จากตอนที่แล้ว เราอยู่ฝั่งตะวันออกของเทือกเขาร๊อคกี้ บริเวณ Columbia Valley ซึ่งเป็นจุดที่ชมวิวภูเขา 2 ฝั่งทั้ง BC Kootenay และ Rocky Mountains หรือที่เรียกว่า The Valley of a Thousand Peaks
http://bit.ly/1000peaks
เรากระโดดข้ามฝั่งมาชมเทือกเขาร๊อคกี้ฝั่งจังหวัด Alberta กันค่ะ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้ที่เดินทางมาแคนาดา นั่นคือ อุทยานแห่งชาติ Banff (Banff National Park)
หากเดินทางมาจาก Columbia Valley จะใช้เส้นทางหลัก 2 เส้นคือ Hwy1 จากเมือง Golden ผ่านอุทยานแห่งชาติ Yoho มาเข้าอุทยานฯ Banff บริเวณ Lake Louise หรือใช้อีกเส้นทางหนึ่งคือมาจาก Radium Hot Springs ผ่านเส้นทาง Hwy93 S (south) มาตัดกับ Hwy1 เข้าอุทยานฯ Banff ที่บริเวณ Castle Mountain ภูเขารูปปราสาทในเทพนิยายค่ะ ทั้ง 2 เส้นทางผ่านจุดท่องเที่ยวจำนวนมาก จะขอรีวิวในโอกาสต่อไปค่ะ แต่วันนี้เราจะไปตั้งต้นกันที่ Banff Town ก่อนค่ะ
(ภาพ Castle Mountain มองเห็นได้ชัดเจนทั้งจาก Hwy93S และ Hwy1)
อีกเส้นทางที่นักท่องเที่ยวเดินทางมามากกว่า 2 ทางเมื่อกี้คือลงสนามบินที่ Calgary แล้วขึ้นเหนือมาค่ะ จะเริ่มเห็นภูเขาสวยๆแถวเมือง Canmore ค่ะ แต่เราจะเลยมาก่อนนะคะ ไปเที่ยวกันวันต่อไปค่ะ มาเจอด่านขายบัตรเข้าอุทยานค่ะ แสดงว่ามาถึง Banff แล้ว มีช่องขวาสุดจะไม่ต้องซื้อบัตรค่ะ สำหรับผู้เดินทางผ่านเส้นทางเฉยๆโดยไม่หยุดท่องเที่ยว ส่วนการเข้าพักในโรงแรมใดๆ ในเขตอุทยานฯ หรือแวะช๊อปปิ้ง แม้จะไม่ออกไปเที่ยวชมสถานที่ ถือว่าได้หยุดพักเที่ยวแล้วค่ะ ต้องซื้อบัตรเหมือนกันค่ะ
ด่านมี 4 จุด ถ้าเราซื้อบัตรมาแล้วจากด้านอื่นคือ Radium Hot Springs, Jasper National Park, David Thomson Hwy 11 ถ้าบัตรยังไม่หมดอายุ (ซื้อแบบวันเดียวหรือรายปี) ก็ไม่ต้องซื้ออีกค่ะ จุดนี้ใหญ่ที่สุดค่ะ บางจุดมีแค่ 1 หรือ 2 ซุ้มเท่านั้น แสดงว่านักท่องเที่ยวมาจากทางด้านเมือง Calgary มากที่สุด
หากไม่ซื้อบัตรเข้าชมอุทยานฯจะเจอแบบนี้เตือนเรื่อยๆค่ะ
ซื้อมาแล้วติดไว้หน้ารถค่ะ แต่ไม่เคยเห็นคนตรวจค่ะ ยกเว้นสถานที่ท่องเที่ยวบางจุดเขาขอดูว่าว่าบัตรหมดอายุหรือยัง โดยเฉพาะในฤดูร้อนค่ะ
อุทยานแห่งชาติ Banff เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของแคนาดา และเป็นลำดับที่สามของโลก (1885) อยู่ริมเส้นทาง Hwy 1 มีเมืองสำคัญ 2 แห่ง คือ Banff และ Lake Louise โดย Banff National Park เป็น 1 ใน 4 แห่งของอุทยานฯที่ประกอบรวมกันเป็น Canadian Rocky Mountain Parks UNESCO World Heritage Site (อุทยานฯทั้ง 4 คือ Banff, Jasper, Kootenay และ Yoho)
