ผ่านไปแล้วตอนที่ 1 ไม่นึกว่าจะดาร์คขนาดนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเรตติ้งกับกระแสจะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ละครเรื่องนี้พล็อตแข็งมากสำหรับตอนแรก และ เชื่อได้ว่าถ้า .. ถ้าโจทำได้ดี งานนี้จะเป็นมาสเตอร์พีซด้านการแสดงของโจ เฉิง ตอนแรกก็สนใจเพราะดารามีชื่อเสียงมาเล่นเรื่องนี้เยอะ ไม่ใช่เฉพาะตัวหลักเท่านั้น พล็อตก็ดูมีอะไรให้คิดตาม อ่านข่าวไปเรื่อย ๆ มี ฟุกุยาม่า มาซาฮารุ ร้องเพลงประกอบละครให้ด้วย เอ๊ะ ชักจะยังไงล่ะ โปรเจคนี้ มันต้องมีอะไรซักอย่าง
พอดูตอนที่ 1 แบบยังไม่มีซับ ... อื้มมมมม จุก หน่วง ครั้งแรกได้ยินชื่อเรื่องเห็นนักแสดงก็นึกว่าโรแมนติคคอเมดี้ อ่านพล็อตแล้ว โอเค โรแมนติคดราม่า ดูเสร็จปั๊บ ... จุก เครียดขนาดนี้ แต่ดีนะ ดีเลยแหละ เข้าใจเลยว่าทำไมออกจากรมปุ๊บโจถึงโดดมารับเรื่องนี้เป็นโปรเจคแรก มันฉีกมาก ปกติแล้วถ้าเป็นซีรีส์ไต้หวันทั่วไปหากเกี่ยวกับวงการบันเทิงส่วนใหญ่ก็ว่าด้วยเรื่อง "ขาลง" ของดารานักแสดง ที่พยายามจะ back to the top เห็นกันบ่อย ๆ ในซีรีส์โรแมนติคคอมเมดี้ (ToGetHer Drama Go Go Go ฯลฯ)
แต่เรื่องนี้คือเรื่องของดารา A-list ที่งานดีแต่ "ใจพัง" ฉางเว่ยกับม่านหลิงเข้าวงการมาด้วยกันเป็นคู่จิ้นสวรรค์ประทานเคมีกันทั้งนอกจอและในจอ ใคร ๆ ก็ต่างรู้รวมทั้งตัวฉางเว่ยกับม่านหลิงเอง ทั้งคู่เล่นหนังด้วยกันมาเรื่อยโกยทั้งเงินโกยทั้งกล่อง แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉางเว่ยเริ่มมีปัญหากับตัวเองกับอาชีพกับชีวิตนักแสดง ความกดดันที่มีมาอย่างไม่สิ้นสุด ปาปาราซซี่ ผู้จัดการส่วนตัว โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ Entertainment Industry ที่ไม่อินังขังขอบ ไม่ละเอียดอ่อนกับความรู้สึกในใจของคน ... สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉางเว่ยมาถึงขีดสุดของตัวเอง
เขาเริ่มหวาดระแวง เริ่มแยกตัวจากผู้คน และ เริ่มแยกไม่ออกอีกเช่นกันว่าอะไรคือความจริงอะไรคือสิ่งที่แสดง หลายครั้งที่ฉางเว่ยอยู่ในจินตนาการที่ผุดขึ้นมาเพราะความกดดัน(สะเทือนใจกับฉากในจินตนาการ(คิดว่า)ของฉางเว่ยที่เห็นตัวเองเดินเนื้อตัวเปล่าเปลือยบนถนนท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ ทุกคนเห็นทุกคนมองแต่ฉางเว่ยไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เหมือนกับดาราที่ถูกทรีตอย่าง "สัตว์" ) บางทีเป็นละครที่ซ้อนอยู่ในโลกแห่งความจริง บางทีก็เป็นละครที่ซ้อนอยู่ในละครที่เขากำลังแสดง เป็นความเจ็บปวดและสิ้นหวังที่อยากจะอธิบาย หรือ บอกกับใครให้เข้าใจ แม้แต่ม่านหลิง ม่านหลิงรักฉางเว่ยฉางเว่ยก็รักม่านหลิง แต่เขาสองคนต่างเปลี่ยนไปจากดาราโนเนมเป็นคนมีชื่อเสียง ความรักความห่วงใยยังมีให้กันและกัน
แต่ม่านหลิงในวันนี้นอกจากฉางเว่ยแล้วก็ยังมีการงานมีสิ่งที่ต้องขบคิดอีกมาก เธอเปลี่ยนจากสาวน้อยไร้มายาเป็นซุปตาร์ตัวจริง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด ส่วนฉางเว่ยจากดาราเล็ก ๆ เป็นดาราใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากมายแต่ไร้สุข และชื่อเสียงเงินทองที่ไขว่คว้ามาได้ก็กลายเป็นปีศาจหลอกหลอน ฉางเว่ยพยายามสู้กับมันอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะสู้ได้แต่ไหน เพราะใจที่พังก็เริ่มจะบอกลางแพ้มากขึ้นทุกที่
“I now feel that everyday is the end of the world,
Have you ever thought of such fears?
