ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัว iOS 8 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2014 โดยในงานนั้นยังได้เปิดตัว OS X 10.10 Yosemite อีกด้วย ซึ่ง iOS 8 ได้มีการพัฒนายังไงมาติดตามรับชมกันครับ
iOS 8 นั้นได้มีการต่อยอดมาจาก iOS 7 โดยยังคงเอกลักษณ์ด้านดีไซน์เอาไว้แต่ได้มีการพัฒนาให้สะดวก และน่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของ iOS 8 ที่ได้ทำการเปิดตัวในงานนั้นมีจุดเด่นดังนี้
Photos
ได้มีการปรับปรุงแอพพลิเคชั่น Photos ให้น่าใช้และมีฟีเจอร์ในการปรับแต่งรูปภาพให้สวยงามได้อย่างง่ายดาย ด้วย Smart Editing Tools เพียงแค่ลากนิดๆ หน่อย รูปมืดๆ เสียๆ ก็กลับมาสวยอย่างที่ต้องการได้ โดยยังมีระบบ iCloud Photo Library โดยรูปภาพหรือวิดีโอของคุณจะสามารถเปิดได้ด้วยจากทุกเครื่อง ทุกที่ ทุกเวลา โดยใช้ได้ฟรีใน 5 GB แรก หากยังไม่พอก็สามารถใช้บริการเนื้อที่ 20 GB เพียงเดือนละ 30 บาท และถ้าหากต้องการเก็บถึง 200 GB ก็เสียเพียงเดือนละประมาณ 120 บาทเท่านั้น
Messages
ได้มีการพัฒนาให้สื่อสารกันได้สะดวกกันมากยิ่งขึ้นกับระบบ Group Messages สามารถคุยกันเฉพาะกลุ่มโดยที่ยังสามารถกดไปดูตำแหน่งที่ตัวเอง และเพื่อนอยู่ได้ นอกจากนั้นยังสามารถส่งคลิปเสียง หรือวิดีโอสั้นๆ ง่ายๆ เพียงแค่กดอัดเสียง หรือวิดิโอแล้วลากขึ้นแค่นี้ก็จะส่งไปหาผู้ที่กำลังสนทนาด้วยได้แล้ว
Design
ได้มีการปรับให้น่าใช้ และสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่นระบบ Notifications ที่สามารถตอบรับ กดไลค์ หรือคอมเม้นท์ ส่งข้อความได้เพียงกดที่ตัว Notifications โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอพพลิเคชั่นอื่นให้เสียเวลา นอกจากนี้เรายังสามารถดูรายชื่อคนที่เราติดต่อครั้งสุดท้าย หรือ คนที่เราตั้งไว้เป็น Favorites ได้เพียงแค่กดที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง ซึ่งสามารถกดโทรศัพท์ หรือ FaceTime ไปหาได้เลย
QuickType
แป้นพิมพ์มหัศจรรย์(เวอร์)ที่สามารถทำให้เราพิมพ์อะไร ตอบอะไรได้ง่ายขึ้นด้วยการเสนอคำที่เราต้องการเช็น เวลาเพื่อนเราทักว่าจะไปดูหนัง หรือ เตะบอล ทางระบบจะเสนอคำออกมาให้เลือกว่าจะตอบ ดูหนัง เตะบอล หรือไม่ไป แหม่ ช่างสะดวกจริงๆ และที่สำคัญรองรับภาษาไทยด้วย และสามารถใช้แป้นพิมพ์ Third-Party ได้แล้ว
Family Sharing
คนมีครอบครัวแล้วน่าจะชอบระบบนี้ โดยระบบนี้จะทำให้คนในครอบครัวสนิทและรู้จักกันมากขึ้นโดยมีการแชร์รูปหรือวิดิโอ ตารางเวลาต่างๆ รวมถึงจุดที่แต่ละคนอยู่ ให้กับสมาชิกในครอบครัวได้ดูกัน โดยสมาชิกแต่ละคนจะสามารถซื้อ ดาวน์โหลดไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น เพลง หรือหนัง โดยผ่านเพียงบัตรเครดิตเดียว ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วงสำหรับกรณีเด็กกดซื้ออะไรที่ไม่ต้องการ โดยระบบจะทำการบอกให้ผู้ปกครองรับทราบว่าเด็กกำลังซื้ออะไรอยู่ และจะยืนยันให้ลูกซื้อหรือไม่
iCloud Drive
ได้มีการพัฒนา iCloud ให้สะดวกต่อการทำงานมากยิ่งขึ้นโดยการที่เราสามารถเปิดใช้ไฟล์ที่ต้องการได้เลย โดยไม่ต้องทำการ Copy หรือ Import จากแอพพลิเคชั่น ไปอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง และยังสามารถใช้ได้ทั้งบน iOS , OS X และ Windows อีกด้วย
Health
ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณเพียงแค่กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ระบบจะนำข้อมูลมาประมวลและแสดงผลออกมา และเราสามารถใส่ข้อมูลทางการแพทย์ของเราลงไป ซึ่งเมื่อเราเป็นอะไรขึ้นมาผู้คนที่กำลังช่วยเราสามารถดูข้อมูลของเราได้ผ่านทาง Lock screen
Continuity
ไม่ต้องวิ่งหา iPhone เวลามีคนโทรศัพท์เข้ามาแล้ว คุณสามารถรับโทรศัพท์ได้ผ่านทาง Mac หรือ iPad ก็ได้ นอกจากการรับสายโทรศัพท์แล้วยังสามารถใช้ได้กับอีเมล์ ข้อความ เป็นต้น และเมื่อ iPad เราไม่มีสัญญาณ Wi-Fi ระบบจะทำการเปิด Hotspot ที่ iPhone ของเราเอง โดยเมื่อใช้เสร็จแล้วระบบก็จะทำการปิดให้เองอัตโนมัติอีกด้วย
Spotlight
ได้พัฒนาความสามารถในการ search หาข้อมูลให้ดีกว่าเดิมด้วย Spotlight สามารถค้นหาได้ทั้งหมด ทั้งข้อมูลใน App Store ข่าวสาร สถานที่ ตารางเวลาโรงหนัง และยังสามารถนำไปใช้ได้บน Safari อีกด้วย
Developer
เป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้พัมนากันเลยทีเดียว โดยพัฒนาสามารถเพิ่มความสามารถให้แอพพลิเคชั่นของตนเองโดยการเปิดตัวให้สามารถใช้ API จากทาง Apple ไม่ว่าจะเป็น Touch ID, Camera API, PhotoKit, HealthKit, HomeKit และ CloudKit ซึ่งทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีฟีเจอร์ไม่ว่าจะเป็นตรวจลายนิ้วมือ ตรวจสุขภาพ ควมคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน และสามารใช้บริการ iCloud กับแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาได้ และยังเพิ่มความสามารถในด้านเกมอีกด้วยการพัฒนาและเปิดตัว SpriteKit , SceneKit และ Metal ที่ทำให้ตัวเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถพัฒนาเกมที่มีกราฟฟิคสวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวบริการ TestFlight ในกรณีที่ต้องการปล่อยตัวแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นเบต้าให้ทดลองใช้ และนอกจากนั้นยังเปิดตัวภาษาใหม่ Swift ซึ่งมีความสามารถมากกว่า Objective-C อีกด้วย
Enterprise
ในปัจจุบันบริษัทต่างๆ เริ่มใช้อุปกรณ์ของทาง Apple มาใช้ในการทำงานมากขึ้น โดย Enterprise นั้นได้มีการจัดการระบบในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น ทั้งระบบความปลอดภัย และการเข้าถึงของข้อมูลซึ่งช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนั้นยังได้มีการพัฒนา Siri มาอีกขั้นโดยเราสามารถเรียกใช้ Siri เพียงพูดว่า Hey! Siri โดยที่ไม่ต้องแตะต้องอะไรเลย และยังสามารใช้บริการตรวจค้นเพลงด้วย Shazam ผ่านทาง Siri ได้อีกด้วย และ ยังมีฟีเจอร์ที่ไม่ได้เปิดเผยในตัวงาน WWDC อีกด้วยเช่น สามารถโทรผ่าน Wi-Fi , รับสาย Facetime ซ้อน , ตรวจสอบการบริโภคพลังงานของแอพพลิเคชั่น, คำนวณเวลาที่ใช้ในการเดินทาง, Tips App , สามารถปรับค่า Focus และ Exposure แยกกันขณะใช้กล้อง, สามารถใช้ DuckDuckGo ในการค้นหา และคีย์บอร์ดภาษาเบลล์
โดย Apple Device ที่รองรับ iOS 8 มีดังนี้ iPhone 4s - iPhone 5s, iPod touch 5th generation, iPad 2, iPad with Retina display, iPad Air, iPad mini, iPad mini with Retina display โดยสามารถโหลดมาลองใช้ได้แล้วสำหรับนักพัฒณา ส่วนสำหรับบุคคลทั่วไปคาดว่าจะสามารถใช้ได้ในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ หรืออาจจะมาพร้อมกับ iPhone 6 กันเลยทีเดียว
ที่มา :
http://www.digizmoby.com/2014/06/apple-ios-8-wwdc-2014-feature/
