม่รู้เลยค่ะว่า Line ใช้ยังไง) ตอนนั้นตัวชามาก ด้วยสัญชาตญาณก็พอจะรู้เลยค่ะว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลยหยิบโทรศัพท์เค้ามาเปิดดูเป็นครั้งแรก คือ ดิฉันไม่เคยใข้ iPhone, Line ก็ไม่เคยเล่น ก็เปิดมั่วๆไปจนพบข้อความที่เค้าคุยกับผู้หญิงคนนึงซึ่งมาทราบภายหลังว่าเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่เค้าเป็นอ.ที่ปรึกษาอยู่ ข้อความในนั้นทำให้ดิฉันสับสน เพราะมันค่อนข้างชัดว่าระหว่างเค้ากับผู้หญิงคนนี้คงมีอะไรที่ไม่ธรรมดา ซักพักเค้าเดินมาเห็นพอดี ดิฉันถามเค้าว่านี่คืออะไร .. เค้ากลับอารมณ์เสียใส่ และบอกว่า ไม่มีอะไร (ทั้งๆที่มันค่อนข้างชัดเจนคาตาซะขนาดนี้) และบอกว่าไม่ให้ดิฉันไปวุ่นวายเรื่องนี้ สุดท้ายภายหลังก็มาถึงบางอ้อว่า ที่หายๆไปนั้น ก็คือมีผู้หญิงอื่นนั่นเอง ....... ตอนนั้นรู้สึกเลยค่ะว่า นี่ก็คือเวรกรรมอีกอย่างที่ได้รับจากการไปยุ่งกับครอบครัวคนอื่น เพราะพอเจอเข้าแบบนี้มันก็ช้ำใจค่ะ ตอนนั้นตัดสินใจแล้วว่า คงต้องจบความสัมพันธ์ลงเพราะเรื่องมีผู้หญิงอื่นเป็นเรื่องที่ดิฉันรับไม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าเค้ามีผู้หญิงและลูกอยู่ก่อนแล้วก็ตาม นี่แหละค่ะ ผลกรรมมันมีจริง) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลิกลากันเพราะนึกถึงลูก และเค้าก็ดูเหมือนจะยอมรับผิดและปรับปรุงตัว
หลังจากนั้น สถานการณ์ภายในครอบครัวก็เป็นปกติ ปกติที่ว่าก็คือ ยังคงหายหน้าไป แต่ก็มาหามาดูแลลูกถี่กว่าแต่ก่อน มีบางช่วงที่หายหน้าไปนานไม่มีส่งข่าว แต่ก็ยังกลับมาให้เห็นหน้าบ้าง เป็นแบบนี้สลับกันไปค่ะ และระหว่างนั้นดิฉันก็ไม่เคยก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวเค้า อ้อ ลืมบอกไปค่ะ เค้ามักจะพูดเสมอว่า คนทุกคนต้องมีพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว ซึ่งดิฉันก็ยอมรับ เชื่อมั้ยคะ ตั้งแต่คบกันมาหลายปี ดิฉันไม่เคยโทรศัพท์หาเค้าเลยซักครั้ง เป็นฝ่ายรอให้เค้าโทรมาเองตลอด และไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องส่วนตัวของเค้าถึงแม้จะมีเรื่องผู้หญิงผ่านมาแล้วครั้งนึงก็ตาม และแม้ระหว่างที่อยู่ด้วยกันจะมีเสียง Line (หลังจากเหตุการณ์ผู้หญิงคนแรกผ่านไปดิฉันเล่น Line เลยค่ะ ฮาๆๆๆๆ) เพราะคิดว่า คนที่มีวุฒิภาวะขนาดนี้ การศึกษาระดับนี้ น่าจะสำนึก และรู้ผิดชอบชั่วดี แต่แล้ว..เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ระหว่างที่เราเดินทางไปต่างประเทศด้วยกัน ตกดึกก็มีเสียง Line โผล่มาเหมือนทุกๆครั้ง แต่ครั้งนี้ก็คงเป็นเวรกรรมที่ทำให้ดิฉันเหลือบไปมอง..และเห็นในสิ่งที่นำพามาซึ่งความทุกข์อีกครั้งจนได้ .. มันเหมือนเดจาวูค่ะ คือมีภาพ sticker line โผล่มาหนึ่งอัน ดิฉันตกใจ เค้าก็ตกใจเช่นกัน ก็เลยถามเค้าว่า คืออะไร ขอดูหน่อย เค้าก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ดู อ้างว่าไม่มีอะไร เค้าก็คุยปกติกับกลุ่มเพื่อนๆ พอจี้เข้าๆและยืนยันหนักแน่นว่าจะต้องดูให้ได้เพราะเคยมีประวัติมาก่อน เค้าก็เริ่มอารมณ์เสีย (ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้) และเบี่ยงประเด็นว่า "ดิฉันไม่มีความไว้ใจให้เค้าเลย ไม่เชื่อใจเค้า แล้วเราจะอยู่กันได้อย่างไร???" และเค้าก็มีลูกสาวเค้าไม่ทำแย่ๆกับผู้หญิงเด็ดขาด เอิ่มแล้วนี่มัน?? ฮาๆๆๆ เค้าสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส กลับมาสั่งสอนดิฉัน จนสุดท้ายดิฉันไม่ยอมก็เลยสามารถเอาโทรศัพท์เค้ามาจนได้ พอเปิดเข้าไปดูก็ไม่โจ่งแจ้งเหมือนคนแรก แต่เราก็ได้กลิ่นแปลกๆ แต่ก็ยังใจเย็นอยู่ค่ะ (แต่ทุกครั้งเวลามีปัญหากันเรื่องผู้หญิง ดิฉันไม่เคยโวยวาย ไม่เคยกรีดร้อง ไม่เคยด่าทอ มีแต่การพูดจาด้วยน้ำเสียงปกติ และแสวงหาเหตุผลและทางออกเสมอ ไม่เคยใช้อารมณ์หรือชวนทะเลาะเลยค่ะ)
จนเค้าหลับไป ดิฉันคิดว่า ครั้งแรกเราไว้ใจมากเกินไป ครั้งนี้ขอเหอะ เอาวะ ก็เลยแอบเปิดโทรศัพท์เค้าระหว่างที่เค้าหลับไปแล้ว เค้าไปเช็คก็พบว่าเค้าคุยกับผู้หญิงคนนี้ใน Facebook ด้วย ดิฉันเลย add friend ผู้หญิงคนนี้ทันที และซักพัก ผู้หญิงคนนี้ก็ inbox มาหาสามีดิฉันว่า นี่คืออะไร ทำไมดิฉันถึง add friend ไป และบอกอีกว่า "ไหนบอกว่าเลิกกันไปแล้ว" .... ทันทีที่เห็นข้อความนี้ ดิฉันนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งแรกที่ดิฉันได้พบกับเค้า ก็รู้ชัดทันทีว่า นี่คือกรรม เวรกรรมจากการทำผิดศีล เพราะเค้าเคยบอกกับดิฉันเมื่อตอนที่คบกันว่า กำลังมีปัญหากันอยู่ และบอกว่าสุดท้ายเค้าเลิกกับภรรยาเค้าแล้ว (และไม่ได้จดทะเบียน) ..... กับผู้หญิงคนนี้ก็คงไม่ต่างกัน คงได้รับข้อมูลมาเหมือนกับที่ดิฉันเคยได้รับ และทำให้ดิฉันมองย้อนไปว่า ณ เวลานั้น ภรรยาของเค้าหากเค้าทราบเรื่องก็คงรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างจากดิฉันที่รู้สึกอยู่ ณ เวลานี้