So, you could only cry out loud at yourself,
just like you were being naked,
abandoned and left roaming the streets.
You’re sure that there’s so many eyes watching on you,
but you can’t see anyone.
I hold on to all the things I could hold,
only that may give me some comfort.
So that in such an end of the world,
I could feel a little less depressed.”
ฉันรู้สึกเหมือนทุกวันคือวันสิ้นโลก
เธอเคยคิดกลัวความรู้สึกเช่นนั้นไหม ?
ในเวลาที่เธอร่ำไห้ได้แต่เพียงกับตัวเอง
เหมือนเธอยืนเปล่าเปลือยและถูกทิ้งไว้กลางถนน
เธอรู้ว่าสายตานับพันคู่จ้องมอง
แต่เธอไม่รู้สึกรู้สมประหนึ่งว่าไม่มีใครทั้งนั้น
ฉันยื้อทุกสิ่งเท่าที่จะยื้อได้
มีแต่เพียงสิ่งนี้ที่ช่วยปลอบใจ
เพราะวันที่โลกถึงกาลดับ
ฉันคงรู้สึกเศร้าโศกน้อยกว่านี้
โถ ฉางเว่ย ...
Cr.
http://obsessionsofline.wordpress.com/2014/06/01/ylums-30min/
นับกว่ากล้าหาญชาญชัยมากที่สร้างพล็อตแบบนี้ จุกไปพร้อมกันอีก 19 ตอน
(TW series) You light up my star : ซีรีส์เรื่องนี้ต้องจับตาดู (สปอยด์นิดหน่อย)
พอดูตอนที่ 1 แบบยังไม่มีซับ ... อื้มมมมม จุก หน่วง ครั้งแรกได้ยินชื่อเรื่องเห็นนักแสดงก็นึกว่าโรแมนติคคอเมดี้ อ่านพล็อตแล้ว โอเค โรแมนติคดราม่า ดูเสร็จปั๊บ ... จุก เครียดขนาดนี้ แต่ดีนะ ดีเลยแหละ เข้าใจเลยว่าทำไมออกจากรมปุ๊บโจถึงโดดมารับเรื่องนี้เป็นโปรเจคแรก มันฉีกมาก ปกติแล้วถ้าเป็นซีรีส์ไต้หวันทั่วไปหากเกี่ยวกับวงการบันเทิงส่วนใหญ่ก็ว่าด้วยเรื่อง "ขาลง" ของดารานักแสดง ที่พยายามจะ back to the top เห็นกันบ่อย ๆ ในซีรีส์โรแมนติคคอมเมดี้ (ToGetHer Drama Go Go Go ฯลฯ)
แต่เรื่องนี้คือเรื่องของดารา A-list ที่งานดีแต่ "ใจพัง" ฉางเว่ยกับม่านหลิงเข้าวงการมาด้วยกันเป็นคู่จิ้นสวรรค์ประทานเคมีกันทั้งนอกจอและในจอ ใคร ๆ ก็ต่างรู้รวมทั้งตัวฉางเว่ยกับม่านหลิงเอง ทั้งคู่เล่นหนังด้วยกันมาเรื่อยโกยทั้งเงินโกยทั้งกล่อง แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉางเว่ยเริ่มมีปัญหากับตัวเองกับอาชีพกับชีวิตนักแสดง ความกดดันที่มีมาอย่างไม่สิ้นสุด ปาปาราซซี่ ผู้จัดการส่วนตัว โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ Entertainment Industry ที่ไม่อินังขังขอบ ไม่ละเอียดอ่อนกับความรู้สึกในใจของคน ... สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉางเว่ยมาถึงขีดสุดของตัวเอง