iOS 8 เปิดตัวแล้ว! มาสรุปกันดีกว่า ว่ามีอะไรเพิ่มมาบ้าง
ในที่สุด Apple ก็ได้เปิดตัว iOS 8 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2014 โดยในงานนั้นยังได้เปิดตัว OS X 10.10 Yosemite อีกด้วย ซึ่ง iOS 8 ได้มีการพัฒนายังไงมาติดตามรับชมกันครับ
iOS 8 นั้นได้มีการต่อยอดมาจาก iOS 7 โดยยังคงเอกลักษณ์ด้านดีไซน์เอาไว้แต่ได้มีการพัฒนาให้สะดวก และน่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของ iOS 8 ที่ได้ทำการเปิดตัวในงานนั้นมีจุดเด่นดังนี้
Photos
ได้มีการปรับปรุงแอพพลิเคชั่น Photos ให้น่าใช้และมีฟีเจอร์ในการปรับแต่งรูปภาพให้สวยงามได้อย่างง่ายดาย ด้วย Smart Editing Tools เพียงแค่ลากนิดๆ หน่อย รูปมืดๆ เสียๆ ก็กลับมาสวยอย่างที่ต้องการได้ โดยยังมีระบบ iCloud Photo Library โดยรูปภาพหรือวิดีโอของคุณจะสามารถเปิดได้ด้วยจากทุกเครื่อง ทุกที่ ทุกเวลา โดยใช้ได้ฟรีใน 5 GB แรก หากยังไม่พอก็สามารถใช้บริการเนื้อที่ 20 GB เพียงเดือนละ 30 บาท และถ้าหากต้องการเก็บถึง 200 GB ก็เสียเพียงเดือนละประมาณ 120 บาทเท่านั้น
Messages
ได้มีการพัฒนาให้สื่อสารกันได้สะดวกกันมากยิ่งขึ้นกับระบบ Group Messages สามารถคุยกันเฉพาะกลุ่มโดยที่ยังสามารถกดไปดูตำแหน่งที่ตัวเอง และเพื่อนอยู่ได้ นอกจากนั้นยังสามารถส่งคลิปเสียง หรือวิดีโอสั้นๆ ง่ายๆ เพียงแค่กดอัดเสียง หรือวิดิโอแล้วลากขึ้นแค่นี้ก็จะส่งไปหาผู้ที่กำลังสนทนาด้วยได้แล้ว
Design
ได้มีการปรับให้น่าใช้ และสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น เช่นระบบ Notifications ที่สามารถตอบรับ กดไลค์ หรือคอมเม้นท์ ส่งข้อความได้เพียงกดที่ตัว Notifications โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอพพลิเคชั่นอื่นให้เสียเวลา นอกจากนี้เรายังสามารถดูรายชื่อคนที่เราติดต่อครั้งสุดท้าย หรือ คนที่เราตั้งไว้เป็น Favorites ได้เพียงแค่กดที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง ซึ่งสามารถกดโทรศัพท์ หรือ FaceTime ไปหาได้เลย
QuickType
แป้นพิมพ์มหัศจรรย์(เวอร์)ที่สามารถทำให้เราพิมพ์อะไร ตอบอะไรได้ง่ายขึ้นด้วยการเสนอคำที่เราต้องการเช็น เวลาเพื่อนเราทักว่าจะไปดูหนัง หรือ เตะบอล ทางระบบจะเสนอคำออกมาให้เลือกว่าจะตอบ ดูหนัง เตะบอล หรือไม่ไป แหม่ ช่างสะดวกจริงๆ และที่สำคัญรองรับภาษาไทยด้วย และสามารถใช้แป้นพิมพ์ Third-Party ได้แล้ว
Family Sharing
คนมีครอบครัวแล้วน่าจะชอบระบบนี้ โดยระบบนี้จะทำให้คนในครอบครัวสนิทและรู้จักกันมากขึ้นโดยมีการแชร์รูปหรือวิดิโอ ตารางเวลาต่างๆ รวมถึงจุดที่แต่ละคนอยู่ ให้กับสมาชิกในครอบครัวได้ดูกัน โดยสมาชิกแต่ละคนจะสามารถซื้อ ดาวน์โหลดไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น เพลง หรือหนัง โดยผ่านเพียงบัตรเครดิตเดียว ซึ่งไม่ต้องเป็นห่วงสำหรับกรณีเด็กกดซื้ออะไรที่ไม่ต้องการ โดยระบบจะทำการบอกให้ผู้ปกครองรับทราบว่าเด็กกำลังซื้ออะไรอยู่ และจะยืนยันให้ลูกซื้อหรือไม่
iCloud Drive
ได้มีการพัฒนา iCloud ให้สะดวกต่อการทำงานมากยิ่งขึ้นโดยการที่เราสามารถเปิดใช้ไฟล์ที่ต้องการได้เลย โดยไม่ต้องทำการ Copy หรือ Import จากแอพพลิเคชั่น ไปอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง และยังสามารถใช้ได้ทั้งบน iOS , OS X และ Windows อีกด้วย
Health