นอกจากวิวภูเขา จะเจอสะพานลอยแบบนี้ค่ะ แต่ไม่ได้ให้คนข้าม Hwy นะคะ ไม่เคยเห็นใครเดินข้ามถนนเลยค่ะ
สะพานนี้ หากมองบนสะพานจะดูเหมือนเป็นพื้นป่าปกติ เพราะคือ World Safest Highway ที่แคนาดาลงทุนนับล้านเหรียญ สร้างเพื่อให้สัตว์ป่าเดินข้าม เป็นการรักษาพันธุ์สัตว์ป่าให้ไม่ถูกจำกัดบริเวณ เนื่องจากการตัดถนนแบ่งเขตอุทยานฯเป็นสองฝั่งค่ะ ลงทุนแล้วก็มีการตรวจเช็คค่ะ พบว่าได้ผลเนื่องจากแต่ละปีมีสัตว์ป่าเดินข้ามสะพานนี้เป็นจำนวนไม่น้อย
เมื่อเห็นภูเขา Rundle แสดงว่ากำลังจะเข้าเมืองค่ะ โบรชัวร์แนะนำ Banff ต้องมีรูปนี้ค่ะ ดังนั้นไปถึง Banff อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับภูเขา Rundle นะคะ มีจุดที่จะถ่ายได้อยู่หลายแห่ง แต่มุมนี้นิยมมากที่สุด
จุดชมวิวนี้อยู่ริมถนนเลยค่ะ มีห้องน้ำ มีป้าย information ที่จอดรถกว้างขวาง เพราะใครผ่านมาก็จอดรถกันค่ะ
รูปจุดชมวิว Mt.Rundle เมื่อสักครู่ค่ะ มีหลายภูเขานะคะ แวะจุดเดียวชมภูเขาหลายลูกค่ะ มีป้ายบอกชื่อหมดค่ะ
หากยืนตรงจุดชมวิวนี้จะเห็นว่า ข้างล่างเป็นทะเลสาบ ซึ่งมีชื่อว่า Vermillion Lake มองข้ามทะเลสาบไปมองเห็นจุดๆเคลื่อนที่ได้จำนวนมาก เอากล้องถ่ายรูปที่มีฟังก์ชันอันน้อยนิดซูมถ่ายรูปมา ปรากฏว่าเป็นฝุงกวาง คิดว่านับร้อยๆตัวค่ะ เกลื่อนไปหมด
Banff เป็นเมืองเก่าแก่ สร้างเมื่อมีการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟ Trans Canada Highway (Hwy1) มีขนาดเมืองไม่ใหญ่ มีประชากรเพียง 7 พันกว่าคน คนต่างถิ่นมาทำงานประมาณ 1 พันคน แต่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละถึง 3 ล้านคน เนื่องจากมีการจำกัดขนาดเมือง คนที่จะมาศัยอยู่ที่นี่จะต้องอยู่ประจำและทำงานที่นี่ ไม่อนุญาตให้สร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือมาอยู่เพียงชั่วคราว ก่อนจะเข้าเมืองลองเลี้ยวซ้ายขึ้นไปประมาณ 5 กม.บนภูเขา Norquay จะมีจุดที่ชมเมือง Banff ทั่วทั้งเมืองค่ะ หากเป็นฤดูหนาว ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นมาบนเขานี้ เพราะเป็นที่เล่นสกีค่ะ ขึ้นไปชมได้ค่ะใกล้ๆแล้วค่ะ แต่นอกฤดูก็ไม่เห็นอะไรค่ะ
ลงจากเขา Norquay มาแล้ว ตรงเข้าเมืองเลยค่ะ เดี๋ยวมาต่อ
*** ไปค้นภาพ Lake Louise แล้วเจอของ Banff อีกหลายภาพ แต่เอาไป update ไว้ใน blog ค่ะ
ตามไปชมกันค่ะที่