ดิฉันตัดสินใจตอบ inbox ผู้หญิงคนนั้นไป โดยใช้ account ของสามี บอกเธอว่า เธอคงได้รับข้อมูลมาผิด เพราะดิฉันกับสามียังอยู่ด้วยกันปกติ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ฝ่ายหญิงตกใจ พร้อมบอกว่า เค้าเป็นผู้หญิงที่มาจากครอบครัวดี การศึกษาดี เค้าไม่ทำเรื่องผิดๆแบบนี้ แล้วก็บอกว่าต่อจากนี้ไปจะยุ่งกับสามีดิฉันอีก
หลังจากวันที่คุยกันทาง Facebook ดิฉันก็ทราบมาว่า ผู้หญิงคนนี้ คือ ลูกศิษย์ที่กำลังเรียนปริญญาโทของเค้า และเค้าก็เป็นอ.ที่ปรึกษาให้ คือ.... นี่มันคืออะไรคะ สมภารรับประทานไก่วัดหรือคะ คนอายุมากขนาดนี้แล้ว และเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่แยกแยะผิดถูก ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะอายุ 25-26 ขณะที่เค้าอีกปีสองปีก็เกษียณแล้ว ..... นึกในใจแบบนี้ค่ะ และก็มาสะอึกว่า เอ้อ ... ไอเรา ณ ตอนนั้นก็ไม่ต่างกันกับผู้หญิงคนนี้ ทำไม ณ ตอนนั้นถึงคิดไม่ได้ว่า วัยวุฒิและคุณวุฒิมันไม่เหมาะสมกัน
หลังจากเกิดเรื่อง ดิฉันก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า เค้าคงแค่คุยกันเฉยๆ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรมามัดว่ามีความสัมพันธ์กัน อีกอย่าง ผู้หญิงก็เด็กคราวลูก ส่วนตัวเค้าก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอารมณ์เหมือนว่ากำลังสอนนักศึกษาอยู่ว่า เค้ามีลูกสาว มีน้องสาว เค้าไม่ทำไม่ดีกับผู้หญิงหรอก และกับผู้หญิงคนนี้ก็ "ไม่มีอะไร"
เหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือน ดิฉันสบโอกาสมีจังหวะดีทำให้สามารถแอบเข้าไป hack line ของเค้า คราวนี้ก็ทราบทุกอย่าง ทุกเรื่องที่เค้าคุยกับผู้หญิงทุกคน และพบว่าใน Line ของผู้หญิงคนล่าสุดได้ update ว่าตัวเค้าอยู่กับสามีดิฉันที่โรงแรมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด และข้อความอื่นๆอีกมาก แต่ดิฉันก็สะกดใจค่ะ คือ มองดูอยู่ห่างๆ อย่างใกล้ชิด เอ๊ะ.. อะไรยังไง ฮาๆๆๆ และพบว่าหลังๆเค้าก็เริ่มห่างหายกันไป คือ ไม่ค่อย Line หากัน ข้อความที่ Line ก็แค่ทักทายปกติ
ต่อมาดิฉันตั้งท้องลูกคนที่สองได้ประมาณ 6 อาทิตย์ ก็มาเจอระเบิดลูกเบ้อเริ่มเข้าอีกจนได้ นี่แหละค่ะ อึกหนึ่งผลกรรมของการไปผิดลูกผิดผัวคนอื่น เช้าวันนึง ขณะที่ตัวเค้าอยู่ที่ไหนซักแห่งบนโลกที่ดิฉันไม่ทราบ แต่เค้าคุย Line กับผู้หญิงคนใหม่ ผู้หญิงทักว่า "พี่คะเป็นยังไงบ้าง มีแรงเหลือพอให้หนูมั้ยคะ ???" และอีกหลายข้อความโต้ตอบกัน ด้วยสัญชาตญาณมันรู้ได้เลยค่ะว่า "มันเอาอีกแล้ว" .....