เขาเริ่มหวาดระแวง เริ่มแยกตัวจากผู้คน และ เริ่มแยกไม่ออกอีกเช่นกันว่าอะไรคือความจริงอะไรคือสิ่งที่แสดง หลายครั้งที่ฉางเว่ยอยู่ในจินตนาการที่ผุดขึ้นมาเพราะความกดดัน(สะเทือนใจกับฉากในจินตนาการ(คิดว่า)ของฉางเว่ยที่เห็นตัวเองเดินเนื้อตัวเปล่าเปลือยบนถนนท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ ทุกคนเห็นทุกคนมองแต่ฉางเว่ยไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เหมือนกับดาราที่ถูกทรีตอย่าง "สัตว์" ) บางทีเป็นละครที่ซ้อนอยู่ในโลกแห่งความจริง บางทีก็เป็นละครที่ซ้อนอยู่ในละครที่เขากำลังแสดง เป็นความเจ็บปวดและสิ้นหวังที่อยากจะอธิบาย หรือ บอกกับใครให้เข้าใจ แม้แต่ม่านหลิง ม่านหลิงรักฉางเว่ยฉางเว่ยก็รักม่านหลิง แต่เขาสองคนต่างเปลี่ยนไปจากดาราโนเนมเป็นคนมีชื่อเสียง ความรักความห่วงใยยังมีให้กันและกัน
แต่ม่านหลิงในวันนี้นอกจากฉางเว่ยแล้วก็ยังมีการงานมีสิ่งที่ต้องขบคิดอีกมาก เธอเปลี่ยนจากสาวน้อยไร้มายาเป็นซุปตาร์ตัวจริง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด ส่วนฉางเว่ยจากดาราเล็ก ๆ เป็นดาราใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากมายแต่ไร้สุข และชื่อเสียงเงินทองที่ไขว่คว้ามาได้ก็กลายเป็นปีศาจหลอกหลอน ฉางเว่ยพยายามสู้กับมันอยู่ แต่ก็ไม่รู้จะสู้ได้แต่ไหน เพราะใจที่พังก็เริ่มจะบอกลางแพ้มากขึ้นทุกที่
Have you ever thought of such fears?
So, you could only cry out loud at yourself,
just like you were being naked,
abandoned and left roaming the streets.
You’re sure that there’s so many eyes watching on you,
but you can’t see anyone.
I hold on to all the things I could hold,
only that may give me some comfort.
So that in such an end of the world,
I could feel a little less depressed.”
ฉันรู้สึกเหมือนทุกวันคือวันสิ้นโลก
เธอเคยคิดกลัวความรู้สึกเช่นนั้นไหม ?
ในเวลาที่เธอร่ำไห้ได้แต่เพียงกับตัวเอง
เหมือนเธอยืนเปล่าเปลือยและถูกทิ้งไว้กลางถนน
เธอรู้ว่าสายตานับพันคู่จ้องมอง
แต่เธอไม่รู้สึกรู้สมประหนึ่งว่าไม่มีใครทั้งนั้น
ฉันยื้อทุกสิ่งเท่าที่จะยื้อได้
มีแต่เพียงสิ่งนี้ที่ช่วยปลอบใจ
เพราะวันที่โลกถึงกาลดับ
ฉันคงรู้สึกเศร้าโศกน้อยกว่านี้
Cr. http://obsessionsofline.wordpress.com/2014/06/01/ylums-30min/
นับกว่ากล้าหาญชาญชัยมากที่สร้างพล็อตแบบนี้ จุกไปพร้อมกันอีก 19 ตอน