http://bit.ly/2Banff
[CR] Canada Rockies...ตอนอุทยานแห่งชาติ Banff
http://bit.ly/1000peaks
เรากระโดดข้ามฝั่งมาชมเทือกเขาร๊อคกี้ฝั่งจังหวัด Alberta กันค่ะ ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้ที่เดินทางมาแคนาดา นั่นคือ อุทยานแห่งชาติ Banff (Banff National Park)
หากเดินทางมาจาก Columbia Valley จะใช้เส้นทางหลัก 2 เส้นคือ Hwy1 จากเมือง Golden ผ่านอุทยานแห่งชาติ Yoho มาเข้าอุทยานฯ Banff บริเวณ Lake Louise หรือใช้อีกเส้นทางหนึ่งคือมาจาก Radium Hot Springs ผ่านเส้นทาง Hwy93 S (south) มาตัดกับ Hwy1 เข้าอุทยานฯ Banff ที่บริเวณ Castle Mountain ภูเขารูปปราสาทในเทพนิยายค่ะ ทั้ง 2 เส้นทางผ่านจุดท่องเที่ยวจำนวนมาก จะขอรีวิวในโอกาสต่อไปค่ะ แต่วันนี้เราจะไปตั้งต้นกันที่ Banff Town ก่อนค่ะ
(ภาพ Castle Mountain มองเห็นได้ชัดเจนทั้งจาก Hwy93S และ Hwy1)
อีกเส้นทางที่นักท่องเที่ยวเดินทางมามากกว่า 2 ทางเมื่อกี้คือลงสนามบินที่ Calgary แล้วขึ้นเหนือมาค่ะ จะเริ่มเห็นภูเขาสวยๆแถวเมือง Canmore ค่ะ แต่เราจะเลยมาก่อนนะคะ ไปเที่ยวกันวันต่อไปค่ะ มาเจอด่านขายบัตรเข้าอุทยานค่ะ แสดงว่ามาถึง Banff แล้ว มีช่องขวาสุดจะไม่ต้องซื้อบัตรค่ะ สำหรับผู้เดินทางผ่านเส้นทางเฉยๆโดยไม่หยุดท่องเที่ยว ส่วนการเข้าพักในโรงแรมใดๆ ในเขตอุทยานฯ หรือแวะช๊อปปิ้ง แม้จะไม่ออกไปเที่ยวชมสถานที่ ถือว่าได้หยุดพักเที่ยวแล้วค่ะ ต้องซื้อบัตรเหมือนกันค่ะ
ด่านมี 4 จุด ถ้าเราซื้อบัตรมาแล้วจากด้านอื่นคือ Radium Hot Springs, Jasper National Park, David Thomson Hwy 11 ถ้าบัตรยังไม่หมดอายุ (ซื้อแบบวันเดียวหรือรายปี) ก็ไม่ต้องซื้ออีกค่ะ จุดนี้ใหญ่ที่สุดค่ะ บางจุดมีแค่ 1 หรือ 2 ซุ้มเท่านั้น แสดงว่านักท่องเที่ยวมาจากทางด้านเมือง Calgary มากที่สุด
หากไม่ซื้อบัตรเข้าชมอุทยานฯจะเจอแบบนี้เตือนเรื่อยๆค่ะ
ซื้อมาแล้วติดไว้หน้ารถค่ะ แต่ไม่เคยเห็นคนตรวจค่ะ ยกเว้นสถานที่ท่องเที่ยวบางจุดเขาขอดูว่าว่าบัตรหมดอายุหรือยัง โดยเฉพาะในฤดูร้อนค่ะ
อุทยานแห่งชาติ Banff เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของแคนาดา และเป็นลำดับที่สามของโลก (1885) อยู่ริมเส้นทาง Hwy 1 มีเมืองสำคัญ 2 แห่ง คือ Banff และ Lake Louise โดย Banff National Park เป็น 1 ใน 4 แห่งของอุทยานฯที่ประกอบรวมกันเป็น Canadian Rocky Mountain Parks UNESCO World Heritage Site (อุทยานฯทั้ง 4 คือ Banff, Jasper, Kootenay และ Yoho)
