*** เปิดตัวโรงหนังไฮโซที่นั่งละ 1,000 บาท ***

http://www.posttoday.com/ธุรกิจ-ตลาด/ข่าวธุรกิจ-ตลาด/299168/เปิดตัวโรงหนังไฮโซที่ละ1000บาท

เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่าทุ่ม 120 ล้านบาทเปิดโรงภาพยนตร์หรู 6 ดาวครั้งแรกในไทยปักธงเซ็นทรัลเอ็มบาสซีคาด 5-6 ปีคืนทุน

นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ได้ลงทุนไปกว่า 120 ล้านบาท สร้าง “เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมทสกรีน โดย เอไอเอส” ซึ่งเป็นครั้งแรกของโรงภาพยนตร์หรูระดับ 6 ดาว ทั้ง 5 โรงภาพยนตร์ แห่งใหม่ล่าสุดในเมืองไทย โดยเปิดให้บริการบนชั้น 6 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ถ.เพลินจิต ติดกับห้างเซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป

สำหรับโรงภาพยนตร์ระดับ 6 ดาวดังกล่าว จะมีราคาค่าตั๋วในโรงที่ 1 ที่ 1,000 บาท ยกเว้นวันหยุดจะเพิ่มเป็น 1,100 บาท วันพฤหัสบดี ศุกร์และเสาร์ มี 31 ที่นั่ง ความพิเศษอยู่ที่มีเลานจ์และบาร์พิเศษส่วนตัว  ที่มีเครื่องดื่มคือ เบียร์ไฮเนเก้นขวดเล็ก 1 ขวด ซอฟท์ดริ้งค์ 1 กระป๋อง และในอนาคตจะเพิ่มขนมขบเคี้ยวเช่น ช็อกโกแลต มันฝรั่ง ที่นั่งออกแบบทั้งสำหรับมาเดี่ยวคู่ และ 3 ที่นั่งสำหรับครอบครัว เป็นโซฟาขนาดใหญ่เอนนอนเหยียดขา หมอน ผ้าห่ม ไฟส่องสว่างแบบปรับได้เหมือนชั้นธุรกิจในสายการบินสำหรับสั่งอาหารเครื่องดื่ม ด้านหลังมีไพรเวทบาร์ห้องกระจกเก็บเสียงได้สำหรับสังสรรค์ระหว่างชมภาพยนตร์

ส่วนโรงที่ 2-5 ราคาที่นั่งละ 900 บาทและเพิ่มเป็น 1,000 บาทในวันพฤหัสบดี ศุกร์และเสาร์ เช่นกัน ทุกที่นั่งออกแบบให้ความเป็นส่วนตัว มีไฟโคมตรงกลางและโต๊ะวางอาหารและเครื่องดื่ม ทุกที่นั่งจะมีปุ่มสำหรับเรียกมูฟวี่คองเซียสที่รับออเดอร์และเสิร์ฟบริการถึงที่นั่ง มีสายยูเอสบี เพื่อชาร์จสมาร์ทโฟนได้

นอกจากนี้ด้านนอกยังมีที่นั่งรับรองที่สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มก่อนเข้าชมได้อีกด้วย โดยราคาป๊อบคอร์นขนาด 64 ออนซ์ ราคา 130 บาท และเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งค์ขนาด 32 ออนซ์ 80 บาท รวมทั้งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิดให้บริการจำหน่าย

“ราคา 900 หรือ 1,000 บาท เบื้องต้นอาจมองว่าแพง แต่หากเทียบโรงภาพยนตร์ทั่วไปแล้ว เทียบเงินลงทุนรวมสูงกว่า 12 เท่า แต่คิดต่อที่นั่งราคาสูงกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไปเพียง 5 เท่า ซึ่งถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย และสัมผัสประสบการณ์หรู”

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผนึกพันธมิตรเพื่อให้บริการลูกค้าของพันธมิตร เริ่มจากเอไอเอส ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักรายใหญ่ โดยลูกค้าแพลตนินั่มของเอไอเอสที่มีเกือบแสนคน จะได้ลดราคา 25% และลูกค้าเซเรเนดที่มี 4 ล้านคนสามารถชมได้ในส่วนลด 20% และนับจากนี้จะเปิดตัวพันธมิตรรายใหม่ ได้แก่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, โนเบิล, เมอร์เซเดซ เบนซ์, ธนาคารกรุงเทพ, ไฮเนเก้น,เป็ปซี่ ซึ่งจะร่วมกันจัดกิจกรรมสำหรับลูกค้าต่อไป ลูกค้าพาร์ทเนอร์จะได้รับสิทธิส่วนลด 20% ทุกที่นั่ง หรือเริ่มต้น 720 บาท

ทั้งนี้ เอ็มบาสซี่ ดิโพลแมทสกรีน โดย เอไอเอส ถือเป็นสุดยอดโรงภาพยนตร์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างคลับเอ็กซ์คลูซีฟ และโรงภาพยนตร์ส่วนตัวที่มีบริการส่วนตัวระดับ 6 ดาว ให้ประสบการณ์ภาพยนตร์ร่วมกับคนรู้ใจอย่างเป็นส่วนตัว ออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่ได้รับรางวัลมากที่สุด คือ กลุ่มร๊อกเวลล์กรุ๊ป ยุโรป

โดยบริเวณโถงด้านหน้าโรงภาพยนตร์ออกแบบด้วยเหล็กสีทองที่ห่อหุ้มด้วยสีทอง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการขดตัวของขดฟิลม์ 35 มม. ซึ่งเป็นที่มาของโลกเซลลูลอยด์ที่ใช้ในการสร้างภาพยนตร์ เลานจ์รับรองได้รับการออกแบบให้ดูสง่างาม ด้วยรูปทรงไข่ที่คล้ายคลึงกับห้องนั่งเล่นของบ้านอัครมหาเศรษฐี

ลูกค้าพาร์ทเนอร์จะได้รับสิทธิส่วนลด 20% ทุกที่นั่ง ทุกรอบภาพยนตร์ สำหรับลูกค้า AIS และลูกค้า เซเรเนด, ผู้ถือบัตรเดบิต บัตรเครดิตในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ลูกบ้านโนเบิลทุกโครงการ, ผู้ถือบัตร เมอร์เซเดซการ์ด, ผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารกรุงเทพ  โดยลูกค้าพาร์ทเนอร์จะได้รับสิทธิในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในราคาเริ่มต้น 720 บาทต่อท่าน

นายฮอลล์กล่าวว่า จะใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี จะสามารถคืนทุนให้กับบริษัทได้ เนื่องจากผลตอบรับที่ดีเกินคาดจากทางพาร์ทเนอร์ โดยตั้งเป้า ยอดผู้ชมปีแรกที่ 1.3 แสนคนและมีอัตราการเติบโตของผู้เข้าชม 10% ทุกปี โดยอัตราการใช้โรงภาพยนตร์ ที่ 35% ขณะที่อัตราเฉลี่ยในประเทศไทยอยู่ที่ เพียง 20% โดยคาดว่ารายได้ในปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะมาจากยอดขายตั๋วภาพยนตร์ 100 ล้านบาท ยอดขายที่คอนเซสชั่น 10 ล้านบาท และยอดขายโฆษณา 30 ล้านบาท.



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่