ใครพอจะทราบสาเหตุของผู้สูงอายุที่ตัวมีกลิ่น (เหม็น) บ้างคะ แล้วต้องทำอย่างไร ถึงจะหายมีกลิ่น ?

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ
จะบอกก่อนว่า แม่ดิฉัน อายุ 60 แล้ว ที่จริง ถ้าเทียบกันคนทั่วไปแล้ว ก็ปกติใช่ไหมคะ
แต่แม่ของดิฉันเนี่ย แกทำงาน (ขายของ) หนักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ร่างกายก็เลยไม่ค่อยแข็งแรง สุขภาพก็ทรุดโทรมเร็วมาก
เรียกได้ว่า อายุ 60 ผมก็หงอก กลายเป็นสีขาว เต็มหัวแล้ว เลยล่ะคะ

ทีนี้ เรื่องของเรื่องก็คือ พออายุ เริ่มเยอะ กลิ่นตัวจากที่ไม่มี ก็เริ่มมี
เพื่อน ๆ ในพันทิป ลองนึกถึงเวลาไปอยู่ใกล้ ๆ คนแก่ ๆ นะคะ แล้วจะได้กลิ่นแบบนั้น นั่นแหละค่ะ

แม่บอกว่า เป็นกลิ่นคนแก่ ...พอร่างกาย ใช้งานมาหนัก ก็เหมือนสิ่งของแหละ
มันก็เริ่มผุพัง ทรุดโทรม ร่างกายก็เริ่มทรุดโทรม เริ่มมีกลิ่นเหมือนของที่เริ่มเน่าเสีย เริ่มที่จะใช้การไม่ได้แล้ว

ตั้งแต่นั้นมา แม่ดิฉันก็เริ่มตรอมใจ ร่างกายก็ยิ่งทรุดโทรมมากขึ้น เดี๋ยวนี้ เป็นอะไรนิด อะไรหน่อย
ก็เริ่มเหนื่อย เจ็บป่วยบ่อยขึ้น วัน ๆ นึง ก็อยากจะพักนอนตลอดเวลา ร่างกายไม่ไหว จะว่าไปก็ตามประสาคนแก่นั่นแหละค่ะ


แต่ดิฉันไม่ชอบเลยค่ะ ไม่อยากให้แม่คิดแบบนี้เลย คนเราเป็นลูก ก็คงอยากให้พ่อให้แม่เรา อยู่กับเราไปนาน ๆ ใช่ไหมคะ
เราก็ไม่อยากให้ท่านน่ะ ตรอมใจ หรือคิดอะไรมากไป แต่ร่างกายนี่สิ มันก็เริ่มพังไปตามประสาแหละเนอะ
จากที่ไม่เคยเป็นโรคอะไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นทั้งความดัน เบาหวาน และก็เริ่มมีอะไรอีกสารพัด
(จำไม่ค่อยได้แล้ว จำได้ว่าแม่ดิฉันเคยไปตรวจเมื่อปีที่แล้ว เป็นซี๊ดในไต แล้วก็ ไตกลีเซอไรด์)

และที่สำคัญ ก็เรื่องกลิ่น "ตัวที่เริ่มเหม็นนั่นแหละค่ะ ทั้งกลิ่นในปาก และกลิ่นจากตัว"
(ไม่ใช่ว่ากลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นปาก เหมือนพวกคนทั่วไปนะคะ)

จริง ๆ นะ เราก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่มันมีกลิ่นจริง ๆ ถามแม่ แม่ก็บอกว่า ก็อาบน้ำนะ
อาบทั้งเช้า และ เย็น ปรกติ เสื้อผ้าก็เปลี่ยนทุกครั้ง ปากก็คอยแปรงฟัน จนทุกวันนี้ แม่ดิฉันนี่แทบจะแปรงฟันทุกครั้งหลังจากทานข้าวด้วยซ้ำ
แต่ก็ยังมีกลิ่นอยู่ดี ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ หรือผู้รู้คนไหน เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหมคะ
แล้วเราจะมีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้างหรือเปล่าคะ คือไม่อยากให้แม่ดิฉัน เครียดไปจนถึงขั้นคิดว่า ตัวเองคงอยู่ไปได้อีกไม่นาน นี่เลยค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ก่อนอื่นเราต้องยอมรับก่อนค่ะว่าคนแก่แล้วจะ เหม็นเขียว พี่เป็นคนหนึ่งที่อยู่กับแม่ที่อายุมากแล้วเหมือนกัน ที่นี้เราจะต้องแก้ไขอย่างไรกับสภาวะการณ์นี้
1. อย่าทำท่าทางรังเกียจท่านเด็ดขาด
2. หาพิ้งเลดี้มาให้คุณแม่ดื่ม ดื่มแล้วฉี่ยังหอมเลยค่ะ
3. คลอโรฟิลของเซ็ปเป้ ช่วยได้มากอยู่เหมือนกัน ถ้ากลัวน้ำตาลก็ใช้ของ แบรนเนอร์เป็นเม็ดค่ะ 7-11 ก็มีขาย
4. ออกกำลังกายบ้าง เน้นว่าออกกำลังกายนะคะไม่ใช่ทำงาน เพราะมันไม่เหมือนกัน การออกกำลังกายทำให้
   จิตใจเป็นสุขร่างกายจะหลั่งสารความสุขออกมา ส่วนทำงานมันเครียดมีแต่เหงื่อไคล เหม็นค่ะ อย่างน้อยก็
   แกว่งแขนไปข้างหลัง ที่เรียกกันว่าท่าลดพุงน่ะค่ะหาดูในเน็ตได้
5. อย่าง คห ที่ 1 เลย งดเนื้อสัตว์ ทานปลาได้ค่ะ ไม่ค่อยเหม็น ทานอาหารรสไม่จัดก็ช่วยได้ พอแก่แล้วทานอะไร
    กลิ่นฟ้องมาก่อนเลยค่ะ
6. หมั่นหาหมอฟันดูแลหินปูนด้วย ใช้ยาสีฟันรุ่งอรุณ(เกลือ)ผสมกับยาสีฟันที่ใช้อยู่ ก่อนนอนก็อมไว้สักพักแล้วค่อยบ้วน
    ทิ้ง ใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยด้วย (สลับกันค่ะ)
7. เหนือสิ่งอื่นใดเราที่เป็นลูกต้องคอยเป็นกำลังใจ หรือพูดให้กำลังใจท่านเสมอๆ เช่น วันนี้แม่ตัวหอมจังเลยใช้สบู่อะไร
    แม่หอมทีสิวันนี้หอมจัง ความเครียดลดกลิ่นก็ลดได้
8. สุดท้ายอาจเป็นที่ยาที่ท่านทานด้วย อันนี้ก็ต้องดื่มน้ำมากๆเวลาทานยานะคะ

    อันนี้นอกเรื่อง..ลองหาโคโลญกลิ่นอ่อนๆมาให้ท่านลูบตัวหลังอาบน้ำดูบ้าง แม่พี่ใช้ของ Masca ราคาไม่ถึงร้อยเวลา
    พี่เข้า กทม. ซื้อมาทีเป็นโหล หอมเย็นๆไม่รบกวนคนอื่น พี่ซื้อที่ร้านขายยาสยามใกล้ รพ พระมงกุฎ ครั้งสุดท้ายซื้อมา
    ขวดละ 90 บาทเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่