ศูนย์รวมข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณเพียงแค่กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ ระบบจะนำข้อมูลมาประมวลและแสดงผลออกมา และเราสามารถใส่ข้อมูลทางการแพทย์ของเราลงไป ซึ่งเมื่อเราเป็นอะไรขึ้นมาผู้คนที่กำลังช่วยเราสามารถดูข้อมูลของเราได้ผ่านทาง Lock screen
Continuity
ไม่ต้องวิ่งหา iPhone เวลามีคนโทรศัพท์เข้ามาแล้ว คุณสามารถรับโทรศัพท์ได้ผ่านทาง Mac หรือ iPad ก็ได้ นอกจากการรับสายโทรศัพท์แล้วยังสามารถใช้ได้กับอีเมล์ ข้อความ เป็นต้น และเมื่อ iPad เราไม่มีสัญญาณ Wi-Fi ระบบจะทำการเปิด Hotspot ที่ iPhone ของเราเอง โดยเมื่อใช้เสร็จแล้วระบบก็จะทำการปิดให้เองอัตโนมัติอีกด้วย
Spotlight
ได้พัฒนาความสามารถในการ search หาข้อมูลให้ดีกว่าเดิมด้วย Spotlight สามารถค้นหาได้ทั้งหมด ทั้งข้อมูลใน App Store ข่าวสาร สถานที่ ตารางเวลาโรงหนัง และยังสามารถนำไปใช้ได้บน Safari อีกด้วย
Developer
เป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้พัมนากันเลยทีเดียว โดยพัฒนาสามารถเพิ่มความสามารถให้แอพพลิเคชั่นของตนเองโดยการเปิดตัวให้สามารถใช้ API จากทาง Apple ไม่ว่าจะเป็น Touch ID, Camera API, PhotoKit, HealthKit, HomeKit และ CloudKit ซึ่งทำให้นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีฟีเจอร์ไม่ว่าจะเป็นตรวจลายนิ้วมือ ตรวจสุขภาพ ควมคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน และสามารใช้บริการ iCloud กับแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาได้ และยังเพิ่มความสามารถในด้านเกมอีกด้วยการพัฒนาและเปิดตัว SpriteKit , SceneKit และ Metal ที่ทำให้ตัวเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถพัฒนาเกมที่มีกราฟฟิคสวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวบริการ TestFlight ในกรณีที่ต้องการปล่อยตัวแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นเบต้าให้ทดลองใช้ และนอกจากนั้นยังเปิดตัวภาษาใหม่ Swift ซึ่งมีความสามารถมากกว่า Objective-C อีกด้วย
Enterprise
ในปัจจุบันบริษัทต่างๆ เริ่มใช้อุปกรณ์ของทาง Apple มาใช้ในการทำงานมากขึ้น โดย Enterprise นั้นได้มีการจัดการระบบในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น ทั้งระบบความปลอดภัย และการเข้าถึงของข้อมูลซึ่งช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนั้นยังได้มีการพัฒนา Siri มาอีกขั้นโดยเราสามารถเรียกใช้ Siri เพียงพูดว่า Hey! Siri โดยที่ไม่ต้องแตะต้องอะไรเลย และยังสามารใช้บริการตรวจค้นเพลงด้วย Shazam ผ่านทาง Siri ได้อีกด้วย และ ยังมีฟีเจอร์ที่ไม่ได้เปิดเผยในตัวงาน WWDC อีกด้วยเช่น สามารถโทรผ่าน Wi-Fi , รับสาย Facetime ซ้อน , ตรวจสอบการบริโภคพลังงานของแอพพลิเคชั่น, คำนวณเวลาที่ใช้ในการเดินทาง, Tips App , สามารถปรับค่า Focus และ Exposure แยกกันขณะใช้กล้อง, สามารถใช้ DuckDuckGo ในการค้นหา และคีย์บอร์ดภาษาเบลล์
โดย Apple Device ที่รองรับ iOS 8 มีดังนี้ iPhone 4s - iPhone 5s, iPod touch 5th generation, iPad 2, iPad with Retina display, iPad Air, iPad mini, iPad mini with Retina display โดยสามารถโหลดมาลองใช้ได้แล้วสำหรับนักพัฒณา ส่วนสำหรับบุคคลทั่วไปคาดว่าจะสามารถใช้ได้ในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ หรืออาจจะมาพร้อมกับ iPhone 6 กันเลยทีเดียว
ที่มา : http://www.digizmoby.com/2014/06/apple-ios-8-wwdc-2014-feature/