นอกจากวิวภูเขา จะเจอสะพานลอยแบบนี้ค่ะ แต่ไม่ได้ให้คนข้าม Hwy นะคะ ไม่เคยเห็นใครเดินข้ามถนนเลยค่ะ
สะพานนี้ หากมองบนสะพานจะดูเหมือนเป็นพื้นป่าปกติ เพราะคือ World Safest Highway ที่แคนาดาลงทุนนับล้านเหรียญ สร้างเพื่อให้สัตว์ป่าเดินข้าม เป็นการรักษาพันธุ์สัตว์ป่าให้ไม่ถูกจำกัดบริเวณ เนื่องจากการตัดถนนแบ่งเขตอุทยานฯเป็นสองฝั่งค่ะ ลงทุนแล้วก็มีการตรวจเช็คค่ะ พบว่าได้ผลเนื่องจากแต่ละปีมีสัตว์ป่าเดินข้ามสะพานนี้เป็นจำนวนไม่น้อย
เมื่อเห็นภูเขา Rundle แสดงว่ากำลังจะเข้าเมืองค่ะ โบรชัวร์แนะนำ Banff ต้องมีรูปนี้ค่ะ ดังนั้นไปถึง Banff อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับภูเขา Rundle นะคะ มีจุดที่จะถ่ายได้อยู่หลายแห่ง แต่มุมนี้นิยมมากที่สุด
จุดชมวิวนี้อยู่ริมถนนเลยค่ะ มีห้องน้ำ มีป้าย information ที่จอดรถกว้างขวาง เพราะใครผ่านมาก็จอดรถกันค่ะ
รูปจุดชมวิว Mt.Rundle เมื่อสักครู่ค่ะ มีหลายภูเขานะคะ แวะจุดเดียวชมภูเขาหลายลูกค่ะ มีป้ายบอกชื่อหมดค่ะ
หากยืนตรงจุดชมวิวนี้จะเห็นว่า ข้างล่างเป็นทะเลสาบ ซึ่งมีชื่อว่า Vermillion Lake มองข้ามทะเลสาบไปมองเห็นจุดๆเคลื่อนที่ได้จำนวนมาก เอากล้องถ่ายรูปที่มีฟังก์ชันอันน้อยนิดซูมถ่ายรูปมา ปรากฏว่าเป็นฝุงกวาง คิดว่านับร้อยๆตัวค่ะ เกลื่อนไปหมด
Banff เป็นเมืองเก่าแก่ สร้างเมื่อมีการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟ Trans Canada Highway (Hwy1) มีขนาดเมืองไม่ใหญ่ มีประชากรเพียง 7 พันกว่าคน คนต่างถิ่นมาทำงานประมาณ 1 พันคน แต่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละถึง 3 ล้านคน เนื่องจากมีการจำกัดขนาดเมือง คนที่จะมาศัยอยู่ที่นี่จะต้องอยู่ประจำและทำงานที่นี่ ไม่อนุญาตให้สร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือมาอยู่เพียงชั่วคราว ก่อนจะเข้าเมืองลองเลี้ยวซ้ายขึ้นไปประมาณ 5 กม.บนภูเขา Norquay จะมีจุดที่ชมเมือง Banff ทั่วทั้งเมืองค่ะ หากเป็นฤดูหนาว ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจะนิยมขึ้นมาบนเขานี้ เพราะเป็นที่เล่นสกีค่ะ ขึ้นไปชมได้ค่ะใกล้ๆแล้วค่ะ แต่นอกฤดูก็ไม่เห็นอะไรค่ะ
ลงจากเขา Norquay มาแล้ว ตรงเข้าเมืองเลยค่ะ เดี๋ยวมาต่อ
*** ไปค้นภาพ Lake Louise แล้วเจอของ Banff อีกหลายภาพ แต่เอาไป update ไว้ใน blog ค่ะ
ตามไปชมกันค่ะที่ http://bit.ly/2Banff